โทรศัพท์ 1358

“ดีพร้อม” จุดประกาย เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยในงาน CENTRESTAGE 2025 บนเวทีแฟชั่นงานใหญ่ระดับเอเชีย
“ดีพร้อม” จุดประกาย เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยในงาน CENTRESTAGE 2025 บนเวทีแฟชั่นงานใหญ่ระดับเอเชีย
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 4 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารดีพร้อม ร่วมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วมงานและชมการแสดงแฟชั่นโชว์แบรนด์สินค้าไทยภายในงาน CENTRESTAGE 2025 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน งาน CENTRESTAGE 2025 ซึ่งเป็นงานแฟชั่นแสดงสินค้าเชิงพาณิชย์ระดับภูมิภาค ที่มีการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 กันยายน 2568 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Centre (HKCEC) นับเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมตลาดแฟชั่นไทยกับตลาดภูมิภาคและตลาดโลก มีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 260 แบรนด์ จาก 24 ประเทศทั่วทุกภูมิภาค โดยมีจำนวนแบรนด์เข้าร่วมมากที่สุดนับตั้งแต่จัดงาน ภายในงานแบ่งออกเป็น 6 โซนหลัก (thematic zones) ได้แก่ Accessories, Athleisure, Craftsmanship, Contemporary, Urban และ Circular Fashion ซึ่งสะท้อนแนวโน้มแฟชั่นในโลกยุคใหม่ อาทิ ความยั่งยืนและนวัตกรรม อีกทั้งยังมีการจัดแฟชั่นโชว์กว่า 28 เวที ตลอดงาน รวมถึงการประกวด Young Fashion Designers’ Contest (YDC) ที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่แสดงผลงานและโชว์ศักยภาพ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของปีนี้คือ การนำผลงานแฟชั่นไทย ภายใต้แนวคิด “SHOWPOW Fashion Show by DIPROM” เข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์บนเวทีหลัก โดยมีนักออกแบบและผู้ประกอบการแฟชั่นไทยกว่า 4 แบรนด์ เข้าร่วม อาทิ FEEL YOUTH, TYCOON, AKALIKO COCOON และ KH EDITIONS ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นร่วมสมัย งานคราฟต์จากชุมชนท้องถิ่น และแฟชั่นรักษ์โลก (Sustainable Fashion) ซึ่งผลงานต่าง ๆ ได้ผสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย เช่น ลวดลายผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นถิ่น เข้ากับดีไซน์สมัยใหม่ จนได้รับความสนใจจากผู้ซื้อและสื่อมวลชนจากต่างประเทศอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถนำข้อคิดและแบบอย่างจากโชว์ต่าง ๆ ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่น การใช้แนวคิด Circular Fashion มาผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือผสมผสาน Craftsmanship กับ Contemporary Design เพื่อสร้างความโดดเด่นในตลาด อีกทั้งยังสามารถนำ Athleisure หรือ Urban ไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นระดับภูมิภาคและระดับโลกได้มากขึ้น
08 ก.ย. 2568
DIPROM X HKTDC จับมือหนุน SMEs ไทย ขยายตลาดแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารแปรรูป เสริมพลังซอฟต์พาวเวอร์ สร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
DIPROM X HKTDC จับมือหนุน SMEs ไทย ขยายตลาดแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารแปรรูป เสริมพลังซอฟต์พาวเวอร์ สร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าเยี่ยมคารวะ และประชุมหารือสร้างความร่วมมือกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ร่วมด้วย นายวิล ลี ผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการและธุรกิจดิจิทัล นายเอ็ดดี ลี รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นางสาวเทนดี้ แลม หัวหน้าฝ่ายนิทรรศการและธุรกิจดิจิทัล และนายไดสึเกะ นาคาจิมะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ HKTDC พร้อมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้อง 3601 ชั้น 36 สำนักงาน HKTDC เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมดังกล่าว มีการหารือร่วมกันระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ในประเด็นแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย รวมทั้งการพัฒนาโครงการร่วมกันในอนาคต อาทิ การประชาสัมพันธ์สินค้า การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการเปิดตลาดในต่างประเทศ ที่มุ่งผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา ดีพร้อม และ HKTDC มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันจำนวน 2 ฉบับ (ปี 2016 และ 2018) โดยมีวัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยง SMEs ไทย–ฮ่องกง พร้อมทั้งส่งเสริมการค้าในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารแปรรูป โดยดีพร้อมได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน Hong Kong Fashion Week, CentreStage และ Hong Kong Food Expo สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 40 ล้านบาท ในช่วงระหว่างปี 2561–2562 ต่อมาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการปรับรูปแบบกิจกรรมเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าของผู้ประกอบการในรูปแบบออนไลน์บนเว็บไซต์ของ HKTDC และกิจกรรมดีพร้อมคอนเน็กส์ (DIPROM ConNEXT) เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านการค้าและเศรษฐกิจ การส่งเสริมการค้าร่วมกัน การจัดสัมมนาเพื่อพัฒนาความรู้ผู้ประกอบการ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของฮ่องกง ทั้งนี้ ดีพร้อม มุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน และดีพร้อมคอมมูนิตี้ (DIPROM Community) เพื่อส่งเสริม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน และ SMEs ไทย ผ่านการบูรณาการซอฟต์พาวเวอร์และทุนทางวัฒนธรรมเข้ากับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
08 ก.ย. 2568
“ดีพร้อม” โชว์ความสำเร็จ 13 ต้นแบบ ขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs สู่คาร์บอนต่ำ ด้วย BCG Model รับมาตรฐานใหม่โลก พร้อมลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 120,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)
“ดีพร้อม” โชว์ความสำเร็จ 13 ต้นแบบ ขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs สู่คาร์บอนต่ำ ด้วย BCG Model รับมาตรฐานใหม่โลก พร้อมลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 120,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)
กรุงเทพฯ 2 กันยายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติกล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในงาน “SMEs BCG ดีพร้อม” ร่วมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ และ นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเจษฎา ถาวรศักดิ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม คุณจิทานันท์ สิทธิอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบ็กส์ แอนด์ โกล์ฟ จำกัด คุณเฉลิมพล อารีย์เกื้อตระกูล กรรมการ บริษัท อารีเฮิร์บ จำกัด คุณวีรวุฒิ มาลาบุปผา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท แกรนตี้อินเตอร์เทรด จำกัด 3 ผู้ประกอบการต้นแบบความสำเร็จที่เข้าร่วมโครงการฯ นิสิต นักศึกษา และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี ปทุมวัน “อธิบดีณัฏฐิญา” เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายทรัมป์ 2.0 และสภาพภูมิอากาศภาวะโลกร้อน ทำให้มีกฎ กติกา และมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงประเทศไทยตั้งเป้าหมายจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายและโอกาสของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องมีการปรับตัวสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) มุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุกมิติอย่างตรงจุด ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนีตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ผ่านกลยุทธ์ 4 ให้ ได้แก่ (1) ให้ทักษะใหม่ (2) ให้เครื่องมือทันสมัย (3) ให้โอกาสโตไกล และ (4) ให้ธุรกิจที่ดีคู่ชุมชน รวมถึงการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ผ่าน “โครงการยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG” ด้วยการส่งเสริม SMEs ให้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ พร้อมยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียวตามแนวคิด BCG Economy อันจะทำให้ธุรกิจ สังคม และชุมชนรอบข้างสามารถอยู่ร่วมกันและเกิดความยั่งยืน ขณะเดียวกัน ดีพร้อมยังมีสินเชื่อธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม (DIPROM Pay for BCG) รวมถึงเชื่อมโยงไปยังสินเชื่อภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม เช่น กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อให้บริการผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ BCG และสินเชื่อของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) เป็นต้น สำหรับโครงการยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้ SMEs ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านกลไกต่าง ๆ ได้แก่ (1) ถ่ายทอดองค์ความรู้การต่อยอดธุรกิจยุคใหม่สู่สังคมคาร์บอนต่ำ (2) พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (3) การยกระดับสินค้าและบริการสู่สากลด้วยฉลากสิ่งแวดล้อม (Eco-label) และ (4) การพัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการให้คำปรึกษา SMEs ในการลดความสูญเสียจากการปรับปรุงกระบวนการผลิต การขนส่ง การใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ มีสถานประกอบการเข้าร่วมพัฒนาศักยภาพและยกระดับธุรกิจจนกลายเป็นต้นแบบความสำเร็จ จำนวน 13 กิจการ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงออกสู่ตลาด ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,385 ล้านบาท และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 120,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 12 ล้านต้นในพื้นที่ประมาณ 120,000 ไร่
05 ก.ย. 2568
“รองอธิบดีดวงดาว” ยกทัพแฟชั่นไทยโกอินเตอร์ บุก CENTRESTAGE 2025 ฮ่องกง ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย เจิดจรัสบนเวทีโลก ตามสั่ง "อธิบดีณัฏฐิญา"
“รองอธิบดีดวงดาว” ยกทัพแฟชั่นไทยโกอินเตอร์ บุก CENTRESTAGE 2025 ฮ่องกง ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย เจิดจรัสบนเวทีโลก ตามสั่ง "อธิบดีณัฏฐิญา"
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะผู้ประกอบการไทยที่มีผลงานโดดเด่นและได้รับคัดเลือก จำนวน 20 ราย จากโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาแฟชั่น ได้แก่ โครงการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น (Fashion Alliance) และโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity) เข้าร่วมงาน CENTRESTAGE 2025 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) งาน CENTRESTAGE 2025 ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติที่สำคัญในเอเชีย ซึ่งรวบรวมผู้ผลิต นักออกแบบ ผู้ค้า ผู้ซื้อ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นจากทั่วโลกมาพบปะ นำเสนอผลงานคอลเลกชั่นใหม่ ๆ และเจรจาธุรกิจ จัดขึ้นโดย Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) โดยการเข้าร่วมงานของผู้ประกอบการไทยในปีนี้ไม่เพียงเป็นการโชว์ศักยภาพด้านแฟชั่นและการออกแบบเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาด ผ่านการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าแฟชั่นไทยเพื่อผลักดันเศรษฐกิจด้วย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยให้สามารถต่อยอดศักยภาพการผลิตและงานออกแบบไปสู่ตลาดสากล ซึ่งการเข้าร่วมงาน CENTRESTAGE 2025 ถือเป็นตัวอย่างและก้าวสำคัญของการนำแนวคิดนี้มาสู่การปฏิบัติจริง โดยให้โอกาสผู้ประกอบการไทย จำนวน 20 ราย ภายใต้กิจกรรมการเชื่อมโยงและสร้างโอกาสทางธุรกิจ กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand และกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่น ใน 2 สาขา ประกอบด้วย สาขาเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย และสาขาอัญมณีและเครื่องประดับได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ เพื่อนำเสนอสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ไทย ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย สร้างเอกลักษณ์และความแตกต่าง พร้อมทั้งเปิดโอกาสโตไกลในการขยายตลาดและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับสากล ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยได้เข้าร่วมจัดพื้นที่แสดงศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทยในงาน CENTRESTAGE 2025 ระหว่างวันที่ 3 – 6 กันยายน 2568 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center ประเทศฮ่องกง ซึ่งการเข้าร่วมงานครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เชื่อมโยงเครือข่ายการค้ากับนักลงทุนและคู่ค้าต่างชาติ พร้อมทั้งผลักดันการสร้างมูลค่าการค้าและการส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลก โดยคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 20 ล้านบาท
05 ก.ย. 2568
”ปลัดณัฐพล“ ชม “ดีพร้อม” เล่นเป็นทีม สร้างวัฒนธรรมองค์กร “No Refuse! Just Produce” โชว์ผลสำเร็จสนองนโยบายกระทรวง ก้าวสู่ 69 กางแผนชัดเจนแล้วลุยต่อ “DIPROM MORE TOGETHER”
”ปลัดณัฐพล“ ชม “ดีพร้อม” เล่นเป็นทีม สร้างวัฒนธรรมองค์กร “No Refuse! Just Produce” โชว์ผลสำเร็จสนองนโยบายกระทรวง ก้าวสู่ 69 กางแผนชัดเจนแล้วลุยต่อ “DIPROM MORE TOGETHER”
จ. ชลบุรี 30 สิงหาคม 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติมอบนโยบายการดำเนินของกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมรับฟังแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ภายในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การเสริมสร้างสมรรถนะบุคลากร และแนวทางการขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติงาน DIPROM ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569” โดยมี นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางดวงดาวขาวเจริญ นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ห้องประชุมแสนสุข 3 - 4 โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ ในการสัมมนาครั้งนี้ ดีพร้อม โดย “อธิบดีณัฏฐิญา” ได้ขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนา และกำหนดแนวทางดำเนินงานของดีพร้อม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งมุ่งเน้นการต่อยอดจากผลความสำเร็จในการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ทั้งในส่วนของภารกิจหลัก และภารกิจที่ได้รับมอบตามนโยบาย อาทิ การผลักดันการดำเนินงานโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งในสาขาอาหารและแฟชั่น โดยมีการนำผลสำเร็จบางส่วนจากสาขาแฟชั่นสายมูมาร่วมแสดงภายในงานสัมมนาครั้งนี้ด้วย การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฮาลาลเข้าถึงสินเชื่อได้แล้วกว่า 1,200 ล้านบาท รวมทั้งรายงานผลสำเร็จการดำเนินงานดีพร้อมในระดับกระทรวง อาทิ การปลดล็อกการใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมสมุนไพร การเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงานมหกรรม FTI Expo ในมิติซอฟต์พาวเวอร์ การจัดการน้ำมันพืชใช้แล้วร่วมกับ บมจ.บางจาก ซึ่งเป็นภาคเอกชนรายใหญ่ในการขับเคลื่อนจนเกิดโรงงานผลิตแห่งใหม่ รวมถึงการใช้กลไกของการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในการเชื่อมโยงงานในระดับภูมิภาค ยกระดับโซ่อุปทานโดยใช้จุดแข็งด้านโลจิสติกส์ เชื่อมโยงการแปรรูปสินค้าเกษตร สร้าง “ห่วงโซ่คุณค่า/ห่วงโซ่อุปทาน” ผ่านการรวบรวมสมาคมอุตสาหกรรมกว่า 30 สมาคม ต่อยอดระบบรางผ่านบันทึกความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลความสำเร็จทั้งหมดนี้ เป็นการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ “No Refuse Just Produce” ของอธิบดีณัฏฐิญา โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ดีพร้อม จะขับเคลื่อนการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวทาง “DIPROM MORE TOGETHER” ผ่านการ (1) สร้างสุขให้คนในองค์กร (2) สร้างคนให้มีทักษะและองค์ความรู้ที่เหมาะสม (3) สร้างบ้าน ซึ่งสื่อถึงอาคารสำนักงานของดีพร้อม ให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบงาน (4) สร้างภาพผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการรับรู้ของผู้ประกอบการ ถึงกิจกรรม/โครงการของดีพร้อม และสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง และ (5) สร้างงานที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาศักยภาพของ SME และภาคอุตสาหกรรมให้เติบโต ทั้งนี้ “ปลัดณัฐพล” ได้กล่าวชื่นชม “อธิบดีณัฏฐิญา” และขอบคุณทีมงานของดีพร้อม ในการร่วมกันปฏิบัติงานอย่างมุ่งมั่นตลอดปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานที่มีผลลัพธ์เชิงประจักษ์ ควบคู่ไปกับความคล่องตัวในการรับมือสถานการณ์ที่ครอบคลุมทุกมิติ ประกอบด้วย (1) มิติด้านบุคลากร ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยน และหมุนเวียนบุคลากรข้ามหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อเป็นการเพิ่มเติมทักษะในการปฏิบัติงาน (2) มิติด้านงบประมาณ จะมีการปรับปรุงกระบวนการจัดทำงบประมาณและข้อเสนอโครงการให้เป็นระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพ (3) มิติด้านการส่งเสริมพัฒนา จะผลักดันการใช้นโยบาย Made in Thailand และ SME GP เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินงบประมาณในประเทศ รวมถึงการยกระดับเกษตรกรของไทยให้เป็น ”นักธุรกิจเกษตร“ (4) มิติด้านการกำกับ ดูแล โดยจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ เพื่อตรวจสอบและปราบปรามสินค้าด้อยคุณภาพและธุรกิจสีเทาที่กระทบความปลอดภัยของผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อตรวจสอบที่มาการผลิตเชิงลึก และใช้เป็นข้อมูลในการยืนยันว่าเป็นสินค้าที่ “ผลิตในไทยจริง” ท้ายสุด “ปลัดณัฐพล” ได้เน้นย้ำ ขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน ปฏิบัติราชการโดยการยึดประโยชน์สาธารณะ ใช้ความรู้ และคุณธรรมเป็นเข็มทิศ ตัดสินใจบนฐานข้อมูลและมาตรฐาน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมาย การส่งเสริม และการใช้งบประมาณ เกิดผลคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมต่อไป
04 ก.ย. 2568
“ดีพร้อม” เสริมศักยภาพผู้ ผปก. อาหารและเครื่องดื่ม ปลุกพลัง ขับเคลื่อน Soft Power ไทย ก้าวสู่ตลาดระดับนานาชาติ คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 270 ล้านบาท
“ดีพร้อม” เสริมศักยภาพผู้ ผปก. อาหารและเครื่องดื่ม ปลุกพลัง ขับเคลื่อน Soft Power ไทย ก้าวสู่ตลาดระดับนานาชาติ คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 270 ล้านบาท
กรุงเทพฯ 2 กันยายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้โครงการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ศูนย์การค้า Phenix ประตูน้ำ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสนับสนุนพลังสร้างสรรค์หรือ Soft Power เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านการพัฒนาความรู้ความสามารถของคนไทย ในการนำเอาศิลปะวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า พร้อมยกระดับพัฒนาคุณภาพให้เข้าสู่ตลาดสากล โดยขับเคลื่อนผ่านนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น กิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้โครงการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ได้ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ จำนวน 50 กิจการ มุ่งเน้นให้ความรู้ด้านวัตถุดิบท้องถิ่น การประยุกต์ใช้นวัตกรรม การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและความยั่งยืน การวางกลยุทธ์ธุรกิจ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ Soft Power ผ่านการเล่าเรื่อง (Story Telling) รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบบรรจุภัณฑ์ ภายใต้แนวทาง Soft Power DNA ซึ่งประกอบด้วย การสร้างสรรค์และต่อยอด การโน้มน้าว และการเผยแพร่ ตลอดจนการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดผ่านการสร้างเนื้อหา (Content Marketing) โดยการสร้างสรรค์ผ่านสื่อให้น่าสนใจ เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่สามารถจดจำได้ ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยภายในงาน มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ผ่านการพัฒนาจากโครงการ การสาธิตการทำอาหาร การรีวิวผลิตภัณฑ์โดย Influencer การเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการกับผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการส่งออก เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและเผยแพร่ผลสำเร็จของโครงการ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้เติบโต สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของผู้ประกอบการไทยที่พร้อมปรับตัวและยกระดับผลิตภัณฑ์ของตนให้มีคุณภาพ มีอัตลักษณ์ สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ และสามารถก้าวไปสู่ตลาดอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติในฐานะ Soft Power ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 270 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานได้ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การค้า Phenix ประตูน้ำ
04 ก.ย. 2568
ปลัดฯณัฐพล นำทีม ก.อุตฯ ถกจัดทำร่าง Flagship Project ปี 2570 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย
ปลัดฯณัฐพล นำทีม ก.อุตฯ ถกจัดทำร่าง Flagship Project ปี 2570 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย
กรุงเทพฯ 1 กันยายน 2568 - นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานประชุมแนวทางการจัดทำ (ร่าง) ข้อเสนอโครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ (Flagship Project) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 เพื่อชี้แจงแนวทางการจัดทำโครงการสำคัญของหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ โดยมี นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหาร อุตสาหกรรมจังหวัด 76 จังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการสำคัญตามกรอบแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่ การพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต การต่างประเทศ การเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล การส่งเสริมผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การยกระดับเศรษฐกิจฐานราก การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนการบริการประชาชนและการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งร่างข้อเสนอโครงการ Flagship Project ปี 2570 รวมทั้งสิ้น 51 โครงการ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 9 โครงการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จำนวน 6 โครงการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 11 โครงการ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 10 โครงการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน 8 โครงการ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จำนวน 3 โครงการ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 4 โครงการ โดยทุกโครงการมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ และขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมไทยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีความเห็น ข้อเสนอแนะ ในการทบทวนโครงการสำคัญ ให้ครอบคลุมภารกิจของกระทรวง ตอบสนองปัญหาภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งบูรณาการรายละเอียด โครงการของหน่วยงานในภาพรวมของกระทรวง และขับเคลื่อนกลไกการปฏิรูประบบของหน่วยงาน เช่น การปรับกลไกระบบ มอก. การบูรณาการโครงการของ กรอ. กพร. และ สมอ. ในอุตสาหกรรมเหล็ก ยาง และแบตเตอรี่ เป็นต้น รวมถึงแหล่งที่มางบประมาณในการจัดทำโครงการสำคัญ โดยขอให้หน่วยงานปรับปรุง จัดทำ และนำส่งโครงการสำคัญในระบบ eMENSCR ตามขั้นตอนภายในระยะเวลาที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดต่อไป
03 ก.ย. 2568
“ดีพร้อม” โชว์ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ดันอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่มาตรฐานสากล
“ดีพร้อม” โชว์ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ดันอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่มาตรฐานสากล
จ. นนทบุรี 29 สิงหาคม 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงานส่งเสริมการตลาด “Thailand Soft Power DNA Food & Beverage 2025” ภายใต้โครงการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พร้อมด้วย ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน และสื่อมวลชน โดยมี นายกิตติโชติ ศุภกำเนิด ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ การจัดงาน “Thailand Soft Power DNA Food & Beverage 2025” ถือเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่ความสำเร็จของสถานประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม 51 กิจการ ซึ่งได้รับการพัฒนาศักยภาพผ่านการฝึกอบรม เชิงปฏิบัติการด้านการเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ การวางกลยุทธ์ธุรกิจ และการกำหนดต้นทุนการผลิต การวิเคราะห์ความต้องการผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงได้รับคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งด้านการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาระบบมาตรฐานสากล สอดคล้องตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในโอกาสนี้ รองอธิบดีดุสิต ได้มอบโล่และเกียรติบัตรแก่สถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จ (Success Case) จำนวน 10 กิจการ พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่สถานประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 51 กิจการ อีกทั้งได้เยี่ยมชมผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บูธจำหน่ายสินค้าที่นำมาทดสอบตลาด และจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ งานดังกล่าวสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการผลักดัน “ซอฟต์พาวเวอร์” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในสาขาอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งใน 11 อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงและเป็นเสาหลักสำคัญของยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของดีพร้อม มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่ม ขยายโอกาสทางการตลาด และยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่ผู้ส่งออกมาตรฐานสากลบนเวทีโลกอย่างยั่งยืน
03 ก.ย. 2568
“รสอ.ดวงดาว” ติดตามผลการขับเคลื่อน การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) แผนปฏิบัติการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริต ประจำปี 68
“รสอ.ดวงดาว” ติดตามผลการขับเคลื่อน การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) แผนปฏิบัติการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริต ประจำปี 68
กรุงเทพฯ 27 สิงหาคม 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะทำงานการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (ITA) และขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริต กสอ. ครั้งที่ 3/2568 พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว ฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ ได้มีการรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของดีพร้อม (DIPROM) ซึ่งได้ 92.65 คะแนน มีผลการประเมินอยู่ในระดับผ่าน ทั้งนี้ รองอธิบดีดวงดาว ให้ข้อแนะนำเพื่อปรับปรุงการพัฒนาผลการประเมินในปีต่อไปว่า ขอให้คัดเลือกโครงการที่มีความเหมาะสมในเรื่องของรูปแบบและระยะเวลาของการจัดกิจกรรม รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ประกอบการ ควรทราบบทบาทและภารกิจของดีพร้อมเป็นอย่างดี เพื่อให้ผลการประเมินในแต่ละข้อคำถามสามารถสะท้อนถึงการปฏิบัติงานได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ขอให้แต่ละหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดในรายหัวข้อ ทำการศึกษาผลการประเมินเพื่อนำไปวางแผนและทบทวนแนวทางในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และให้ผลการปฏิบัติงานในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานของดีพร้อม ภายใต้แผน ITA ประจำปีงบระมาณ พ.ศ. 2568 โดยอยู่ระหว่างรวบรวมรายงานผลจากแต่ละหน่วยงานภายใน เพื่อรายงานภาพรวม ภายในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา (ร่าง) รายงานผลการดำเนินการตามแผนการประเมินความเสี่ยงการทุจริต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของดีพร้อม ใน 4 ด้าน คือ ด้านอนุมัติ อนุญาตของทางราชการ ด้านการใช้อำนาจตามกฏหมาย/การให้บริการตามภารกิจ ด้านการจัดซื้อจัดจ้าง และด้านการบริหารงานบุคคล โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ รวบรวมและนำเสนอ พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานในเชิงป้องกัน เพื่อควบคุมและลดโอกาสในการเกิดความเสี่ยงการทุจริตในการปฏิบัติงาน สอดรับแนวทางการทำงานด้วยความโปร่งใส ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏอีกด้วย
01 ก.ย. 2568
สุดยอดหน่วยงานภาครัฐ! “ดีพร้อม : ขับเคลื่อนสำเภาธุรกิจ-บนกระแสนาวาสีทอง“ ของเศรษฐกิจสังคมโลกใหม่ ด้วยเรือธงดีพร้อมที่ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส ขจัดอุปสรรคให้อุตสาหกรรมไทย บนความภาคภูมิใจในนโยบาย รมว.เอกนัฏ ผงาดรับรางวัล ”สำเภา-นาวาทอง“ ปี 68
สุดยอดหน่วยงานภาครัฐ! “ดีพร้อม : ขับเคลื่อนสำเภาธุรกิจ-บนกระแสนาวาสีทอง“ ของเศรษฐกิจสังคมโลกใหม่ ด้วยเรือธงดีพร้อมที่ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส ขจัดอุปสรรคให้อุตสาหกรรมไทย บนความภาคภูมิใจในนโยบาย รมว.เอกนัฏ ผงาดรับรางวัล ”สำเภา-นาวาทอง“ ปี 68
กรุงเทพฯ 27 สิงหาคม 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมรับรางวัล “สำเภา-นาวาทอง ประจำปี 2568” ในระดับกระทรวงและกรมตามลำดับ โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นผู้มอบรางวัลและกล่าวแสดงความยินดี พร้อมทั้งกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ประสิทธิภาพหน่วยงานภาครัฐ กับการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน" ร่วมด้วย นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายวีระพล ผ่องสุภา เลขานุการกรม และข้าราชการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) นอกจากนี้ ยังมีหัวหน้าส่วนราชการทั้งระดับกระทรวง กรม ภูมิภาค ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐวิสาหกิจและเอกชน และสื่อมวลชนจำนวนมาก เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลดังกล่าว ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อาคาร 15 ถ.วิภาวดีรังสิต ดินแดง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เป็น 1 ใน 39 หน่วยงาน ที่ได้รับรางวัล “สำเภา-นาวาทอง ประจำปี 2568” ในระดับกรม ด้านการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ผ่านศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี (SSRC) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งด้านบุคลากรและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยให้แข็งแกร่ง ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนีตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ผ่านกลยุทธ์ 4 ให้ ได้แก่ 1.ให้ทักษะใหม่ 2.ให้เครื่องมือทันสมัย 3.ให้โอกาสโตไกล และ 4.ให้ธุรกิจที่ดีคู่ชุมชน โดยมุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุก ๆ ด้านอย่างตรงจุด เพื่อเป้าหมายในการอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่อย่างมั่นคง สอดคล้องกับนโยบาย MIND 4 มิติ ของ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นการใช้หัวและใจในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม พร้อมส่งเสริมและพัฒนา SMEs ให้เข้าสู่อุตสาหกรรม 5.0 ตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่ง “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รางวัล “สำเภา-นาวาทอง” เป็นรางวัลที่จัดโดยหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อเชิดชูหน่วยงานภาครัฐที่มีประสิทธิภาพในการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ โดยการปรับปรุงกระบวนงานให้มีประสิทธิภาพ ลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งมีการแบ่งรางวัลออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ระดับกระทรวง ระดับกรม ระดับกระบวนงาน และระดับภูมิภาค และในปีนี้มีหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับรางวัล จำนวน 39 หน่วยงาน ประกอบด้วย ระดับกระทรวง จำนวน 6 หน่วยงาน ระดับกรม จำนวน 13 หน่วยงาน ระดับกระบวนงาน จำนวน 5 หน่วยงาน และระดับภูมิภาค จำนวน 15 หน่วยงาน ทั้งนี้ รางวัล “สำเภา–นาวาทอง” ไม่พียงเป็นการเชิดชูเกียรติ แต่ยังเป็นแรงผลักดันที่กระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานของภาครัฐมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
01 ก.ย. 2568