โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือคนในสังคมที่จะต้องดีกว่าเดิม
ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือคนในสังคมที่จะต้องดีกว่าเดิม
หากพูดถึงโรคขาดสารไอโอดีน หลายคนอาจงงและไม่คุ้นเพราะไม่ได้เป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีให้เห็นเลย อย่างในประเทศไทยเองก็ยังพบอยู่บ้าง ซึ่งการขาดสารไอโอดีนจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้หลายลักษณะ เกิดได้กับทั้งผู้ใหญ่ วัยรุ่น ไปจนถึงเด็กในครรภ์ สำหรับการป้องกันก็คือการบริโภคอาหารทะเล หรืออาหารที่ปรุงโดยเกลือเสริมไอโอดีนให้เพียงพอต่อวัน โดยกุญแจสำคัญก็คือ เกลือต้องมีสารไอโอดีน ซึ่งในอดีตเกลือที่ผลิตในจังหวัดมหาสารคามและสกลนคร จะเป็นเกลือสินเธาว์จากดินธรรมชาติ ซึ่งไม่มีสารไอโอดีนอยู่ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้หน่วยงานภาครัฐอย่างกรมอนามัย และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้ามาให้การซัพพอร์ตผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และส่งเสริมให้มีมาตรฐานการผลิตเกลือที่ดียิ่งขึ้น จึงเกิดเป็นคลัสเตอร์เกลือเสริมไอโอดีน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการอยู่ทั้งหมด 20 กิจการ โดยเบื้องต้นทางศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 5 ได้นำเครื่องบรรจุอัตโนมัติเข้ามาช่วยซัพพอร์ตในขั้นตอนของการบรรจุผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่ต้องใช้แรงงานคนในการบรรจุด้วยมือ ซึ่งตรงจุดนี้นอกจากจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนทางด้านเวลาและแรงงานคนได้อีกด้วย ทั้งนี้ เป้าหมายหลักของการมารวมกลุ่มกัน ก็คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มีมาตรฐานรองรับ โดยคุณพิสัยมองว่าควรเริ่มตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบ ควบคุมการผลิต พัฒนาระบบตรวจสอบปริมาณสารไอโอดีนให้ธุรกิจของสมาชิกภายในกลุ่มอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์มีอัตลักษณ์ Packaging น่าสนใจ และที่สำคัญต้องกระจายสู่ผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทุกครัวเรือน หากผู้ประกอบการท่านใดที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ หรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถติดต่อขอเข้ามาร่วมกลุ่ม เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเกลือเสริมไอโอดีนแข็งแรงมากขึ้น ตลอดจนนำไปสู่สุขภาวะที่ดีขึ้นของคนในสังคมไปพร้อมกัน
03 มี.ค. 2565
แตกต่าง สร้างนวัตกรรม
แตกต่าง สร้างนวัตกรรม
สินค้าที่กลุ่มเราทำออกมา จะต้องขายในตลาดได้จริง ถึงจะตอบโจทย์ความเป็น “นวัตกรรม” อุตสาหกรรมแปรรูปปากน้ำโพ หรือ คลัสเตอร์ FIN (Food Innovation Network) เป็นคลัสเตอร์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มและขนมทานเล่น ซึ่งสมาชิกในกลุ่มส่วนใหญ่แล้วจะประกอบธุรกิจแบบกลางน้ำ เน้นกระบวนการผลิตและแปรรูปเป็นหลัก แต่จะมีผู้ประกอบการบางส่วน ที่ทำธุรกิจทั้งต้นน้ำ และปลายน้ำร่วมด้วย ภายในคลัสเตอร์ FIN จะมีผลิตภัณฑ์ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่ม ไอศกรีม ราชาเฉาก๊วย ลูกหยี น้ำอ้อย ซึ่งสมาชิกภายในกลุ่มเองก็สามารถแชร์วัตถุดิบให้กัน ระหว่างธุรกิจต้นน้ำและธุรกิจกลางน้ำได้ เช่น ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำอ้อย ก็จะส่งน้ำอ้อยไปให้ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับไอศกรีม เพื่อนำไปแปรรูปให้เกิดเป็นนวัตกรรมในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อไป คุณยุทธการ ชุนสนิท ประธานกลุ่ม FIN บอกว่า นอกจากทางกลุ่มจะตั้งใจพัฒนาและต่อยอดให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา รวมไปถึงพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้ดีขึ้นแล้ว คุณยุทธการยังอยากทำให้ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาหรือต่อยอดออกมานั้น ขายออกสู่ตลาดได้ มีผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจริงๆ ถึงจะสอดคล้องไปกับโจทย์ Food Innovation ที่ทางกลุ่มตั้งไว้ตั้งแต่แรก เพราะอยากให้ทุกคนเติบโตไปพร้อมๆ กัน กลุ่ม FIN จึงมีลักษณะการทำงานที่ต่างคนต่าง “ช่วยผลักดันซึ่งกันและกัน” เน้นการพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กัน หากสมาชิกท่านใดที่มีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือด้านไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถเข้ามาพูดคุย ปรึกษากันได้เสมอ อย่างในกรณีที่สมาชิกท่านไหนกำลังจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ก็จะมีการส่งข้อมูลตั้งแต่ Branding Packaging รวมไปถึงนำผลิตภัณฑ์มาให้ชิม เพื่อขอความคิดเห็นก่อนนำไปจำหน่ายจริง หลังจากเข้ามารวมกลุ่มจนกลายเป็นคลัสเตอร์แล้ว ทำให้กลุ่มของคุณยุทธการมีกำลังในการขับเคลื่อนธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เช่น ได้เข้าร่วมอีเวนต์ใหญ่ๆ อย่าง Thaifex ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกภายในกลุ่มนำผลิตภัณฑ์ของตัวเองไปจัดแสดง รวมถึงได้พบเจอและรับรู้ความต้องการของผู้บริโภคโดยตรงผ่านการพูดคุยกันภายในงาน ซึ่งสมาชิกในกลุ่มก็สามารถนำข้อมูลในส่วนนี้กลับมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ดีขึ้นต่อไปได้ นอกจากนี้ทางกลุ่มของคุณยุทธการเอง ยังมีการจัดทำการตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างช่องทางในการโปรโมตและจำหน่ายสินค้าให้มากขึ้น โดยคุณยุทธการมองว่า ปัจจุบันนี้ผู้บริโภคอยู่ในแพลตฟอร์ม Market Place ค่อนข้างเยอะ จึงอยากขยายตลาดออนไลน์ให้ครอบคลุมไปถึงแพลตฟอร์ม Market Place ด้วยเลย เมื่อไรก็ตามที่ตลาดออนไลน์แข็งแรง โอกาสในการสร้างรายได้ของสมาชิกภายในกลุ่มก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เป้าหมายหลักๆ ที่คุณยุทธการวางแผนไว้ในระยะยาวเลยก็คือ การสร้างแบรนด์ของเครือข่ายให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแต่ละธุรกิจเอง ก็ค่อนข้างมีชื่อเสียง มีฐานกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ของตัวเองอยู่แล้ว หากแบรนด์ของกลุ่มเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ก็จะทำให้กลุ่มสามารถเจรจา ต่อรองกับ Modern Trade ในการนำผลิตภัณฑ์ไปวางตามช็อปร้านค้า หรือจุดจำหน่ายในสถานที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าได้ง่ายมากขึ้น ปัจจุบันนี้ทางกลุ่ม FIN ของคุณยุทธการเอง ก็มีโรงงานที่รับผลิตสินค้าแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) หรือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง รวมไปถึง ODM (Original Design Manufacturer) หรือ ผู้รับจ้างที่ออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเอง ซึ่งโรงงานในกลุ่มของคุณยุทธการจะเข้ามาช่วยตั้งแต่การคิดสูตรอาหาร ผลิต ไปจนถึงการหาตลาด สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านไหนที่อยากจะทำผลิตภัณฑ์เพื่อทดลองตลาด ก็สามารถติดต่อมาทางคุณยุทธการได้เลย
03 มี.ค. 2565
พัฒนาคุณภาพ เสริมสมาชิกกลุ่มให้แข็งแรง
พัฒนาคุณภาพ เสริมสมาชิกกลุ่มให้แข็งแรง
รวมกลุ่มช่วยกันพัฒนา เพิ่มมูลค่าทั้งผลผลิตและเศรษฐกิจให้เติบโต เครือข่ายอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล หรือ Future Food Cluster เป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตอาหารสำเร็จรูป และผลิตวัตถุดิบที่จะนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ซึ่งลักษณะผลิตภัณฑ์อาหารภายในกลุ่ม จะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ หรือทางการแพทย์ อาหารสำหรับผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม ตั้งแต่นักกีฬา ผู้บริโภคอาหารคีโต หรืออาหารสำหรับผู้ป่วยบางโรค และอาหารที่มีนวัตกรรม หรือมีคุณค่าพิเศษที่ไม่พบในอาหารทั่วไป เช่น มีรูปแบบการผลิตที่ไม่เหมือนใคร ผลิตภัณฑ์ภายในกลุ่มจะมีค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เจลซอง ที่เป็นอาหารเสริมและเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา เด็ก ผู้สูงอายุ รวมไปถึงอาหารสำหรับทหารในการออกรบ เส้นโปรตีนไข่ขาว แบบไร้แป้ง สำหรับผู้ที่ทานคีโต นอกจากนี้ยังมีผลผลิตอย่าง หญ้าหวาน สารให้ความหวานแทนการใช้น้ำตาล ที่ใช้เป็นส่วนผสมในการประกอบอาหาร เป็นต้น คุณจามร สมณะ ประธานกลุ่มเล่าให้ฟังว่า ภายในกลุ่มจะรวบรวมผู้ประกอบการตั้งแต่รายเล็กไปจนถึงรายใหญ่ โดยผู้ประกอบการแต่ละท่านก็จะมีความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน เช่น ศักยภาพทางการผลิต การวิจัยพัฒนา การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การจัดจำหน่ายสินค้า ซึ่งการมารวมกลุ่มในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อมารวมกลุ่มกันแล้ว สมาชิกก็จะมีการพูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านต่างๆ ผ่านการประชุมในแต่ละเดือน ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ไม่เพียงแต่จะนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองเท่านั้น แต่ความรู้หรือเทคนิคที่ได้นั้น ยังสามารถช่วยลดต้นทุนทางด้านการผลิต ทั้งเวลา เม็ดเงิน และแรงงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากการแชร์ข้อมูลกันแล้ว ภายในกลุ่มยังมีการจัดอบรม เพื่อพัฒนาศักยภาพของสมาชิก และยกระดับให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เช่น จัดอบรมเพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านการขอมาตรฐานรองรับให้กับผลิตภัณฑ์ของสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐาน GMP HALAL HACCP การอบรมเพื่อให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มของผู้บริโภคในปัจจุบัน รวมไปถึงการปรับตัวและการจัดการทางด้านการตลาด ให้เข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ก็ได้หน่วยงานจากหลายๆ ภาคส่วนเข้ามาช่วยซัพพอร์ต หลังจากมารวมกลุ่มจนกลายเป็นคลัสเตอร์แล้ว คุณจามรและสมาชิกในกลุ่มเองก็ได้ร่วมกันจัดตั้ง “ห้างหุ้นส่วนสามัญ” หรือ หสม. ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนในการเจรจาของกลุ่ม เมื่อสมาชิกผลิตสินค้าเสร็จเรียบร้อย ก็จะนำมาให้ หสม. ดำเนินการจัดจำหน่ายต่อไป หรือในกรณีที่ได้รับการติดต่อให้ไปออกบูธ จัดงานแสดงสินค้า หรือได้รับออร์เดอร์คำสั่งซื้อสินค้ามา ทาง หสม. ก็จะรับออร์เดอร์ไว้แล้วส่งต่อให้สมาชิกที่มีศักยภาพในการผลิตต่อไป เช่น การจัดชุดของขวัญร่วมกัน ทั้งกระเช้าปีใหม่ ชุดสังฆทาน หรือการจัดทำผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะกิจอย่าง ผลิตภัณฑ์อาหารผสมกัญชา กระท่อม เพื่อขายในงานแสดงอาหารจำเพาะหรือลูกค้าเฉพาะ เป้าหมายต่อไปที่คุณจามรวางเอาไว้เลยก็คือ การจัดหาสมาชิกเข้ามาร่วมกลุ่มเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการผลิตให้แข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงมองหาช่องทางด้านการตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับสมาชิกในกลุ่ม และ หสม. สำหรับใครที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางด้านอาหารเพื่อสุขภาพ หรืออาหารสำหรับผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม แล้วกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ดีๆ ก็สามารถติดต่อมาทางคุณจามรได้เลย
03 มี.ค. 2565
เพื่อนช่วยเพื่อน คติบริหารประจำคลัสเตอร์
เพื่อนช่วยเพื่อน คติบริหารประจำคลัสเตอร์
แต่ละคนมีจุดเด่นที่ต่างมาช่วยเสริมกันและกัน...ส่วนจุดด้อยก็ช่วยพัฒนาต่อให้ดีขึ้น คุณโจ้ ประวิทย์ เครือทรัพย์ รองประธานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมขนม และคุณแพร ลวณะมาลย์ เลขานุการคลัสเตอร์อุตสาหกรรมขนม บอกว่า การเข้ามารวมกันเป็นกลุ่ม ก็เพื่อที่จะช่วยเติมจุดที่แต่ละคนขาดไปให้เต็ม และยังถือเป็นการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนธุรกิจให้เติบโตขึ้นอีกด้วย เพื่อนช่วยเพื่อนคติขับเคลื่อนกลุ่มให้แข็งแกร่ง สมาชิกแต่ละท่านล้วนมีความรู้และความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ภายในกลุ่มจึงทำงานในลักษณะของ “เพื่อนช่วยเพื่อน” ใครที่ถนัดในเรื่องไหน ก็จะเป็นพี่เลี้ยงให้กับเพื่อนคนที่ยังขาดความเชี่ยวชาญตรงนั้นไป เช่น คุณโจ้มีความรู้ในเรื่องโรงงานผลิต เครื่องจักร มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ใครที่ต้องการความรู้ด้านนี้ก็สามารถมาขอคำปรึกษาจากคุณโจ้ได้เลย ในขณะเดียวกันคุณโจ้เอง ก็ได้รับคำปรึกษาเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจากสมาชิกท่านอื่นๆ เช่นกัน แค่พลิกนิดเดียวก็ทำให้อะไรเปลี่ยนไปเยอะ การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีขั้นตอนของการพูดคุย และแลกเปลี่ยนไอเดียซึ่งกันและกัน บางไอเดียแค่ปรับบางจุดไปนิดเดียว ก็ทำให้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปได้เยอะ เช่น การปรับ Packaging ขนมหม้อแกงของคุณโจ้ ที่ได้ไอเดียมาจากสมาชิกในกลุ่มว่าอยากให้ลองทำขนมหม้อแกงแบบถ้วยกลมแทนถาดสี่เหลี่ยมแบบที่ทุกคนคุ้นชินกัน ผลปรากฎว่าขนมหม้อแกงของคุณโจ้ได้รับฟีดแบ็คกลับมาดีมาก ทานง่าย เก็บได้นาน แถมรสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม ขายขนมยุคใหม่ต้องสนิทกันไว้ สมัยก่อนขายขนมเหมือนกัน หลายคนก็อาจจะคิดว่าต้องเป็นคู่แข่ง ต้องทะเลาะกันไปมา แต่สำหรับคนที่ทำธุรกิจขนมในยุคใหม่ สนิทกันไว้เป็นดีที่สุด หากมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน เช่น มียอดออร์เดอร์สั่งเข้ามาเยอะมากจนผลิตไม่ทัน สมาชิกในกลุ่มก็สามารถแบ่งออร์เดอร์ให้กับคนในกลุ่มช่วยผลิตได้ โดยที่ไม่ต้องเสียออร์เดอร์หรือลูกค้าไป เพียงเพราะว่าผลิตไม่ทัน มาตรฐานคือสิ่งสำคัญของสินค้า ไม่ว่าจะผลิตสินค้าแบบไหนออกมา สินค้านั้นๆ ควรจะมีมาตรฐานรองรับเสมอ ซึ่งคุณแพรเองก็บอกว่า ภายในปี 2564 นี้ ทางกลุ่มกำลังผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของสมาชิกในกลุ่ม ได้รับมาตรฐานรองรับอย่างน้อย 1 อย่าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์ของสมาชิกในกลุ่ม มีความปลอดภัย รับประทานได้แบบไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขนมไทยต้องไม่หายไปอย่างถาวร นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีความตั้งใจร่วมกันเลยก็คือ อยากผลักดันให้ขนมไทยเป็นที่รู้จัก และไม่หายไปจากสายตาของทุกคน เพราะคนในกลุ่มเชื่อว่าขนมไทยเองก็มีศักยภาพไปไม่น้อยกว่าขนมของต่างประเทศเลย ทุกขั้นตอนการผลิตล้วนทำด้วยความละเอียด ใส่ใจ เพราะฉะนั้นคนในกลุ่มจึงอยากให้ทุกๆ คนลองเปิดใจให้กับขนมไทยมากขึ้น การเข้ามารวมกลุ่มกัน หากตั้งใจจะมาเพื่อตักตวง แต่ไม่คิดที่จะให้อะไรแก่ผู้อื่น นอกจากการพัฒนาจะไม่เกิดขึ้นจริงแล้ว กลุ่มก็จะไม่เดินหน้าไปไหนด้วย เพราะฉะนั้นการเปิดใจให้กัน พูดคุย แชร์ความรู้ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในแบบ “เพื่อนช่วยเพื่อน” ก็จะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์กลับไปอย่างแน่นอน
03 มี.ค. 2565
จากคู่แข่งสู่คู่คิด พัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน
จากคู่แข่งสู่คู่คิด พัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน
เราจะช่วยกันแชร์ความคิด แล้วเอานวัตกรรมมาจับเพื่อปรับให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีกว่าเดิม คลัสเตอร์ FRUITS INNO เป็นกลุ่มที่นำผลไม้ พืช สมุนไพร มาแปรรูปด้วยการใช้เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาช่วยซัพพอร์ต เพื่อต่อยอดและพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมากขึ้น โดยธุรกิจของสมาชิกในกลุ่มจะเน้นไปที่ขั้นตอนกลางน้ำเป็นหลักเลย แต่ก็จะมีผู้ประกอบการบางส่วนที่ทำธุรกิจในขั้นตอนต้นน้ำ และปลายน้ำด้วย ภายในคลัสเตอร์เองจะรวบรวมผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับ Start Up ไปจนถึงผู้ประกอบธุรกิจระดับพันล้าน ซึ่งแต่ละท่านก็จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่แตกต่างกัน อาทิ ขั้นตอนกระบวนการผลิต มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ภายในประเทศไปจนถึงต่างประเทศ การทำการตลาด หากสมาชิกคนใดต้องการความรู้ด้านไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถเข้าไปขอคำปรึกษากับผู้ประกอบการคนนั้นๆ ได้โดยตรง “จากคู่แข่ง สู่คู่คิด พัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน” เป็นคอนเซ็ปต์การดำเนินงานภายในกลุ่ม ซึ่งคุณไนซ์ ชัยสิทธิ์ หมอนประเสริฐ์ ประธานกลุ่มเล่าให้ฟังว่า เราจะเน้นพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ปัญหาที่ผู้ประกอบการแต่ละท่านเจอ เพื่อหาวิธีปรับและพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพที่ดีขึ้น เมื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งผลิตภัณฑ์นั้นๆ เข้าสู่ตลาดจนไปถึงมือผู้บริโภค ทางกลุ่มของคุณไนซ์จะมีการจัด Class สำหรับขอความคิดเห็น หรือคอมเมนต์เพิ่มเติมจากสมาชิกก่อน ทั้งในแง่ของ Branding Packaging ไปจนถึงรสชาติ ซึ่งเจ้าของผลิตภัณฑ์เองก็สามารถนำข้อมูลในส่วนนี้ไปปรับและพัฒนาต่อได้ นอกจากการขอความคิดเห็นก่อนปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว การแชร์ความรู้ หรือเทคนิคในการผลิตต่างๆ ยังมีส่วนช่วยให้สมาชิกในกลุ่มได้ไอเดียใหม่ๆ ในการนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ของตัวเอง รวมไปถึงการช่วยลดต้นทุน และระยะเวลาในการผลิตให้กับสมาชิกอีกด้วย เช่น การทำมะเดื่อฝรั่งอบแห้ง โดยปกติแล้วจะสามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 3 สัปดาห์ แต่พอได้ความรู้จากการพูดคุย จึงนำไปปรับขั้นตอนในการผลิต ทั้งวิธีการวางมะเดื่อ ปรับอุณหภูมิตอนอบ ก็สามารถช่วยลดเวลาในการอบลงได้ จาก 900 นาที เหลือเพียง 400 นาที ส่งผลให้มะเดื่อฝรั่งอบแห้ง สามารถเก็บได้นานขึ้นเป็น 5 – 6 เดือนเลยทีเดียว การแชร์ความคิดไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่การ Cross กันระหว่างธุรกิจภายในกลุ่มอีกด้วย ซึ่งตรงจุดนี้ก็อยู่ในแผนที่คุณไนซ์กำลังดำเนินงานต่อไป เป้าหมายถัดมาที่คุณไนซ์อยากจะผลักดันเลยก็คือ การหาสมาชิกเข้ามาร่วมกลุ่ม เพื่อพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาให้กับผู้บริโภค รวมไปถึงการหาหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาช่วยซัพพอร์ตเพิ่มเติม เช่น ศูนย์วิจัยต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือด้านการผลิต หรือแหล่งเงินทุน ที่จะมาช่วยเสริมสร้างให้กลุ่มแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แม้ภายในกลุ่มอาจมีสมาชิกบางท่านประกอบธุรกิจประเภทเดียวกัน แต่ด้วยคอนเซ็ปต์การดำเนินงานที่ชัดเจนของคุณไนซ์ ทำให้สมาชิกทุกท่านต่างเป็นเหมือนที่ปรึกษาให้กันและกัน ช่วยพัฒนาธุรกิจไปด้วยกัน นอกจากจะทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมามีคุณภาพมากขึ้นแล้ว ยังทำให้การดำเนินงานภายในกลุ่มเติบโตและประสบความสำเร็จอีกด้วย ตอนนี้ทางกลุ่ม FRUITS INNO มีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่ได้รับมาตรฐานการส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น GMP codex, HACCP, ISO, HALAL, ORGANIC, GAP ที่สามารถผลิตผลไม้แปรรูป ทั้งแบบชนิดพร้อมดื่มและชนิดอบแห้ง หากผู้ประกอบการท่านไหนกำลังมองหาโรงงานที่รับ OEM ก็สามารถติดต่อมาทางคุณไนซ์ได้เลย
03 มี.ค. 2565
มีมาตรฐานรองรับ ยกระดับสินค้า อีกหนึ่งวิธีพัฒนาคลัสเตอร์
มีมาตรฐานรองรับ ยกระดับสินค้า อีกหนึ่งวิธีพัฒนาคลัสเตอร์
สินค้าดี มีมาตรฐานรองรับ ตรวจสอบย้อนกลับได้ ถึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ คลัสเตอร์อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Organic Herbs Thailand) เป็นกลุ่มที่เน้นธุรกิจแบบกลางน้ำ ด้วยวิธีการแปรรูปสมุนไพรจากวัตถุดิบแบบออร์แกนิก เพื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่ใช้ภายนอก ไม่ว่าจะเป็น สกินแคร์ เซร่ำบำรุงผิวต่างๆ สบู่ แชมพู รวมไปถึงสินค้าประเภท Health Care อย่างน้ำขมิ้น น้ำมัลเบอร์รี เป็นต้น ก่อนที่จะมารวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์เหมือนทุกวันนี้ คุณแม็ค ศิริพัฒน์ มีทับทิม ประธานกลุ่มเล่าให้ฟังว่า พวกเขามีการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย เพื่อศึกษาข้อมูลเรื่องมาตรฐาน ACT C and H มาก่อน จากนั้นจึงพัฒนากลุ่มขึ้นมาเป็นคลัสเตอร์ เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของสมาชิกภายในกลุ่ม ได้รับการรองรับตามมาตรฐาน ACT C and H ซึ่งในปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการการตรวจสอบเกิน 50% แล้ว และคาดว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดน่าจะได้มาตรฐานดังกล่าวมารองรับครบ 100% ภายในปี 2565 เมื่อสินค้ามีคุณภาพ ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ACT C and H แล้ว การสร้างแบรนด์ และหาช่องทางการตลาด เพื่อส่งเสริมทางด้านการขายให้กับผู้ประกอบการ จึงเป็นสเต็ปต่อไปที่อยู่ในแผนของคุณแม็ค โดยคุณแม็คและทีมคณะกรรมการเอง ก็ช่วยกันสร้างเว็บไซต์ออนไลน์ อย่าง https://www.herbsstarter.com ขึ้นมา ซึ่งเว็บไซต์นี้จะเป็นเหมือนเครื่องมือที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ตั้งแต่การออกแบบ Packaging ถ่ายภาพ ทำโลโก้ หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ได้รับการแปรรูปเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำข้อมูลของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เข้าสู่แพลตฟอร์มการตลาดที่มีชื่อว่า “Health Harvest” https://healthharvest.bentoweb.com/th/mobile เพื่อช่วยโปรโมต และเป็นช่องทางในการจำหน่าย ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ภายในกลุ่ม ได้มีการส่งออกไปยังประเทศจีนแล้วด้วย นอกจากมาตรฐานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเสริมให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของสมาชิกเพิ่มมากขึ้นก็คือ “ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ” ที่จะมีข้อมูลระบุไว้ตั้งแต่วัตถุดิบต้นทาง กระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์มีมาตรฐานอะไรมารองรับหรือไม่ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเช็กข้อมูลย้อนกลับได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณซื้อไปนั้น มีคุณภาพ และเป็นของจริง ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะขึ้นตรงกับกระทรวงพาณิชย์เลย สามารถเชื่อถือได้แน่นอน การเข้ามารวมกลุ่มจนกลายเป็นคลัสเตอร์เหมือนดั่งทุกวันนี้ ไม่เพียงแต่จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ หรือสร้างคอนเน็กชันในแวดวงธุรกิจของตัวเองเท่านั้น แต่สมาชิกในกลุ่มเองยังได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ อีกไม่น้อย เช่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาตั้งแต่เพิ่งเริ่มเข้าสู่คลัสเตอร์ในช่วงแรกๆ รวมไปถึงสำนักงานมาตรฐานเกษต อินทรีย์ (มกท.) ที่เข้ามาให้ความรู้เรื่องมาตรฐาน ACT C and H. การดำเนินงานภายในกลุ่มจะไม่สามารถเดินต่อไปได้เลย หากขาดจิ๊กซอว์ส่วนสำคัญ อย่าง “ความร่วมมือร่วมใจของสมาชิก” ไป เมื่อไรก็ตามที่คนในกลุ่มมีทัศนคติตรงกัน มองเห็นเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน มุ่งเน้นการแชร์ข้อมูลเพื่อพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ มากกว่าจะมานั่งแข่งขันกันเอง ก็จะทำให้กลุ่มเข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วมากยิ่งขึ้น
03 มี.ค. 2565
ทุกคนต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน กลุ่มจึงพัฒนาและไปต่อได้
ทุกคนต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน กลุ่มจึงพัฒนาและไปต่อได้
โจทย์ของการมารวมกลุ่มกัน คือต้องทำให้พวกเขาเห็นภาพไปพร้อมกันว่าผลลัพธ์คืออะไร นี่คือกุญแจหลักของการดำเนินงานภายใน “คลัสเตอร์อุตสาหกรรมสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ จังหวัดอำนาจเจริญ” คุณสตีฟ สถิตย์ ม่วงกรุง ตัวแทนของคลัสเตอร์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการมารวมกลุ่มให้ฟังว่า เขาต้องการที่จะสร้างเครือข่ายในการผลิตสินค้าออร์แกนิก เพื่อตอบโจทย์ให้ตรงตามปริมาณความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น เนื่องจากคนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ ซึ่งการดำเนินงานภายในกลุ่ม ก็ต้องอาศัยแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อช่วยพัฒนาและขับเคลื่อนให้กลุ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน สเต็ปแรกของการมารวมกลุ่มกันเลยก็คือ ต้องทำให้เขาเห็นภาพเดียวกันกับเราก่อน เล่าให้เขาฟังว่าการเข้ามารวมกลุ่มนั้นจะช่วยธุรกิจของเขาในด้านใด และภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะเกิดผลลัพธ์อะไรบ้างกับธุรกิจของเขา เช่น สินค้าจะได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ มีมาตรฐานรองรับ ราคาดีขึ้น ขายง่าย นอกจากนี้ยังถือเป็นการสร้างอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกร ได้มีพื้นที่ทำกิน และไม่ถูกกดราคาในการขายสินค้าอีกด้วย ปั้นพื้นฐานความรู้ด้านการผลิตให้แน่น เครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าออกมาได้อย่างมีคุณภาพ นั่นก็คือ “ความรู้พื้นฐานของการผลิต” ที่คุณสตีฟวางแผนไว้ว่าอยากจะต่อยอดให้กับสมาชิก ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาช่วยยกระดับสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น มาตรฐานของสินค้าคือการสร้างความน่าเชื่อถือ ยิ่งผลิตภัณฑ์ของสมาชิกมีมาตรฐานรองรับมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้สินค้าของพวกเขาน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐานจึงเป็นสิ่งที่ทางกลุ่มให้ความสำคัญ โดยคุณสตีฟบอกว่า ตั้งใจอยากจะให้สินค้าของทุกๆ กิจการภายในคลัสเตอร์ มีมาตรฐานมารองรับ ไม่ว่าจะเป็น มาตรฐาน อย. GMP หรือ Organic วางแผนการผลิตด้วยวิธีพรีออเดอร์ โรงงานกลางของกลุ่ม เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในแผนการดำเนินงาน โดยคุณสตีฟอยากให้โรงงานนี้ เป็นศูนย์รวมผลผลิตจากธุรกิจของสมาชิก ที่สามารถเปิดรับการผลิตสินค้าแบบ Pre-order จากการสำรวจความต้องการของผู้บริโภค ว่ามีแนวโน้มต้องการสินค้าชนิดไหนเป็นพิเศษ เพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูลในการผลิตสินค้าล่วงหน้าต่อไป พาอำนาญเจริญสู่ฮับของสินค้าออร์แกนิก เป้าหมายสูงสุดของกลุ่มที่คุณสตีฟและสมาชิกอยากจะผลักดันร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ สมุนไพร และอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น เมื่อไรก็ตามที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าออร์แกนิก อำนาจเจริญก็จะเป็นที่แรกที่พวกเขานึกถึงนั่นเอง ถึงแม้ว่าคลัสเตอร์ของคุณสตีฟจะเพิ่งเริ่มดำเนินงานในปีนี้เป็นปีแรก แต่การมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ก็สามารถช่วยพัฒนาทั้งศักยภาพของสมาชิก ผลผลิต และขับเคลื่อนกลุ่มให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
03 มี.ค. 2565
หลากอาชีพ หลายผลิตภัณฑ์ สู่การรวมกลุ่มผลักดันให้เก่งกว่าเดิม
หลากอาชีพ หลายผลิตภัณฑ์ สู่การรวมกลุ่มผลักดันให้เก่งกว่าเดิม
ทำสิ่งที่เด่นให้เก่งขึ้นมา อยากทำให้คนเกิดความรู้สึกว่า ถ้ามาอีสานต้องมาเที่ยวสปา ซื้อยาสมุนไพร คลัสเตอร์สบายดี เฮิร์บแอนสปา ศูนย์กลางอุตสาหกรรมสมุนไพรแปรรูปและสปา อิสานเหนือ เป็นอีกหนึ่งคลัสเตอร์ที่อยู่ในแวดวงสมุนไพรไทย คุณน็อต รจสิทธิ์ ไกรวงศ์ ประธานคลัสเตอร์เล่าให้ฟังว่า ภายในกลุ่มจะมีผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตะไคร้ ขมิ้น ฟ้าทะลายโจร น้ำมันนวดสมุนไพร ยาหม่อง ยาดม ลูกประคบ นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแล้ว กลุ่มของคุณน็อตยังรวบรวมผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงสมุนไพรเอาไว้อย่างครอบคลุม โดยมีตั้งแต่ผู้ที่ปลูกสมุนไพรโดยตรง ผู้ที่นำสมุนไพรไปแปรรูป ผู้ประกอบการสินค้า OTOP ผู้จำหน่ายสินค้าน้ำสมุนไพร คุณหมอแพทย์แผนไทยที่เปิดคลินิกแพทย์แผนไทย โรงเรียนนวดแผนไทย โรงเรียนสปา ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดที่ทำให้คลัสเตอร์ของคุณน็อตแตกต่างไปจากคลัสเตอร์สมุนไพรอื่นๆ เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มมีความหลากหลาย มาจากสายอาชีพที่แตกต่างกัน ทางคลัสเตอร์ของคุณน็อตจึงมีวิธีแบ่งสมาชิกออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ฝ่ายแพทย์แผนไทย ฝ่ายสปา ฝ่ายเกษตรแปรรูป และฝ่ายตลาด นอกจากจะบริหารงานได้อย่างเป็นสัดส่วนแล้ว ยังทำให้สมาชิกสามารถเข้าถึงความรู้ที่ตัวเองต้องการได้ง่ายขึ้นด้วย กลุ่มของคุณน็อตไม่ได้มีแค่สินค้า หรือบริการเท่านั้น แต่จุดเด่นของกลุ่มอยู่ที่มีการให้ความรู้ คำปรึกษา เรื่องแพทย์แผนไทยจากคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ซึ่งตรงนี้ก็จะทำให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของสมาชิกในกลุ่ม มีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากยิ่งขึ้น การผลักดันให้แพทย์แผนไทยและสมุนไพรเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น เป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มที่คุณน็อตอยากดำเนินงานต่อไป คุณน็อตอยากให้สมุนไพรไทยเป็นเหมือนของดีอีกอย่างหนึ่งของภาคอีสาน เมื่อไรที่มาก็จะต้องมาเที่ยวสปา และซื้อยาสมุนไพรติดไม้ติดมือกลับไป เหมือนกับที่เมื่อเราพูดถึงทุเรียนเมื่อไร ก็จะต้องนึกถึงจังหวัดจันทบุรี หรือตราดก่อนนั่นเอง เมื่อแพทย์แผนไทยและสมุนไพรเป็นที่รู้จักแล้ว คนก็จะเริ่มหันมาให้ความสนใจ เดินทางมาถึงถิ่นอีสานเพิ่มมากขึ้น นอกจากสมาชิกในกลุ่มจะได้ส่งต่อความรู้ดีๆ เกี่ยวกับสมุนไพรไทยแล้ว ยังถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงคนในพื้นที่นั้นๆ อีกด้วย ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากได้เข้ามารวมกลุ่มกันจนเป็นคลัสเตอร์ สิ่งหนึ่งที่อยู่ในความตั้งใจของคุณน็อตเลยก็คือ การพัฒนาศักยภาพของสมาชิก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ด้วยวิธีการลงไปพูดคุย ไปดูว่าธุรกิจของสมาชิกคนนั้นๆ ติดปัญหาเรื่องอะไร อยากรู้เรื่องไหนเป็นพิเศษ เช่น การนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยแปรรูปผลิตภัณฑ์ ความรู้เรื่องการตลาด เป็นต้น คุณน็อตมองว่าการลงไปพูดคุยโดยตรงกับสมาชิกเลย จะทำให้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เมื่อเขามีความรู้ในเรื่องนั้นๆ แล้ว เขาก็จะนำไปพัฒนาธุรกิจของเขาต่อได้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่กลุ่มจะเข้มแข็งได้นั้น ต้องมาจากโครงสร้างที่แข็งแรง ทั้งทางด้านทัศนคติของสมาชิก การบริหารจัดการ รวมไปถึงแผนการดำเนินงานที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือ และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยพัฒนาให้ธุรกิจของสมาชิกเติบโตเท่านั้น แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนให้กลุ่มเดินทางไปสู่เป้าหมายที่วางร่วมกันไว้ได้อีกด้วย
03 มี.ค. 2565
เปิดใจให้ความรู้กันแบบไม่กั๊ก จุดเริ่มต้นการสร้างกลุ่มให้แข็งแรง
เปิดใจให้ความรู้กันแบบไม่กั๊ก จุดเริ่มต้นการสร้างกลุ่มให้แข็งแรง
เมื่อสมาชิกมีความรู้จริงในงานแล้ว เดี๋ยวผลสัมฤทธิ์จะตามมาเอง… คลัสเตอร์อุตสาหกรรมไม้ยางพาราจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เพิ่งรวมตัวกันในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2564 ที่ผ่านมา โดยธุรกิจหลักๆ จะเป็นขั้นตอนกลางน้ำ ที่นำพืชทางเศรษฐกิจของภาคใต้ อย่าง “ไม้ยางพารา” มาแปรรูปแล้วส่งออก เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับไม้ยางพารา ที่ให้น้ำยางได้น้อยลง หรือไม่สามารถให้น้ำยางได้อีกต่อไป คุณชาลี นราพงศ์ เมืองศรี ตัวแทนของคลัสเตอร์เล่าให้ฟังว่า กลุ่มของเขาอยากจะผลักดันเรื่องการทำผลผลิตออกมาให้ได้คุณภาพใกล้เคียงกันมากที่สุด ซึ่งสมาชิกภายในกลุ่มเองก็ต้องมาช่วยกันหาตรงกลางว่า จะกำหนดคุณภาพแบบไหน ถึงจะทำให้โรงงานทั้ง 19 แห่งที่อยู่ภายในกลุ่มสามารถแปรรูปไม้ยางพาราออกมาได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด แต่ก่อนที่จะกำหนดคุณภาพไม้ยางพาราร่วมกันได้นั้น สิ่งที่สมาชิกต้องเรียนรู้ก่อนเลยก็คือ “กระบวนการผลิต” ว่าจะต้องใช้วิธีการอย่างไร ถึงจะทำให้ผลผลิตออกมาอย่างมีคุณภาพตามที่วางไว้ ซึ่งความรู้ในส่วนนี้ก็จะได้มาจากการแชร์และพูดคุยอย่างเปิดใจ ไม่ว่าจะเป็น ขั้นตอนวิธีการเลื่อยไม้ การอาบน้ำยา การอบแห้ง หรือต้องอบไม้อย่างไรให้ได้ไม้ที่มีสีขาวนวล เพื่อนำไปขายในราคาที่สูงขึ้นได้ นอกจากนี้การเข้ามารวมกลุ่มกัน ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่เปิดโอกาสให้โรงงานใหญ่ๆ และโรงงานเล็กๆ ได้ทำความรู้จักกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เข้าไปศึกษาดูงานในโรงงานของกันและกัน หากมีอะไรจะได้ช่วยกันคิด ช่วยกันขาย ช่วยกันสร้างรายได้ไปด้วยกัน หรือถ้าโรงงานใดติดปัญหา ก็สามารถให้ความช่วยเหลือ หรือช่วยผลิตให้กันได้ ในสเต็ปต่อไปทางกลุ่มวางแผนไว้ว่า จะขอความช่วยเหลือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พัฒนาหลักสูตรการเลื่อยไม้ หรือโรงเรียนนายม้า เพื่อพัฒนาศักยภาพของคนให้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการเลื่อย และแปรรูปไม้ยางพาราเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากนายไม้จะเป็นผู้ที่ควบคุมกระบวนการผลิตที่คอยเลื่อยไม้ ยกไม้ที่มีน้ำหนักมาก รวมไปถึงการทำงานกับเครื่องจักรที่มีความเสี่ยงอันตราย เพราะฉะนั้นคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ จะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญ และความระมัดระวังค่อนข้างสูง อีกหนึ่งสิ่งที่คุณชาลีและกลุ่มอยากต่อยอดเพิ่มเติมเลยก็คือ การใช้นวัตกรรมเข้ามาช่วยเหลือในการทำงาน อย่างนวัตกรรมออโตเมชัน เครื่องเลื่อยไม้ที่ทางกลุ่มมีอยู่แล้ว แต่อาจจะยังใช้งานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากไม้ยางพารามีตำหนิตามธรรมชาติที่ต้องคัดออก และรูปทรงที่ไม่สม่ำเสมอ แต่เครื่องนี้เหมาะที่จะนำมาเลื่อยไม้ที่มีลักษณะกลมและไม่มีตำหนิ นอกจากนี้ทางกลุ่มของคุณชาลียังอยากพัฒนาโปรแกรมโต๊ะเลื่อยเพิ่มเติมด้วย ซึ่งตรงนี้อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ และหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติม การเข้ามารวมกลุ่มกันจนเป็นคลัสเตอร์ดั่งในทุกวันนี้ แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่ก็เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดี ที่ทุกคนจะหันมาช่วยกันส่งเสริมธุรกิจไม้ยางพาราของไทย ทั้งในเรื่องของการช่วยกันขาย รวมถึงการให้คำปรึกษา เพื่อพัฒนาให้ไม้ยางพารามีคุณภาพใกล้เคียงกันมากขึ้น ซึ่งสเต็ปแรกของการนำไปสู่การทำงานที่เวิร์กเลยก็คือ การแชร์ความรู้กันอย่างเปิดใจ และมองสมาชิกร่วมกลุ่มเป็นเหมือนเพื่อนคู่ค้าที่ไม่ใช่คู่แข่ง แล้วร่วมกันพัฒนาให้ธุรกิจและคลัสเตอร์ค่อยๆ แข็งแรงไปด้วยกัน
03 มี.ค. 2565
สร้างตลาด .. ด้วยคุณภาพของสินค้า
สร้างตลาด .. ด้วยคุณภาพของสินค้า
“เพราะเราใส่ใจเรื่องคุณภาพ ทุกคนเลยตั้งใจทำกันมากเราเชื่อว่าถ้าสินค้าดี เดี๋ยวจะมีคนซื้อตามมา…” คลัสเตอร์ขอนแก่นเกษตรแปรรูป เป็นกลุ่มที่รวบรวมสินค้าประเภทพืชผัก ผลไม้ และสมุนไพรเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ผักสลัด มะนาว หน่อไม้ ตะไคร้แห้ง กระเจี๊ยบแห้ง มันญี่ปุ่น สมุนไพรอบแห้ง โดยคุณทิด อาทิตย์ แสงโลกีย์ ประธานคลัสเตอร์ขอนแก่นเกษตรแปรรูป เล่าให้ฟังว่า จุดเด่นของกลุ่มเขาอยู่ที่ความหลากหลายทางด้านผลผลิต ที่สามารถหยิบจับมาพัฒนาเป็นอะไรก็ได้ แต่ไม่ว่าจะทำหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวไหน สิ่งที่คุณทิดให้ความสำคัญมากที่สุดเลยก็คือ “คุณภาพของสินค้า” เพราะคุณทิดเคยมีประสบการณ์ตรงจากการแนะนำสินค้าให้กับคนใกล้ตัว แต่พอเขาไปซื้อมากลับได้สินค้าที่มีคุณภาพต่างไปจากรอบที่คุณทิดเคยซื้อ คุณทิดเลยคิดว่าคุณภาพมีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าอีกครั้ง รวมไปถึงการบอกต่อ เพื่อให้เกิดตลาดใหม่ๆ ได้อีกด้วย ตอนนี้คุณทิดและสมาชิกกำลังพัฒนา “แกงหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูป” สินค้าตัวแรกของกลุ่มออกมา โดยผู้ซื้อสามารถเทน้ำใส่ลงไป แล้วถ้วยจะร้อนเอง พร้อมทานได้ภายในไม่กี่นาที คุณทิดได้ไอเดียนี้มาจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบ Hot Cup เลยนำมาจับคู่กับหน่อไม้ ซึ่งเป็นผลผลิตที่ปลูกง่าย แถมสมาชิกหลายๆ คนยังปลูกไว้อยู่แล้วด้วย ตอนนี้แกงหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในช่วงทดลอง และปรับสูตรให้มีความคงที่ เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุด หากทำออกมาให้ดี ก็มีโอกาสที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศได้ ซึ่งตรงจุดนี้ก็ได้อุตสาหกรรมภาค 5 เข้ามาช่วยซัพพอร์ตด้วย ผลิตภัณฑ์อย่างแกงหน่อไม้กึ่งสำเร็จรูปจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่ได้มารวมกลุ่มจนเป็นคลัสเตอร์เหมือนทุกวันนี้ นอกจากสมาชิกในกลุ่มจะได้พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ของผลผลิตในด้านต่างๆ แล้ว ธุรกิจของสมาชิกบางคนก็ยังได้ไอเดียสำหรับนำไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ของตัวเองอีกด้วย เช่น สมาชิกที่ปลูกเห็ด ก็ได้ไอเดียทำข้าวเกรียบจากสมาชิกที่ปลูกมันเทศญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งสมาชิกที่ทำสมุนไพรอบแห้ง ก็ได้ไอเดียในการทำชาสมุนไพรบัวสวยงาม จากสมาชิกที่ทำบัวสวยงามขาย ด้วยความที่กลุ่มของคุณทิด เพิ่งจะดำเนินงานมาได้เพียง 1 ปี คุณทิดเลยตั้งใจอยากที่จะพัฒนาแผนการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งหนึ่งในแผนที่คุณทิตวางไว้เลยก็คือ อยากให้มีหน้าร้านสำหรับกลุ่ม เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าของสมาชิก รวมถึงสินค้าในนามกลุ่มเพิ่มเติม นอกจากจะทำให้ผู้ซื้อรู้จักกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว ยังได้รู้จักกลุ่มของคุณทิดไปในตัวด้วย การมารวมกลุ่มเพื่อช่วยกันพัฒนาทั้งศักยภาพของสมาชิก และผลิตภัณฑ์เองเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คุณทิดย้ำกับสมาชิกอยู่เสมอเลยก็คือ ต้องไม่ลืมที่จะใส่ใจเรื่องคุณภาพของสินค้า เพราะไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการจะขายสินค้าได้เท่านั้น แต่ผู้บริโภคก็จะได้รับสินค้าที่ดี มีคุณภาพไปด้วยนั่นเอง
03 มี.ค. 2565