โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
มะพร้าวน้ำหอมอัดเม็ด “COCO เชย”
มะพร้าวน้ำหอมอัดเม็ด “COCO เชย”
แปรรูปแบบชิกๆ เด็ก-วัยรุ่นทานได้ สายเฮลตี้ทานดี จังหวััดสมุทรสาครมีีความโดดเด่่นเรื่่องการปลูกมะพร้้าวน้ำหอม เพราะเป็็นพื้นที่ที่มีีดิน 3 น้ำ คืือ น้ำจืืด น้ำกร่อย และน้ำเค็็ม ส่่งผลให้้มะพร้้าวน้ำหอมของที่นี่มีเอกลัักษณ์์ไม่่เหมืือนใคร เนื้อมะพร้้าวเหนีียวนุ่ม น้ำมีีความหวานโดยธรรมชาติ กลิ่นหอมคล้้ายกัับใบเตย วิสาหกิิจชุมชนมะพร้้าวน้ำหอมบ้้านกลางคลองตาปลั่งก่่อตั้งเมื่่อปี 2559 เพื่่อดำเนินการส่่งต่่อมะพร้้าวน้ำหอมของเกษตรกรไปสู่่มือผู้้บริโภค แรกเริ่่มก็ข็ายมะพร้้าวน้ำหอมเป็นลูกๆ ในลัักษณะมะพร้้าวควั่่นเขีียว มะพร้้าวควั่่นตลาด มะพร้้าวควั่่นขาว มะพร้้าวเจีียหัวโต ต่อมาผู้้นำอย่่างคุณศุภกร จุสวัสดิ์ ก็ริเริ่มเพิ่่มมูลค่่าผลผลิิตด้้วย การแปรรูป เพราะเมื่่อผ่าผลนำำน้ำมะพร้้าวออกขายก็ต้องคิิดต่่อว่่าเนื้อมะพร้้าวจะเอาไปทำอะไรต่่อที่ไม่่เสีียของ แถมยัังยืดอืายุสินค้้าได้ด้วยจนมาลงตัวที่วุ้นมะพร้้าวอ่อน พุดดิ้งมะพร้้าวอ่่อน มะพร้้าวแก้้ว แบรนด์์ “COCO เชย” สดจากสวนเชยแต่่ไม่่เชย โดยมีีผลิตภััณฑ์์ล่่าสุดที่ได้้รัับการตอบรัับถล่่มทลายเป็น มะพร้้าวน้ำหอมอััดเม็ด “เราไปปรึึกษากัับศูนย์์ส่่งเสริิมอุตสาหกรรมภาคที่ 8 ว่่าต้้องการยกระดัับมะพร้้าวผลสดและได้้เข้้าร่วมกิจกรรมเพิ่มศัักยภาพวิิสาหกิิจชุมชนด้้านการพััฒนา ผลิิตภััณฑ์์เกษตรแปรรูป อาจารย์ก็ให้้คำำแนะนำมาและเราก็็เลืือกทำมะพร้้าวน้ำหอมอััดเม็็ด ซึ่่งสามารถพััฒนา เป็นของฝากหรือลุยตลาดต่่างประเทศได้้ พอจบกิิจกรรมเราก็็ได้้มะพร้าวน้ำหอมอััดเม็็ดมา โดยอาจารย์์ท่่านได้้ช่่วยคิิดสโลแกนให้้ว่่า I Can't Believe It's Not Milk เพราะมัันคล้้ายนมอัดเม็ด แต่่เราไม่มีีส่่วนผสมของนมเลยเราเป็นนมพืชวีแกนอััดเม็ดจากมะพร้้าว” ความจริิงเคยมีีผู้้ประกอบการรายอื่นนำำมะพร้้าวแกงมาอััดเม็็ด แต่่มะพร้้าวน้ำหอมยัังไม่่มีีใครทำ ผู้้บริิโภคจึึงให้้ความสนใจเป็นพิิเศษด้้วยกลิ่นที่หอมชััดเจน ที่สำคััญคือปราศจากน้ำตาลความหวานได้้จากน้ำมะพร้้าวตามธรรมชาติล้้วนๆ เหมาะที่จะเป็นอาหารว่่าง ขนมขบเคี้ยว เด็็กรัับประทานได้้ วััยรุ่่นรัับประทานดีี โดยเฉพาะกลุ่่มคนที่รักสุขภาพในยุคนี้ ผลลััพธ์์จากการเข้้าร่วมโครงการในครั้้งนี้้ได้้ช่่วยเพิ่่มศัักยภาพทางการแข่่งขัันให้กับวิสิาหกิิจชุมชน มะพร้้าวน้ำหอมบ้้านกลางคลองตาปลั่่งเป็นอย่่างมาก นอกจากจะได้รับคำแนะนำำ จนสามารถสร้้างผลิิตภัณฑ์์ใหม่่ในรูปแบบมะพร้้าวน้ำหอมอััดเม็็ด ซึ่งเพิ่มรายได้ให้กับทางกลุ่มถึง 30 เปอร์์เซ็็นต์์ ซึ่งทางกลุ่มคาดว่่าถ้้าสถานการณ์์ดีีขึ้น รายได้้ส่่วนนี้้น่่าจะเพิ่่มขึ้นมากถึึง 50 เปอร์์เซ็็นต์์ นอกจากนี้การแปรรูปเป็นมะพร้้าวน้ำหอมอััดเม็ดยังช่วยในเรื่่องการยืดอืายุผลผลิิตอีีกด้้วย ปัจจุบัันมะพร้้าวน้ำหอมอััดเม็็ดขนาด 15 กรััม บรรจุ 12 เม็ดต่อซอง จำหน่่ายผ่่านเพจเฟซบุ๊ก และงานอีีเวนต์ต่างๆ ด้วยการตอบรัับที่ดีีเกินคาดลูกค้้าซื้้อแล้วกลัับมาซื้้อซ้ำ ทำ ให้้ต้้องเพิ่มกำำลัังการผลิิต ทั้งนี้้อุปสรรคสำคััญคืือวััตถุดิิบพร้อม แต่่เครื่่องจัักรไม่่พร้อม เนื่องจากทางกลุ่่มฯ ยัังไม่่มีีเครื่่องอััดเม็็ดเป็นของตนเอง จึึงต้้องอาศััยไปผลิิตที่ศูนย์์ส่่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 8 ในเบื้้องต้้นหากภาครััฐช่วยส่่งเสริิมด้้านเครื่องไม้้เครื่องมือ นอกเหนือจากแนะนำำเทคนิคการขายออนไลน์์ ก็็จะช่วยให้้กิจการของชุมชนไปได้้เร็วยิ่งขึ้น คุณศุภกร จุลสวััสด วิสาหกิิจชุมชน มะพร้้าวน้ำหอม บ้้านกลางคลองตาปลั่ง 1 หมู่ที่ 5 ตำบลบ้้านแพ้้ว อำเภอบ้้านแพ้้ว จัังหวััดสมุทรสาคร 74120 โทรศัพท์ 09 8994 5646 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
18 มี.ค. 2565
ลิมาเซ่
ลิมาเซ่
น้ำมะนาวพร้อมปรุง-พร้อมดื่ม หอมนำ เปรี้ยวเด่น เพิ่มมูลค่าพืชพื้นบ้านปัตตานี ลิมาเซ่่ เป็็นผลิิตภัณฑ์์ที่เกิดจากการแปรรูปมะนาวหนััง พืืชเศรษฐกิิจพื้นบ้้านของจัังหวััดปัตตานีีฝีมือของ คุณเกศสิริ ยาโม แห่่งวิิสาหกิิจชุมชนกลุ่่มมะนาวสร้้างตนเองหลัังประสบปัญหาไข้้หวััดนกทำให้้ขายไก่่ไม่่ได้้ จึึงคิดเปลี่ยนอาชีีพใหม่่มาจำหน่่ายมะนาวสดและคั้นน้ำมะนาวขายในตลาด ปรากฏว่่าน้ำมะนาวพร้อมปรุงเป็นที่นิยมด้วยความเปรี้ยวและหอมโดดเด่่น ผู้้คนนำำไปปรุงใส่่น้ำบูดูและน้ำพริิกแต่่ปัญหาก็็ยัังคงตามมาอีีก คืือผลิิตภััณฑ์์มีีอายุอยู่่ได้้ เพีียงอาทิตย์์เดีียว คุณเกศสิริิในฐานะศิษย์์เก่่า มหาวิิทยาลััยสงขลานคริินทร์์ จึึงเข้้าหาสถาบัันการศึึกษาที่่เรีียนจบมา เพื่่อขอคำปรึึกษาในการยืืดอายุสิินค้้า ผลลััพธ์์ที่ได้้ นอกจากน้ำมะนาวพร้อมปรุงที่สามารถเก็็บได้้นานถึึง 3 เดืือนแล้้ว ยัังได้้สูตรน้ำมะนาวพร้อมดื่่มผสมน้ำผึ้้งมาพััฒนาเป็็นสิินค้้าเพิ่่มอีีกตััว ก่่อนจะสร้้างแบรนด์์ “ลิิมาเซ่่” ซึ่่งเป็นภาษามลายูท้องถิ่น 2 คำำผสมกััน แปลว่่า มะนาวเปรี้ยว “ไม่่ว่่าจะทำอะไรก็็ตาม ทุกอย่่างย่อมมีีปัญหาแต่่เราต้้องรีีบลุกขึ้้นมาโดยเร็วที่สุดและศึึกษาหาความรู้้เพื่่อหาวิธีีไปแก้ปัญหาตอนที่่เราทำธุรกิิจใหม่่ๆ เราก็็เข้้าอบรมกัับกรมส่่งเสริมอุตสาหกรรม เริ่่มตั้งแต่่โครงการเสริมสร้้างผู้้ประกอบการใหม่่ หรืือ NEC เรื่อยมาจนปี 2564 กัับกิิจกรรมเพิ่มศัักยภาพวิิสาหกิิจชุมชนด้านการพัฒนา ผลิิตภััณฑ์์เกษตรแปรรูปในพื้้นที่่ 3 จัังหวััดชายแดนภาคใต้้ จัังหวััดสงขลา สตูล ปัตตานีี ยะลา และนราธิิวาส “เจ้้าหน้้าที่ของศูนย์์ส่่งเสริิมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 ลงพื้นที่มาช่่วยเหลืือตลอด ตั้งแต่่เราทำอยู่หลัังบ้้าน จนวัันนี้เราสร้้างโรงงานเป็็นของตนเอง นอกจากความรู้้ที่นำไปปรัับใช้้จนกิิจการเติิบโตขึ้น สามารถปลดหนี้ได้้สำเร็็จ การมาของเจ้้าหน้้าที่ยัังสร้้างกำำลัังใจให้้เรา รวมทั้งการได้้แลกเปลี่ยนมุมมองกัับเพื่่อนผู้้ประกอบการที่เริ่มธุรกิจมาจากศูนย์์เหมือนกััน” ผลิตภััณฑ์์หลัักของลิิมาเซ่่ คืือ น้ำ มะนาวพร้อมปรุงที่ได้้มาตรฐาน อย. และ Halal มีีจำหน่่ายทั้้งในรูปแบบถุง และแบบขวดในตลาดเทศบาลเมืองปัตตานีีร้้านทางไทย ที่ห้้างโอเดี้ยน ซึ่งปัจจุบัันเปิดรัับตััวแทนจำหน่่ายสิินค้้าเพิ่่มอยู่่ ส่่วนน้ำมะนาวพร้อมดื่มมีี 2 ขนาด คือ ขวดพีีพีี 150 ml. ขวดแก้้ว 250 ml. สำหรัับจำหน่่ายยามออกบู๊๊ธพบปะลูกค้้า รัับสั่่งพรีีออร์์เดอร์์และเป็นเครื่่องดื่มในมื้้ออาหารว่่างของหน่วยงานราชการ ขณะนี้้กำลัังดำเนิินการขอมาตรฐานสิินค้้าอยู่ ในอนาคต แบรนด์์ลิิมาเซ่่มีีแผนที่่จะแปรรูปเพิ่่มมูลค่่าของมะนาวอย่่างต่่อเนื่อง โดยขยายไลน์์ผลิิตภััณฑ์ให้้ครบวงจร นอกจากน้ำมะนาวสูตรเข้้มข้้นยัังเตรีียมสร้้างอาคารผลิิตใหม่่เพื่่อผลิตสิินค้้าไลน์์แห้้งอย่่างเปลือกมะนาว 3 รส เยลลีีมะนาว และวุ้้นกรอบมะนาว เพื่่อขยายตลาดออนไลน์์อย่่างจริิงจัังและพร้้อมรัับซื้้อมะนาว เพื่่อสร้างอาชีีพ สร้้างรายได้้ให้้กัับเกษตรกรในพื้้นที่ด้วยความเต็็มใจ คุณเกศสิิริิ ยาโม วิิสาหกิิจชุมชนกลุ่่มมะนาว สร้้างตนเอง 16/5 หมู่ที่ 2 ตำบลมะกรูด อำเภอโคกโพธิ์ จัังหวััดปัตตานีี 94120 โทรศัพท์ 09 5769 2171, 08 6290 6584 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
18 มี.ค. 2565
MUCH
MUCH
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสวนส้มร่มเกล้า ที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไร จนกลายมาเป็นแบรนด์สินค้าสำหรับคนรักสุขภาพ ปัจจุบัันเทรนด์์รัักสุขภาพยัังคงเติิบโตขึ้้นต่่อเนื่่อง ยิ่่งสถานการณ์์โควิิด-19 ที่่เกิิดขึ้้นมาก็็ยิ่่งทำำให้้ผู้้คนหัันมาดูแลเอาใจใส่่ด้้านสุขภาพของตนเองและคนที่รักมากขึ้น บริษัิท เจนเทิ่ลวิิน จำำกััด เป็นหนึ่่งในผู้้ผลิิตผลิิตภััณฑ์์เกษตรแปรรูปภายใต้้แบรนด์์ MUCH ตอบโจทย์์เทรนด์์ ดัังกล่่าวได้้เป็นอย่่างดีี โดยต่่อยอดมาจากผลผลิิตของสวนส้้มร่่มเกล้้าในเขต อ.พบพระ จ.ตาก ที่่มอบความใส่่ใจเริ่มตั้งแต่่ต้้นทางคืือการเพาะปลูกและตลอดกระบวนการผลิิต ด้วยความตั้้งใจที่จะเพิ่่มมูลค่่าให้กับผลผลิิตในสวนส้้ม ร่่มเกล้้าซึ่งเป็นของคุณพ่่อคุณแม่่ ทำให้้ คุณชิิชนก จิิตปรีีดากร หรือ นุ่่น ตััดสิินใจก่่อตั้งบริิษััท เจนเทิ่ลวิิน จำำกััด ขึ้นและเดิินหน้้าเติิมเต็็มความรู้้ด้้านการเป็นผู้้ประกอบการ เริ่่มด้วยการเข้้าร่วมกิิจกรรมพััฒนาเกษตร อุตสาหกรรมต้้นแบบอััจฉริิยะ (Genius Academy) ซึ่งจััดโดยกรมส่่งเสริิมอุตสาหกรรม (กสอ.) จากนั้นได้้เข้้าอบรมกัับกิิจกรรมอื่่นๆ อีีกหลายครั้้ง ตลอดจนส่่งตััวแทน ของบริษัิทฯ เข้้าร่วมเก็็บเกี่ยวความรู้้เพื่อนำำมาพััฒนาธุรกิิจอย่่างต่่อเนื่่อง “นุ่่นเติิบโตมาจากการดูแลของหน่่วยงานภาครััฐเลยก็็ว่่าได้้ คืือไม่่รู้้ว่่าจะเริ่่มต้้นอย่่างไรพอตั้งบริิษััท เมื่อปี 2560 ก็็เข้้าอบรม Genius Academy ของ กสอ. ก่่อนเลย จากนั้นมีีอบรมที่ไหนก็็เข้้าร่่วมตลอด มาเริ่มทำำธุรกิิจและวางจำำหน่่ายสิินค้้าจริิงๆ จัังๆ ก็็ในปี 2561” เธอกล่่าว จากผลผลิิตที่มีีมากกว่่าส้้มในสวนส้้มร่่มเกล้้ายัังมีีผลผลิิตอื่นๆด้วย เช่่น มะคาเดเมีีย อะโวคาโด มะม่วง รวมถึึงพืืชตระกูลเบอร์์รีีต่่างๆ จึึงเป็นที่มาของผลิตภััณฑ์์ เกษตรแปรรูป ไม่่ว่่าจะเป็็นมะคาเดเมีียอบรสธรรมชาติิ, นมมะคาเดเมีีย, แยมผิิวส้้ม และล่่าสุดยัังมีีอีีกหนึ่งผลิิตภััณฑ์์ก็คือ ธััญพืืชและผลไม้้รวมรสส้้ม (กราโนลา) ฉีีกแนวจากผลิิตภััณฑ์์กราโนลาที่มีีอยู่่ในท้องตลาดทั่่วไป “การพััฒนาผลิิตภััณฑ์์ต้้นแบบของโครงการ มีีแนวคิิดจากการที่ผู้้ประกอบการต้้องการพััฒนาผลิิตภััณฑ์์เพื่่อสุขภาพที่มีีแคลอรีีต่ำ โดยใช้้วััตถุดิิบ ทางการเกษตรจากสวนที่เพาะปลูกเอง จึึงได้้พััฒนาผลิิตภััณฑ์์กราโนลาซึ่งเริ่่มเป็นที่นิิยมในปัจจุบััน โดยต้้องการผลิตภััณฑ์์กราโนลาที่่มีรสชาติิดีี หอม หวานน้้อย กรอบแบบมีีเนื้้อสััมผัสเต็มคำของธััญพืืชและผลไม้ที่มาจากวััตถุดิิบที่่เพาะปลูกในสวน ซึ่งการใช้้วััตถุดิิบที่่เพาะปลูกเองสามารถช่่วยลดต้้นทุนการผลิตและยัังเป็นการช่่วยเพิ่่มูลค่่าทางเศรษฐกิิจให้้กัับทางบริิษััทด้้วย โดยในเวลานี้อยู่่ระหว่่างการพััฒนาสิินค้้าอีีกหลายรายการ เช่่น นมมะคาเดเมีีย จะผลิิตเป็นรูปแบบกล่่อง UHT กราโนลา คาดว่่าจะเปิิดตััวได้้ในปี 2565 และอื่่นๆ จะทยอยเปิดตัวออกมาอีีก อีีกทั้้งมีีเป้าหมายในการขยายตลาดให้้กว้้างมากขึ้น แม้้จะมีีวางจำหน่่ายแล้วทั้้งทางออฟไลน์์ในร้้านค้้าและซูเปอร์์มาร์์เก็ตชั้้นนำำ เช่่น 7-Eleven และออนไลน์์ แต่่ส่่วนใหญ่่ยัังกระจุกตััวอยู่่ในพื้้นที่กรุงเทพฯ จึึงต้้องการผลัักดััน MUCH ซึ่่งเป็นผลิิตภััณฑ์์เพื่่อสุขภาพที่อยู่ในกลุ่่ม นิชิ มาร์์เก็็ตไปสู่่ตลาดแมสมากขึ้น คุุณชิิชนก จิิตปรีีดากร บริิษััท เจนเทิ่ลวิิน จำำกััด 91/3 หมู่่ที่ 4 ตำบลคีีรีีราษฎร์์ อำเภอพบพระ จัังหวััดตาก 63160 โทรศัพท์ 09 4282 3962 https://muchromklao.com/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
18 มี.ค. 2565
เทพอินทราชัย แมนู แฟคเจอริ่ง
เทพอินทราชัย แมนู แฟคเจอริ่ง
Upcycling สินค้าแฟชั่น ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลก 40 ปีที่บริษัท เทพอินทราชัย แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผลิตเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นป้อนให้กับภาครัฐและภาคธุรกิจของประเทศเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้กับองค์กร จากการผลิตตามแบบในยุคบุกเบิกมาในยุคผู้บริหารเจเนอเรชันที่ 2 คุณยุทธนา เหล่าผดุงรัชกัร ก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมและดีไซน์ รวมทั้งกระบวนการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ที่นี่ถือเป็นโรงงานการ์เมนต์เพียงไม่กี่แห่งในประเทศที่ได้รับรางวัล Green Factory ด้วยความที่บริษัทมีไลน์การผลิตสินค้าที่ครบวงจร ตั้งแต่่หมวก กระเป๋า เสื้อยืด เสื้อโปโล เสื้อแจ็กเกต ฯลฯ จึงตอบโจทย์ลูกค้าในลักษณะ B2B ที่ต้องการความ หลากหลายของผลิตภัณฑ์ แบบสั่งที่เดียวได้ครบทุกไอเทม ขณะเดียวกันยังเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและแสวงหา ความแตกต่างมานำเสนอลูกค้าอยู่เสมอ เช่น การออกแบบ และผลิตเสื้อผ้าจากเส้นใยขวดพลาสติก (Recycled PET) ที่กำลังเป็นเทรนด์นิยมในเวลานี้ เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว สินค้าแฟชั่นก็เปลี่ยนเร็วเช่นกันและต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นสร้างขยะให้กัับโลกไม่น้อย คุณยุทธนาในฐานะผู้นำองค์กรมีความตื่นตัว และสนใจรับข่าวสารของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นประจำอยู่แล้ว ทั้งยังเข้าร่วมอบรมโครงการต่างๆ โดย ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งเสริมการผลิตภายใต้ระบบ Lean ทำให้มีความสนใจที่จะนำ เศษวัสดุเหลือใช้ต่่างๆ กลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่ทิ้งไร้ค่าเป็นขยะ ทางบริษัทได้เข้าร่วมอบรมโครงการ Upcycling for Sustainable Lifestyle ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมทำให้บริษัทสามารถพัฒนา และสร้างมลค่า เพิ่มจากเศษวัสดุเหลือทิ้งที่มีเป็นจำนวนมากจากสายงานการผลิตหลัก โดยการน เศษผ้าเหลือทิ้งมาผ่านกระบวนการตีเป็นเส้นใยและส่งเส้นใยผ้าที่ได้ให้กับกลุ่มชุมชนทอผ้า ทอจนสำเร็จเป็นผืนผ้า โดยการจ้างเหมาทอรายวัน ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชน หลังจากนั้นจึง นำผืนผ้าที่ได้กลับมาตัดเย็บด้วยเครื่องจักรที่บริษัท เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ประเภทเสื้อแจ็กเกต เสื้อกันหนาว นอกจากนี้ยังได้นำเศษวัสดุเหลือทิ้งจากการตัดเย็บกระเป๋าเก็บความร้อนและเย็นประเภทฟอยด์เพื่อทอและเย็บติดประดับบนเสื้อแจ็กเกตจนได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ (Upcycling Products) ที่เพิ่มมูลค่าสูง และตรงกับความต้องการของตลาด โดยอาศัยกระบวนการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “พอกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมส่งข้อมูลมาว่ามีการอบรมโครงการ Upcycling for Sustainable Lifestyle ก็รู้สึกว่ามันตอบโจทย์เรา อาจารย์ที่ปรึกษาท่านแนะนำ ให้นำเศษผ้าเหลือใช้ที่เป็นขยะอุตสาหกรรมมาปั่นเป็นเส้นด้าย แล้วนำมาทอเป็นผ้าผืนใหม่โดยฝีมือชาวบ้านที่มีภูมิปัญญาทอกี่กระตุกในจังหวัดปราจีนบุรี จนได้งาน Handicraft ที่มี Story ที่น่าสนใจ ในรูปแบบของเสื้อแจ็กเกตที่มีฟังก์ชัน คือ สามารถถอดแขนเป็นเสื้อกักหรือเสื้อแจ็กเกตก็ได้ เราดีใจที่ได้มีส่วนช่วยลดขยะ และทำให้มันมีค่ากลับมาเป็นตัวสินค้าอีกครั้ง ทั้งยังสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นด้วย” ผลจากการเข้าร่วมโครงการ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นแฟชั่่นและไลฟ์สไตล์แล้ว ยังช่วยเพิ่มยอดขายสินค้า องบริษัทเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ เทพอินทราชัย แมนูแฟคเจอริ่งยืนหยัดมาได้กว่่า 40 ปี คือการใส่ใจความต้องการของลูกค้าให้ความสำคัญกับคำว่าคุณภาพ พร้อมส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคนี้ ที่ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทเองก็บรรจุเรื่องนี้ไว้ในนโยบายของบริษัท เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจประเทศชาติและโลกของเรา คุณยุทธนา เหล่าผดุงรัชกร คุุณยุุทธนา เหล่่าผดุงรััชกร บริิษััท เทพอิินทราชััย แมนูแฟคเจอริ่่ง จำำกััด 123 125 ซ.เพชรเกษม 68 แขวงบางแคเหนืือ เขตบางแค กรุงเทพ 10160 โทรศัพท์ 08 1875 9959, 0 2454 8188-90 http://www.tmpremiums.com/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
17 มี.ค. 2565
ภูริษาผ้าไทย
ภูริษาผ้าไทย
ชูอัตลักษณ์ผ้าทอแดนอีสาน เชื่อมแฟชั่นไทยสู่สากล ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติถักทอด้วยฝีมือชุมชนคนอีสานดีไซน์สู่ เสื้อผ้าแฟชั่นทันสมัย สวมใส่สบาย มีสไตล์ เป็นของตัวเอง อวดโฉมอยู่ในงานแสดงสินค้าระดับ ประเทศและช่องทางออนไลน์ ครองใจลูกค้าคนรุ่นใหม่ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นผลงานของ ภูริษาผ้าไทย ผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายแปรรูปจากจังหวัดหนองบัวลำภูที่มี คู่สามีภรรยา คุณวรพงษ์ และ คุณพัชรินทร์ ชัยรัตน์ เป็นผู้ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง จุดเริ่มต้นของภูริษาผ้าไทยมาจากคุณพัชรินทร์ซึ่ง เป็นลูกหลานชาวหนองบัวลำภู ได้เห็นผู้เป็นแม่ทอผ้ามาตั้งแต่เด็กๆ เธอเล่าว่า ผ้าของแม่สวยและขายได้ราคาดี ผู้คนมักซื้อไปเป็นของฝากผู้ใหญ่ เริ่มต้นจึงลองเอาผ้าของ แม่ไปขายที่งานกาชาดจังหวัด ปรากฏว่าขายดีจนมีของไม่พอขาย เลยเห็นโอกาส จึงชักชวนคนในชุมชนรวมตัวกันจัดตั้งเป็น กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์พื้นเมืองบ้านดินทรายอ่อน ในปี 2552 ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกลุ่มอยู่ที่ 35 คน และเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันอีกกว่า 150 ราย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นเมืองทอมือย้อมสีธรรมชาติ จนได้รับการคัดสรรเป็น OTOP ระดับ 4 ดาวและ 5 ดาว ก่อนพัฒนาสู่แบรนด์ภูริษาผ้าไทยในเวลาต่อมา โดยนำผ้าจากทางกลุ่มมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย และหลากหลาย เช่น เสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าสตรีผ้าคลุมไหล่ กระเป๋า และหน้ากากผ้า เป็นต้น แม้สินค้าจะเป็นที่ยอมรับของตลาดและมีฐานลูกค้าอยู่พอสมควร แต่ภูริษาผ้าไทยยังคงพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่ง เพื่อปูทางแบรนด์ไทยไปสร้างโอกาสในตลาดโลก จึงได้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมให้คำปรึกษาเชิงลึกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์โครงการยกระดับผ้าทอมืออัตลักษณ์อีสานสู่สากลของกรมส่งเสริม ภูริษาผ้าไทย ชูอัตลักษณ์ผ้าทอแดนอีสาน เชื่อมแฟชั่นไทยสู่สากลอุตสาหกรรมทำให้ได้อาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องผ้าเข้ามาช่วยแนะนำ เทคนิควิธีการทอและการจับคู่สีจากวัสดุธรรมชาติในชุมชน ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของตลาดและตรงกับใจผู้บริโภคมากขึ้น และยังได้ไอเดียลดต้นทุนด้วยการนำเศษผ้าที่่เหลือจากการตัดเย็บมาพัฒนาต่อยอดเป็นเสื้อผ้า ของที่ระลึกและของใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย “ที่ผ่านมาเรามีเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บเยอะมาก อาจารย์เลยแนะนำว่าเศษผ้าพวกนี้สามารถสร้างมูลค่าได้โดยที่เราไม่ต้องไปลงทุนอะไรเพิ่มเลยเพราะเป็นของที่มีอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนจากกองเศษผ้าเป็นกองทอง สร้างมูลค่าจากของที่่เราเคยมองข้ามเท่านั้นเอง เราเลยมาทำเป็นชุดยูกาตะตามที่อาจารย์แนะนำและพัฒนาต่อยอดเป็นเสื้อสตรี โดยผสมกับผ้าพื้นเมืองที่มีอยู่ ซึ่งออกมาสวยและลูกค้าก็ชอบมาก กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างโอกาสให้กับเรา” จากคำแนะนำที่ได้ทำให้ภูริษาผ้าไทยเห็นตลาดของตัวเองที่ชัดเจนขึ้น จึงพลิกกลยุทธ์มาใช้ช่องทางออนไลน์นำเสนอตัวเอง โดยการไลฟ์ขายสินค้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก จากยอดขายหน้าร้านที่ไม่มีเลยในช่วงโควิดกลับมาสามารถสร้างรายได้ในยุคโควิดและยังสร้างชื่อแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ซึ่งปัจจุบันรายได้หลักมาจากออนไลน์ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเป้าหมายในอนาคตคุณพัชรินทร์กล่าวว่าอยากนำพาแบรนด์ไทยไปสู่สากลและหวังว่าหลังโควิดคลี่คลาย ชื่่อของ “ภูริษาผ้าไทย” จะมีโอกาสไปตลาดโลก สมความตั้งใจได้ คุณวรพงษ์์ ชััยรััต ภูริิษาผ้้าไทย 32 หมู่่ที่่ 8 บา้นศรีีเมืืองใหม่่ ตำำบลโคกม่่วง อำำเภอศรีีบุญเรืือง จัังหวััดหนองบััวลำภู 39180 โทรศัพท์ 08 7221 0295, 08 1592 6185 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
17 มี.ค. 2565
แป้งมันเม่งเส็ง
แป้งมันเม่งเส็ง
ส่งไม้ต่อทายาทรุ่น 2 สร้างแต้มต่อให้ธุรกิจ เทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้าได้เข้ามามีบทบาท สำคัญขึ้นเรื่อยๆ ต่อแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีการนำมาปรับใช้เพื่อสร้างแต้มต่อและเพิ่มความสามารถในการแข้งขันให้กับธุรกิจกันมากขึ้นไม่เว้นแม้แต่โรงงานแป้งมันเม่งเส็งที่มี,ทายาทรุ่นที่ 2 คุณปนัฏฐา สัตถากุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แป้งมันเม่งเส็ง จำกัด เข้ามาต่อยอดและขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้น จากลานมันที่รับซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรโดยตรงได้ปรันตัวเข้ามาสู่ธุรกิจโรงงานแปรรูปเป็นแป้งมันสำปะหลังเมื่อ 10 ปีก่อน (2555) ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือโรงงานผลิตกระดาษเน้นส่งออกถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อ 5 ปีก่อน คุณปนัฏฐาได้เข้าไปช่วยธุรกิจเริ่มที่การขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายขึ้น ตลอดจนการพัฒนาเว็บไซต์ และโซเชียสมีเดียต่างๆ เพื่อให้เป็นช่องทางสำหรับลูกค้าติดต่อเข้ามายังบริษัทได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโรงงานแปรรูปแป้งมันด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยเธอเล่าว่าได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) รวมถึงครั้งล่าสุด คือ กิจกรรมให้คำปรึกษาแนะนำการเพิ่มผลิตภาพโดยใช้เทคโนโลยีติจิทัลและเชื่อมโยง เครือข่ายอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายคสัสเตอร์เกษตรอุตสาหกรรม ปีงบประมาณ 2564 ซึ่งได้นำหลายๆ เรื่องมาใช้ ประโยชน์ เช่น การลดของเสียและการเพิ่มอัตราการผลิต การจัดการ Dead Stock การใช้บาร์โค้ดเข้ามาช่วยควบคุม จำนวนสต็อกสินค้าทั้งที่เป็นสินค้าแป้งมันและอะไหล่เครื่องจักร นำเครื่องมือดิจิทัลเข้ามาช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถรู้ว่าสต็อกส่วนไหนใกล้หมดก็จะสามารถสั่งมาล่วงหน้าและสั่งให้พอดีกับ การใช้งานได้ "การอบรมแต่ละครั้งถือว่าได้รับประโยชน์มาก เพราะจะมีการประชุมกันก่อนทุกครั้งว่าทางคลัสเตอร์ต้องการให้จัดในหัวข้ออะไรจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง สำหรับโรงงานแป้งมันของเมงเส็งเอง ตอนนี้ มองว่าหลายๆอย่างเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นและยังสามารถ พัฒนาจากจุดนี้ไปได้อีกมาก เช่น ตอนนี้นำระบบ คอมพิวเตอร์มาใช้ควบคุมการผลิต การจัดการสต็อกสินค้าซึ่งผลจากการเข้าร่วมโครงการช่วยให้บริษัทลดต้นทุนสต็อกลง 59.58 เปอร์เซ็นต์ หรือสามารถลดต้นทุนได้เป็นเงิน 1,843,118 บาท และเป้าหมายต่อไปก็คือการทำเป็นระบบออโตเมชัน ล่าสุดทางกลุ่มคลัสเตอร์ยังคุยกันถึงเรื่อง ERP (Enterprise Resource Planning) ซึ่งกำลังดูอยู่ว่าจะใช้ระบบใดที่จะท่าให้ Lost น้อยที่สุดและการทำงานต้องไม่ซับซ้อนเป็นต้น" คุณปนฎฐา สัตถาฤล บริษัท แชงมันเบ่งเส็ง จำกัด 99 หมู่ที่ 20 ถ.ด่านขุนทด-ชัยบาดาล ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา 30210 โทรศัพท์ 08 7963 1939 http://www.mengseng.co.th/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
17 มี.ค. 2565
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมพิธีเปิดโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมพิธีเปิดโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
จ.ชลบุรี 16 มีนาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมพิธีเปิดตัวโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ณ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมี นายทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ณ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยโรงงานพ่นสีแห่งใหม่นี้ ใช้เทคโนโลยีการพ่นสีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในกระบวนการพ่นสีเฉพาะจุดที่มีความยากและซับซ้อน เช่น ระบบซีลตัวถังอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และปืนพ่นสีนำประจุไฟฟ้า รวมถึงช่วยลดมลพิษ ลดของเสียให้น้อยที่สุด ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการร่วมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน ตลอดจนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายระดับชาติของรัฐบาลไทย ในอุตสาหกรรมสีเขียวและใช้พลังงานสะอาด กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมภาคเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มุ่งลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยก้าวเข้าสู่การเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งนี้ โรงงานพ่นสีแห่งใหม่นี้ใช้งบประมาณการก่อสร้างกว่า 3 พันล้านบาท โดยโรงงานดังกล่าวได้ใช้แผงโซลาร์เซลล์ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือก ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 2 เมกะวัตต์ ซึ่งหากรวมที่ติดตั้งไปแล้วก่อนหน้าก็จะสามารถช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงปีละ 6,100 ตันต่อปี ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
17 มี.ค. 2565
DIPROM รับมอบถุงดีพร้อม ช่วยธุรกิจ ชุบชีวิตชุมชน
DIPROM รับมอบถุงดีพร้อม ช่วยธุรกิจ ชุบชีวิตชุมชน
กรุงเทพฯ 16 มีนาคม 2565 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายวัชรุน จุ้ยจำลอง ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน นางสาวประเทือง พฤกษาพิทักษ์กุล เลขานุการกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้รับมอบถุงดีพร้อม ช่วยธุรกิจ ชุบชีวิตชุมชน จาก นายสิทธิรงณ์ เร่งเงียบ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 หรือ ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 3 (DIPROM CENTER 3) จำนวน 2,400 ชุด ซึ่งดีพร้อมได้ส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนให้ได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ในแต่ละภูมิภาคให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาดออนไลน์ ซึ่งมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการตลาด อันเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาได้ผ่านการส่งเสริมการตลาดในรูปแบบ DIPROM SET ที่มีการกระจายสู่การทดสอบตลาดทั่วทุกภูมิภาค โดยมี QR Code แบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ได้รับผลิตภัณฑ์ เป็นการทดลองตลาดเพื่อนำความคิดเห็นไปพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสำหรับผู้ที่ทดลองผลิตภัณฑ์แล้ว มีความต้องการซื้อ หรือ สั่งผลิตภัณฑ์ที่ได้ทดลองในถุงดีพร้อม ก็สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ และผ่านช่องทาง DIPROM MARKETPLACE และระบบ QR Code นี้ได้ต่อไป
17 มี.ค. 2565
“รสอ.ณัฏฐิญา” ร่วมประชุมหารือแผนการดำเนินงานโครงการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
“รสอ.ณัฏฐิญา” ร่วมประชุมหารือแผนการดำเนินงานโครงการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
กรุงเทพฯ 16 มีนาคม 2565 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมครั้งที่ 4/2565 ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแผนการดำเนินงานโครงการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรมบัญชีกลาง) ในสองประเด็น คือ 1 ขออนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินงาน จากสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2565 เป็น วันที่ 30 กันยายน 2565 เพื่อให้มีเวลาเพียงพอต่อการดำเนินปรับปรุงระบบ e-GP ในการรองรับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ให้เกิดประสิทธิภาพต่อการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของ สสว. (Thai SME-GP) และการปรับปรุงระบบ e-GP ของกรมบัญชีกลาง และ 2 การปรับแผนกันเงินไว้จ่ายเหลื่อมปี ตามระเบียบคณะกรรมการบริหารฯ ว่าด้วยการรับและเบิกจ่ายเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2544 ข้อ 28 เพื่อดำเนินงานโครงการจนสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในโครงการด้านการเงินของ สสว. ภายใต้ระเบียบคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมว่าด้วยการประนอมหนี้และการจำหน่ายหนี้สูญ พ.ศ. 2564 โดยมีการศึกษาเทียบเคียงกับมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นกรอบในการทบทวนมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการสนับสนุนด้านการเงินของ สสว. เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา### PRDIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
17 มี.ค. 2565
DIPROM Japan Desk ผนึกกำลัง SMRJ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดงานสัมมนา New OTAGAI Forum ครั้งที่ ๒๑ สร้างโอกาสเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมไทย – ญี่ปุ่น
DIPROM Japan Desk ผนึกกำลัง SMRJ และหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดงานสัมมนา New OTAGAI Forum ครั้งที่ ๒๑ สร้างโอกาสเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมไทย – ญี่ปุ่น
เมื่อวันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 - 16.30 น. โต๊ะญี่ปุ่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Japan Desk) ร่วมกับองค์การเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และนวัตกรรมภูมิภาค (SMRJ) ตลอดจนหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชนของไทยและญี่ปุ่น จัดงานสัมมนา New OTAGAI Forum ครั้งที่ ๒๑ ขึ้นในรูปแบบไฮบริด (Hybrid) ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค (BITEC) ภายใต้งาน METALEX March โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่าง SMEs ไทยและญี่ปุ่นในด้านอุตสาหกรรม BCG (Bio-Circular-Green) และอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพเป็นหลัก มีผู้สนใจเข้าร่วมงานทั้งสิ้นกว่า 150 คน ซึ่งมีทั้งผู้แทนหน่วยงานไทยและญี่ปุ่น ตลอดจนผู้ประกอบการจากทั้งสองประเทศ งานสัมมนาดังกล่าวได้รับเกียรติจากผู้แทนสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (Thai Subcon) นำเสนอภาพรวมของความต้องการทางธุรกิจ (Business Needs) ของผู้ประกอบการไทยที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการไทยที่ได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้แก่ บริษัท เอส.พี. เมทัล พาร์ท จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ได้ริเริ่มการผลิตเตียงสำหรับผู้ป่วย และ บริษัท แม่น้ำ เมคคานิกา จำกัด ผู้ผลิตคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse) และอื่น ๆ ที่ใช้ AI และ IoT รวมทั้งผลิตชุดป้องกัน PAPRs เพื่อบุคลากรทางการแพทย์ โดยผู้ประกอบการไทยทั้งสองรายคาดหวังถึงโอกาสในการร่วมทุน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีจากภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้ประกอบการญี่ปุ่นร่วมนำเสนอ Business Needs ประกอบด้วย บริษัท Shizen International จำกัด ผู้ผลิตและให้บริการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) อย่างครบวงจร บริษัท Hirose Products จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไม้ และไม้ไผ่ บริษัท Kanto Electronics จำกัด ผู้ผลิตเครื่องมืออัตโนมัติ เช่น Part Feeder ที่สามารถจัดเรียงและป้อนชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กมากได้อย่างแม่นยำ และบริษัท GPC Laboratory จำกัด Startup ที่มีจุดแข็งในการสร้างเซลล์ชนิดต่าง ๆ ที่ใช้วัดประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเวชภัณฑ์ ซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 4 รายล้วนมีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม BCG และมีเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยต่างมุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการไทย รวมทั้งสนับสนุนในเชิงเทคโนโลยีเพื่อร่วมกันยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย ภายใต้เทคโนโลยีที่หลากหลายจากผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายมุ่งหวังร่วมกันคือความต้องการที่จะเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมไทยและญี่ปุ่นเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย (Win-Win) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด OTAGAI ที่มีความหมายว่าช่วยเหลือซึ่งกันและกันอีกด้วย ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ไดสึเกะ มัทสึชิมะ ผู้มีบทบาทสำคัญในการริเริ่มการดำเนินงานภายใต้แนวคิด OTAGAI บรรยายพิเศษเพื่อนำเสนอแนวทางการฟื้นตัวให้แก่ธุรกิจ รวมทั้งการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ ในสภาวะปัจจุบัน รวมทั้ง คุณเท็ตสึยะ อิโนะอุเอะ ผู้แทน SMRJ ประจำโต๊ะญี่ปุ่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Japan Desk) ได้ใช้โอกาสนี้แนะนำระบบฐานข้อมูล T-GoodTech และ J-GoodTech หนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง DIPROM และ SMRJ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
16 มี.ค. 2565