โทรศัพท์ 1358

“รองอธิบดีดุสิต” ร่วมพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการรอบแรก เข้าชิงรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2568 ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม
“รองอธิบดีดุสิต” ร่วมพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการรอบแรก เข้าชิงรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2568 ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม
กรุงเทพฯ 1 กรกฎาคม 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2568 ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายมนตรี วงค์มั่นกิจการ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 อาคารกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พระราม 4 และออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting การประชุมในครั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้ร่วมกันพิจารณาสรุปผลการคัดเลือกสถานประกอบการจาก 11 ราย ที่ได้มีการนำเสนอผลงาน เมื่อวันที่ 25-26 มิถุนายน 2568 ตามเกณฑ์ที่กำหนด และมีการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมที่โดดเด่น โดยมีสถานประกอบการ จำนวน 7 ราย ที่ผ่านเกณฑ์ มีคะแนนรวมเกิน 700 คะแนน ซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการตรวจประเมินสถานประกอบการ โดยคณะทำงานฯ จะกำหนดการลงพื้นที่ตรวจประเมินต่อไป การพิจารณารางวัลอุตสาหกรรมประจำปี พ.ศ. 2568 จะมุ่งเน้นให้รางวัลกับสถานประกอบการที่มีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนการประกอบการภาคอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะดวก สะอาด โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ” ที่ “เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน”
03 ก.ค. 2568
“ปลัดณัฐพล” สั่งการ “อธิบดีณัฏฐิญา” ติดอาวุธทักษะ ผปก. ภาคอีสานตอนบน สาขาอาหาร 2,000 คน อัพสกิลสู่เชฟไทยมืออาชีพ หนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่เวทีการค้าโลก ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
“ปลัดณัฐพล” สั่งการ “อธิบดีณัฏฐิญา” ติดอาวุธทักษะ ผปก. ภาคอีสานตอนบน สาขาอาหาร 2,000 คน อัพสกิลสู่เชฟไทยมืออาชีพ หนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่เวทีการค้าโลก ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
จ.ขอนแก่น 29 มิถุนายน 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ Train the Trainer “หลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ” โดยมี นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน และ ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายวิสาหกิจและสังคมยั่งยืน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ และนายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเตมีย์ พันธุวงค์ราช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการที่เข้ารับการฝึกอบรมฯ เข้าร่วมงาน ณ ห้อง Auditorium อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 อำเภอเมืองขอนแก่น ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญการยกระดับทุนทางวัฒนธรรมของไทย โดยเฉพาะในด้านอาหารที่เป็นอัตลักษณ์อันทรงคุณค่า เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งในด้านรสชาติ ความพิถีพิถัน และเรื่องราวเบื้องหลังแต่ละเมนู ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการพัฒนาและยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบาย “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน คู่ชุมชน” ผ่านกลยุทธ์ 4 มิติ ได้แก่ 1) ความสำเร็จทางธุรกิจ 2) การดูแลสังคมและชุมชน 3) การรักษาสิ่งแวดล้อม และ 4) การกระจายรายได้สู่ชุมชน และมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าพัฒนาศักยภาพกำลังคนในอุตสาหกรรมอาหารให้ก้าวสู่มาตรฐานสากลผ่านกระบวนการบูรณาการความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และอัตลักษณ์ไทยเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับอาหารไทยก้าวขึ้นสู่เวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน สอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ดีพร้อม เดินหน้าจัดกิจกรรมฝึกอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภายใต้โครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ สาขาอาหาร ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ผ่านกลยุทธ์ให้ทักษะใหม่ที่จำเป็นต่อการทำงาน โดยมุ่งยกระดับทักษะของคนไทยให้เป็นแรงงานทักษะสูงด้านอาหารไทยที่มีอัตลักษณ์เฉพาะ ทั้งในด้านรสชาติ ความสวยงาม และการนำเสนออย่างวิจิตรงดงาม ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา โดยดีพร้อม ตั้งเป้าในการพัฒนาเชฟไทยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จำนวน 2,000 คน ครอบคลุมจังหวัดอุดรธานี เลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร สกลนคร และนครพนม นอกจากนี้ กิจกรรม Train the Trainer ยังเป็นการเตรียมความพร้อมแก่ครูฝึก วิทยากร และบุคลากรจากสถาบันการศึกษาให้มีขีดความสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ และมาตรฐานด้านอาหารไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพของผู้เรียนและสร้างมาตรฐานการเรียนรู้ที่เท่าเทียมกันทั่วประเทศ เพื่อผลิต “เชฟอาหารไทยมืออาชีพ” ที่มีคุณภาพ พร้อมเป็น “ทูตวัฒนธรรมด้านอาหารไทย” ที่จะสามารถสร้างรายได้ ขยายโอกาส และต่อยอดสู่อาชีพที่มั่นคงในระดับชุมชน ภูมิภาค และนานาชาติต่อไป และในโอกาสนี้ ปลัดณัฐพล พร้อมคณะ ได้เยี่ยมชมและรับฟังสรุปภาพรวมการดำเนินงานของอุทยานวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 (North Eastern Science Park) อีกทั้ง เยี่ยมชมนิทรรศการและการดำเนินงานโรงงานต้นแบบแบตเตอรีลิเทียมไอออนอีกด้วย
03 ก.ค. 2568
“อธิบดีณัฏฐิญา” ร่วมประชุมบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เร่งเครื่องอุตสาหกรรมด้านอาหารและแฟชั่น มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบาย รมว.เอกนัฎ
“อธิบดีณัฏฐิญา” ร่วมประชุมบอร์ดซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เร่งเครื่องอุตสาหกรรมด้านอาหารและแฟชั่น มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบาย รมว.เอกนัฎ
กรุงเทพฯ 27 มิถุนายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติครั้งที่ 4/2568 โดยมี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานในการประชุม ร่วมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม เข้าร่วม ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุมครั้งนี้ ดีพร้อม ได้รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหารและแฟชั่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ผ่านการดำเนินโครงการยกระดับ "หนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย" เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านอาหารให้ผู้ที่สนใจ มีเป้าหมาย 17,000 คนทั่วประเทศ โดยขณะนี้ได้มีการจัดทำ Template กลางสำหรับการประชาสัมพันธ์ และการรับสมัครผ่านระบบ OFOS โดยนำระบบ Job DIPROM เข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่นอาหารไทย ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัย 4 ภาค เพื่อฝึกอบรมให้เกิดร้านอาหารเชฟชุมชน 100 ร้านค้า ผ่านการให้คำปรึกษาเชิงลึก จัดทำคู่มือมาตรฐาน และสร้างการรับรู้ผ่านบล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหาร พร้อมยังได้วางแผนต่อยอดไปสู่การเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ยกระดับเมนูร้านอาหารชุมชนสู่สายการบิน และร้านอาหารระดับพรีเมียม รวมถึงการเชื่อมโยงเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มช่องทางด้านการตลาด อีกทั้ง ยังมีการดำเนินโครงการด้านอาหารอีก 2 โครงการในการพัฒนาและยกระดับนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีเป้าหมาย 50 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการประชาสัมพันธ์เพื่อคัดเลือกสถานประกอบการ ประเมินศักยภาพผลิตภัณฑ์ วินิจฉัยสถานประกอบการ และปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและปรับภาพลักษณ์ ควบคู่ไปกับการเติมอัตลักษณ์ของชุมชนในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการขอรับรองมาตรฐาน และการส่งเสริมด้านการตลาดผ่านกลไกจับคู่ทางธุรกิจ ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ ยังได้รายงานถึง "โครงการส่งเสริม Soft Power เพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นบนฐานของทุนทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาในท้องถิ่น เชื่อมโยงการท่องเที่ยว" ซึ่งมุ่งยกระดับบุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่น 500 คน / 100 กิจการ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น การส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล และการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แฟชั่นและหัตถกรรมสิ่งทอระหว่างประเทศ การดำเนินการข้างต้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้แฟชั่นไทยมีบทบาทสำคัญในตลาดโลก โดยใช้ความโดดเด่นทางวัฒนธรรมเป็นจุดแข็ง ผ่านการส่งเสริมมุ่งยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้รับทราบการดำเนินงานในส่วนต่าง ๆ ได้แก่ แผนการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารฮาลาลและร้านอาหารฮาลาล "ต้มยำกุ้ง" ในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศโลกมุสลิม ความคืบหน้าของการจัดงาน SPLASH และความคืบหน้าของ พ.ร.บ. THACCA (CEA) รวมถึงการพิจารณาประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ การจัดงาน Grand Diwali 2025 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพิ่มเติม และการปรับยุทธศาสตร์การเข้าร่วม Specialized Expo และ World Expo ของประเทศไทย ตามยุทธศาสตร์การพัฒนา National Branding อีกด้วย
02 ก.ค. 2568
“ปลัดณัฐพล“ นำทีม “ดีพร้อม” บินตรงเมืองขามแก่น ร่วมงานเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 พร้อมโชว์ศักยภาพยกระดับอุตฯ สร้างสรรค์ ชู “วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ไม่สิ้นสุด” หนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทย
“ปลัดณัฐพล“ นำทีม “ดีพร้อม” บินตรงเมืองขามแก่น ร่วมงานเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 พร้อมโชว์ศักยภาพยกระดับอุตฯ สร้างสรรค์ ชู “วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ไม่สิ้นสุด” หนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทย
จ.ขอนแก่น 28 มิถุนายน 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ และนายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเตมีย์ พันธุวงค์ราช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมเปิดงานเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 Isan Creative Festival 2025 (ISANCFbobe) และเยี่ยมชมนิทรรศการการเผยแพร่ผลงานอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานดังกล่าว และนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับ ณ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ขอนแก่น (TCDC) งานเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ 2568 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “อีสานโชว์พ(ร)าว – ISAN SOUL PROUD” เพื่อแสดงศักยภาพของซอฟต์พาวเวอร์อีสานที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่ความงดงามและเสน่ห์ทางวัฒนธรรม แต่สามารถต่อยอดสู่การสร้างรายได้ การจ้างงาน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริง นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่ทดลองอนาคตของเศรษฐกิจไทย วัฒนธรรม และการพัฒนาเมืองที่เปิดให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ผ่านกระบวนการคืนถิ่น การสร้างย่านสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกับนักออกแบบท้องถิ่น สะท้อนถึงศักยภาพที่เปล่งประกายสู่ระดับประเทศและระดับโลก อีกทั้ง ยังเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ การศึกษา และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มธุรกิจที่ต่อยอดให้กลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ทั้งในระดับภูมิภาคและประเทศ ในโอกาสนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการแสดงเผยแพร่ผลงานการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในพื้นที่ภาคอีสานของดีพร้อม โดย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 5 6 และ 7 ภายในงานเทศกาลฯ ครั้งนี้ ผ่านแนวคิด "วงจรที่ไม่สิ้นสุด : ReThink - ReDesign - ReBorn" เป็นการนำเสนอการดำเนินงาน Circular Economy ผ่าน "วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์" โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซน 1 : ReThink - คิดใหม่ ตั้งแต่ต้นน้ำเริ่มที่ความเข้าใจ โดยเป็นการชวนตั้งคำถามกับระบบเศรษฐกิจเดิมที่ใช้แล้วทิ้ง และเปิดมุมมองใหม่ว่าสิ่งของที่เราใช้มี "ชีวิต" ที่ยาวนานกว่าที่คิด โซน 2 : ReDesign - ออกแบบใหม่ กลางน้ำให้ใช้ซ้ำ เพื่อยืดชีวิตสิ่งของเพื่อความยั่งยืน โดยนำเสนอแนวคิดการออกแบบไม่ใช่แค่สวย หรือใช้ได้ แต่ต้องคิดถึงผลกระทบตลอดวงจรชีวิตของสินค้า ยิ่งคิดเพื่อให้ "ไม่ต้องทิ้ง" ได้มากเท่าไรยิ่งใกล้ Circular Economy มากเท่านั้น และ โซน 3 : ReBorn - คืนชีพให้วัสดุเดิมในรูปแบบใหม่ ให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ผ่านแนวคิดของเก่าไม่ต้องจบชีวิตที่ถังขยะ หากเราคืนชีพให้มันในรูปแบบใหม่ - ไม่ใช่แค่รีไซเคิล แต่คือการให้ "คุณค่าใหม่" ทั้งนี้ มีการนำผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนาจากดีพร้อมมาจัดแสดงภายในงาน อาทิ เฟอร์นิเจอร์จากเศษผ้าทอพื้นเมือง กระเป๋าแฟชั่นจากผ้าทอใบลาน เครื่องประดับจากเมล็ดพืชพื้นถิ่น (เมล็ดกระดิน) เครื่องประดับจากเศษผ้าไหม นำมาผสานความคิดใหม่ (ReThink) การออกแบบใหม่เพื่อความยั่งยืน (ReDesign) และการเกิดใหม่ของผลิตภัณฑ์ (ReBorn) ไม่ใช่แค่การรีโซเคิล แต่ คือการ "คิดใหม่ ออกแบบใหม่ และคืนชีพใหม่" ให้กับทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อโลกที่ยั่งยืน โดยตลอด 9 วันของการจัดงาน มีนักสร้างสรรค์จากภาคอีสานและภูมิภาคอื่น ๆ มาร่วมกว่า 900 คน เครือข่ายต่างประเทศกว่า 9 ประเทศ คาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าชมงานกว่า 300,000 คน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท
01 ก.ค. 2568
“รองอธิบดีดุสิต” นำทีมคัดเลือกผู้ประกอบการรับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี 2568 ด้านการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม
“รองอธิบดีดุสิต” นำทีมคัดเลือกผู้ประกอบการรับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี 2568 ด้านการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม
กรุงเทพฯ 25 มิถุนายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2568 ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ครั้งที่ 2/2568 โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 อาคารกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ณ ดีพร้อม พระราม4 (DIPROM Rama IV Campus) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting ในการประชุมครั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้ร่วมรับฟังการนำเสนอผลงานของสถานประกอบการที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกในเบื้องต้น โดยมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์การสมัคร คือ เป็นกิจการที่ดำเนินการผลิตมาแล้ว อย่างน้อย 3 ปี และปัจจุบันได้รับการรับรองมาตรฐานสากล หรือมาตรฐานภายในประเทศในการดำเนินงาน เช่น ISO 9001, ISO 14001, TS 16949, GMP, HACCP, HALAL, ISO 22000ม SEDEX และ GI 3 รวม 11 กิจการ โดยได้มีการซักถาม และลงคะแนนตามเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก 6 หมวด ประกอบด้วย 1) ด้านความสามารถในการบริหารจัดการขององค์กร มุ่งสู่ความสำเร็จทางธุรกิจเกิดความสมดุลและยั่งยืนเชิงประจักษ์ 2) ด้านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีภายในองค์กร พร้อมนำเทคโนโลยี/นวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต 3) ผลการดำเนินการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีขององค์กร 4) ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยการทำกิจกรรมสอดรับกับความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน เพื่อดูแลสังคมโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรม 5) องค์กรมีการผลักดันการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยนำแนวคิด BCG Economy Model มาประยุกต์ใช้เพื่อความยั่งยืน และ 6) สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้คนในชุมชนรอบอุตสาหกรรม กระจายรายได้และส่งเสริมธุรกิจเพื่อชุมชน ทั้งนี้ สถานประกอบการที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาในครั้งนี้ จะเข้าสู่รอบ Site Visit โดยคณะทำงานฯ จะมีกำหนดการลงพื้นที่ เพื่อประเมินสถานประกอบการที่มีความเหมาะสมในการรับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี 2568 ภายใต้หลักแนวคิด “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ ที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” ครอบคลุมนโยบาย MIND 4 มิติ ของ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
27 มิ.ย. 2568
“อธิบดีณัฐฏิญา” แท็คทีมดีพร้อม เตรียมจัดบิ๊กอีเว้นท์ส่งท้ายปี มหกรรม “เสน่ห์ไทย” (Thai Vibe by DIPROM) โชว์อัตลักษณ์ แสดงศักยภาพ การเชื่อมโยงและต่อยอด Soft Power อาหารผ่านสาขาที่เกี่ยวข้องหนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล
“อธิบดีณัฐฏิญา” แท็คทีมดีพร้อม เตรียมจัดบิ๊กอีเว้นท์ส่งท้ายปี มหกรรม “เสน่ห์ไทย” (Thai Vibe by DIPROM) โชว์อัตลักษณ์ แสดงศักยภาพ การเชื่อมโยงและต่อยอด Soft Power อาหารผ่านสาขาที่เกี่ยวข้องหนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล
กรุงเทพฯ 25 มิถุนายน 2568 - นางสาวณัฐฏิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะทำงานจัดงานมหกรรม “เสน่ห์ไทย” ภายใต้โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ครั้งที่ 1/2568 พร้อมด้วย นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประธานคณะทำงาน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) พระรามที่ 6 ราชเทวี และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting การประชุมดังกล่าว เป็นการเตรียมการจัดงานมหกรรม “เสน่ห์ไทย” (Thai Vibe by DIPROM) THAILAND INDUSTRY EXPO 2025 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลสำเร็จของการดำเนินงาน Soft Power สาขาอาหาร โดยการนำเสนออัตลักษณ์และเสน่ห์ของอาหารไทยที่มีความหลากหลาย ซึ่งผ่านการพัฒนาจาก “ดีพร้อม” และถ่ายทอดในรูปแบบที่เรียบง่าย ทันสมัย และสามารถเรียนรู้ได้ด้วยประสบการณ์จริง นอกจากนี้ ยังเป็นแสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่เชื่อมโยงและต่อยอดจาก Soft Power สาขาอาหาร ออกมาให้เห็นผ่านสาขาอื่น ๆ ด้วย อาทิ หัตถอุตสาหกรรม สิ่งทอและแฟชั่น และศาสตร์ของสุขภาพและความงาม โดยภายในงาน จะมีการเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เจ้าของแบรนด์ท้องถิ่น และ SMEs มีเวทีในการโชว์ศักยภาพอย่างสร้างสรรค์ พร้อมเชื่อมโยงวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้ากับเทรนด์โลกเพื่อผลักดัน "Thai Soft Power" สู่นานาชาติ สอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล โดยฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอรูปแบบของการจัดงานฯ ภายใต้แนวคิด " Soft Power Thai : สู่โลกผ่านอาหาร แฟชั่น และศิลปะ" ซึ่งมีการกำหนดรูปแบบการนำเสนอภายในงานเบื้องต้น ได้แก่ (1) พื้นที่สำหรับแสดงให้เห็นถึงภารกิจของดีพร้อม (DIPROM) ในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยด้วยรากฐานจากชุมชนและส่งต่ออัตลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” (2) อาหารไทย 4 ภาค: เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์และเสน่ห์ของอาหาร 4 ภาคของไทย ผ่านรูปแบบ Street Food ยอดนิยม อาหารพื้นถิ่นที่น่าสนใจ และอาหารไทยประยุกต์รวมไว้ด้วยกัน (3) ความหลากหลายของแฟชั่นหรือหัตถอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับการส่งต่อและร้อยเรียงผ่านศิลปะของอาหารไทย (Thai Fashion / Thai Craft) เป็นการนำเสนอโดยอาจสื่อสารผ่านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบไทยสไตล์ โดยจะมีการเปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าชมงานได้ชมการสร้างสรรค์ ลงมือทำ และพบปะผู้ผลิตงานฝีมือต่าง ๆ (4) การนำเสนอความหลากหลายของเมล็ดกาแฟและโกโก้สายพันธุ์ไทยจากแหล่งปลูกทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอผ่านเมนูสร้างสรรค์ รวมถึงกิจกรรมการทดลองชงและชิม (5) การนำเสนอศาสตร์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความงาม และภูมิปัญญาแบบไทย ๆ ผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและวิธีการบำบัดแบบไทย โดยอธิบดีณัฏฐิญา ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดพื้นที่ภายในงานว่า สามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 โซน 4 ภาค มีการกำหนดแลนด์มาร์คและจุดเช็คอินที่สามารถดึงดูดความน่าสนใจจากผู้เข้าร่วมงานให้ไปเยี่ยมชมในแต่ละโซนได้อย่างทั่วถึง พร้อมดึงอัตลักษณ์ประจำถิ่นผนวกกับการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น โดยจะมีทั้งเรื่องของอาหาร แฟชั่น ศิลปะและการออกแบบ และสุขภาพ ที่สะท้อนถึงกลิ่นอายของแต่ละพื้นถิ่น เสน่ห์ความเป็นไทย และพลังซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ซึ่งในส่วนของเวทีกลางควรมีการจัดกิจกรรมอบรมด้านอาหารทั้ง 7 หลักสูตรเฉพาะ รวมทั้ง การจัดกิจกรรมสาธิตการปรุงเมนูอาหาร ตลอดจนการนำเสนอผลสำเร็จการยกระดับและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้มีการสร้างการรับรู้ผ่านการประชาสัมพันธ์การจัดงานผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ การใช้นักแสดงและอินฟลูเอ็นเซอร์เพื่อสร้างคอนเทนต์รีวิว รวมถึงการสร้าง Story Telling ของแต่ละโซนเพื่อเป็นการบอกต่อและเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ คณะทำงานได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการปรับรูปแบบการวางแผนผังของงานตามข้อคิดเห็น เพื่อมานำเสนอในการประชุมครั้งต่อไป โดยคาดว่างานมหกรรม “เสน่ห์ไทย” (Thai Vibe by DIPROM) THAILAND INDUSTRY EXPO 2025 ดังกล่าว จะจัดในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
27 มิ.ย. 2568
“รองอธิบดีดวงดาว" เข้าร่วมประชุมบอร์ดสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2568 เตรียมพร้อมจัดงานใหญ่ Bangkok Gems ครั้งที่ 72 ลุยเสริมทัพโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ
“รองอธิบดีดวงดาว" เข้าร่วมประชุมบอร์ดสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2568 เตรียมพร้อมจัดงานใหญ่ Bangkok Gems ครั้งที่ 72 ลุยเสริมทัพโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ
กรุงเทพฯ 24 มิถุนายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2568 โดยมีคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคารสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ การประชุมดังกล่าว ผู้ร่วมประชุมได้ร่วมพิจารณาวาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย โดยเห็นชอบการกำหนดราคาการขายพื้นที่สื่อประชาสัมพันธ์ในงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 72 พร้อมทั้งอนุมัติการใช้เงินสะสมจากรายได้ค่าบริหารจัดการงานดังกล่าว เพื่อจัดจ้างผู้ให้บริการดำเนินการด้านสื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการประชาสัมพันธ์งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้ให้ความเห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ เรื่องการจัดกิจกรรมภายใต้ โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ (Buy with Confidence) ระหว่างสถาบันฯ กับ กลุ่มบริษัทพันธมิตร ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นการส่งเสริมการค้าในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ พร้อมกันนี้ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ มีการรายงานข้อมูลต่าง ๆ ให้คณะกรรมการได้รับทราบ ประกอบด้วย 1) สถานการณ์การนำเข้าและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2568 เพื่อประเมินภาพรวมและแนวโน้มของตลาด 2) รายได้จากผลการดำเนินงานและกิจกรรมการตลาดประจำ เดือนพฤษภาคม 2568 เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าและประสิทธิภาพของการดำเนินงาน และ 3) สรุปผลการศึกษาดูงานที่นครอะรูชา สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจและแลกเปลี่ยนความรู้ในต่างประเทศ และนำมาปรับใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยต่อไป
27 มิ.ย. 2568
"รองอธิบดีดวงดาว" สั่งทีม เดินหน้าประเมินสมรรถนะร่วมที่ปรึกษาอุตสาหกรรม เร่งขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนใน 4 มิติ ตามนโยบาย MIND ของปลัดณัฐพล
"รองอธิบดีดวงดาว" สั่งทีม เดินหน้าประเมินสมรรถนะร่วมที่ปรึกษาอุตสาหกรรม เร่งขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนใน 4 มิติ ตามนโยบาย MIND ของปลัดณัฐพล
กรุงเทพฯ 23 มิถุนายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการประเมินสมรรถนะร่วมที่ปรึกษาอุตสาหกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 2/2568 โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาที่ปรึกษาอุตสาหกรรม ผู้แทนสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของดีพร้อมร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมครั้งนี้ มีการรายงานการทบทวนรูปแบบการประเมินและปรับแก้เกณฑ์การประเมินสมรรถนะร่วมที่ปรึกษาอุตสาหกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และพิจารณารายชื่อผู้สมัครเข้ารับการประเมินสมรรถนะร่วมที่ปรึกษาอุตสาหกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยในปีนี้มีผู้สมัครประสงค์เข้ารับการประเมินฯ จำนวนทั้งสิ้น 30 ราย มีผู้ผ่านคุณสมบัติพื้นฐาน จำนวน 28 ราย และผ่านเกณฑ์การประเมินฯ เบื้องต้น โดยได้คะแนนผ่านเกณฑ์ 70 คะแนนขึ้นไป จำนวน 18 ราย เพื่อเข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์ ซึ่งการประเมินสมรรถนะร่วมที่ปรึกษาอุตสาหกรรมมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับและพัฒนาที่ปรึกษาอุตสาหกรรมให้มีสมรรถนะและความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการ ตลอดจนเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน และหน่วยส่งเสริม SMEs ให้สามารถเข้าถึงและได้รับบริการจากที่ปรึกษาอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ทั้งนี้ รองอธิบดีดวงดาว ให้ข้อเสนอแนะว่าควรมีการศึกษาวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่ปรึกษาอุตสาหกรรม ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (Supply) กับความต้องการของผู้รับบริการ (Demand) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงเร่งให้มีการนำที่ปรึกษาของดีพร้อมเข้าสู่ระบบการพัฒนา เพื่อเป็นการกำหนดกลไกและผลักดันให้เกิดการใช้งานที่ปรึกษาอุตสาหกรรมที่ผ่านการประเมินสมรรถนะฯ ซึ่งเป็นการขยายตลาดการให้บริการแก่ SMEs อย่างมีคุณภาพ ตลอดจนเป็นการสั่งสมความเชี่ยวชาญให้แก่ที่ปรึกษาเฉพาะด้านให้มากขึ้น โดยที่ปรึกษาเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสอดรับกับบริบทและทิศทางการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนตามนโยบาย MIND ของ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
27 มิ.ย. 2568
"เอกนัฏ" ลงพื้นที่เมืองสองแคว ชมผลงาน "ดีพร้อม" หนุนใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ปั้นเมนูอาหาร ส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชนวังทอง ดัน Soft Power ไทย
"เอกนัฏ" ลงพื้นที่เมืองสองแคว ชมผลงาน "ดีพร้อม" หนุนใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ปั้นเมนูอาหาร ส่งเสริมอัตลักษณ์ชุมชนวังทอง ดัน Soft Power ไทย
จ. พิษณุโลก 23 มิถุนายน 2568 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการ พร้อมให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ "เสริมทักษะอาชีพสู่ Soft Power ชุมชนให้ดีพร้อม" หลักสูตร "อาหารพื้นบ้าน ทำง่าย ขายคล่อง Soft Power ไทย" โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวัชรุน จุ้ยจำลอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้เข้าร่วมฝึกอบรมในชุมชนวังทอง และคณะสื่อมวลชน โดยมี นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวต้อนรับ ณ ศูย์ประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นประจำอำเภอวังทอง กิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ "เสริมทักษะอาชีพสู่ Soft Power ชุมชน ให้ดีพร้อม หลักสูตร อาหารพื้นบ้าน ทำง่าย ขายคล่อง Soft Power ไทย" เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล โดยดีพร้อมมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสอดรับกับวิสัยทัศน์ที่มุ่งใช้ "การพัฒนาที่ยั่งยืน" เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในยุคใหม่ ซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 มิติสำคัญ ได้แก่ ความสามารถในการแข่งขัน การได้รับการยอมรับจากชุมชนและสังคม การตอบโจทย์กติกาสากลด้านสิ่งแวดล้อม และการกระจายรายได้สู่ชุมชน ภายใต้นโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่ดำเนินการตามกลยุทธ์ "4 ให้" ได้แก่ ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล และให้ธุรกิจที่ดีคู่ชุมชน ก่อนเริ่มกิจกรรมการฝึกอบรม ”รัฐมนตรีเอกนัฏ“ ได้ให้เกียรติมอบฉลากบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบโดยดีพร้อมให้ผู้ประกอบการกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชนจำนวน 5 ราย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ จากนั้นได้เยี่ยมชมฐานฝึกอาชีพด้านการทำอาหารหลากหลายหลักสูตร ซึ่งใช้วัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อของอำเภอวังทอง ได้แก่ น้ำพริกเห็ดทรงเครื่องสมุนไพร ไข่เค็มสมุนไพร และปลาส้มสมุนไพร เพื่อยกระดับอาหารไทย ผ่านการส่งเสริมการใช้อัตลักษณ์ภูมิปัญญาและวัตถุดิบในท้องถิ่น ซึ่งอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการเกษตรสูง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศและทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้ออำนวย ทำให้มีวัตถุดิบหลักที่หลากหลาย การบูรณาการวัตถุดิบเหล่านี้เข้ากับการแปรรูป จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมเศรษฐกิจของอำเภอวังทองให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งสอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล นอกจากนี้ ภายในงานยังมีบูธสาธิตเครื่องบรรจุกระป๋องจากดีพร้อม และบูธให้คำแนะนำจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการเริ่มต้นธุรกิจและขยายโอกาสทางการตลาด มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 150 คน จากหลายตำบลในอำเภอวังทอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจและความพร้อมของชุมชนในการพัฒนาศักยภาพตนเองเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
27 มิ.ย. 2568
"ดีพร้อม" จับมือ JICA เร่งเดินหน้าพัฒนาเครือข่าย RISMEP ดัน Smart SMEs ในพื้นที่ ให้โตได้ นำร่องเหนือ ใต้ อีสาน ตามนโยบาย "รวอ.เอกนัฏ"
"ดีพร้อม" จับมือ JICA เร่งเดินหน้าพัฒนาเครือข่าย RISMEP ดัน Smart SMEs ในพื้นที่ ให้โตได้ นำร่องเหนือ ใต้ อีสาน ตามนโยบาย "รวอ.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 20 มิถุนายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุม แนวทางการขับเคลื่อนโครงการ Smart Factory for Local SMEs Towards Thailand 4.0 Through Regional Integrated SME Promotion (RISMEP) โดยมี นายซุนซูเกะ ซาคูโดะ หัวหน้าผู้แทนองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น ผู้แทนภาครัฐ ผู้แทนภาคเอกชน คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของ JICA พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของดีพร้อมร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโซน 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว เป็นการหารือร่วมกันระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กับ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) ในการดำเนินโครงการระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2568-2571) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับเครือข่าย RISMEP ให้สามารถให้บริการ ส่งเสริม และผลักดันผู้ประกอบการรายย่อยในภูมิภาคให้ก้าวสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ โดยดีพร้อมได้แนะนำความเป็นมาและภาพรวมโครงการ RISMEP ใน 3 พื้นที่นำร่อง คือ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานี และผู้เชี่ยวชาญจาก JICAได้นำเสนอเป้าหมาย วัตถุประสงค์ แนวทาง และกรอบการดำเนินการโครงการ Smart Factory for Local SMEs Towards Thailand 4.0 Through Regional Integrated SME Promotion (RISMEP) ระหว่างปี พ.ศ. 2568 – 2571 ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและเห็นชอบองค์ประกอบของคณะกรรมการประสานงานร่วมโครงการ (Project Joint Coordinating Committee : JCC) ภายใต้โครงการ RISMEP รวมถึงมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถตอบสนองผู้รับบริการและเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลสูงสุด “รองดวงดาว” กล่าวว่า โครงการนี้จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีพร้อมและ JICA "ร่วมสร้าง" มูลค่าเพิ่มได้ โดยอาศัยความร่วมมือที่ยาวนานและแข็งแกร่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกันพัฒนารูปแบบ และช่องทางการเข้าถึงการบริการส่งเสริมวิสาหกิจอย่างง่ายและครบวงจร ผ่านการเชื่อมโยง และส่งต่อบริการของสมาชิกเครือข่าย โดยผู้ประกอบการสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยงานใดก็ได้ภายในเครือข่าย RISMEP ซึ่งรูปแบบการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยกระจายการให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชนได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งดำเนินการแล้วใน 33 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 – 11 เป็นผู้ขับเคลื่อนกลไกดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายและที่ปรึกษาธุรกิจในพื้นที่ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ได้พัฒนารูปแบบเพื่อยกระดับการให้บริการที่ตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นกับ SMEs ในพื้นที่ภูมิภาค ผ่านการนำระบบ IoT และ Digitalization มาปรับใช้ในธุรกิจ พร้อมเสริมทักษะให้ผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามมิติใหม่ของโลกยุคปัจจุบัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง พัฒนาและยกระดับทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไทย และสอดรับกับนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งพัฒนาให้ผู้ประกอบการไทยเดินหน้าเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับรูปแบบการให้บริการใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ และพร้อมก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าในการส่งมอบบริการของเครือข่าย RISMEP ให้กับ SMEs ในพื้นที่ได้
26 มิ.ย. 2568