โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทัพ “ดีพร้อม” ลงพื้นที่จริง เตรียมเปิดงานใหญ่ มหกรรม “ดีพร้อมเสน่ห์ไทย (Thai Vibe by DIPROM)” สู่การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทัพ “ดีพร้อม” ลงพื้นที่จริง เตรียมเปิดงานใหญ่ มหกรรม “ดีพร้อมเสน่ห์ไทย (Thai Vibe by DIPROM)” สู่การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย
จ.นนทบุรี 9 ตุลาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายสุรพล ปลื้มใจ และ นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเตรียมความพร้อมการจัดงานมหกรรม “ดีพร้อมเสน่ห์ไทย (Thai Vibe by DIPROM)” ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี “อธิบดีณัฏฐิญา” เดินตรวจเยี่ยมดูความพร้อมในแต่ละโซนพื้นที่ที่จะมีขึ้นภายในงานมหกรรม “ดีพร้อมเสน่ห์ไทย (Thai Vibe by DIPROM)” โดยการจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีในการสร้างความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ SMEs ชุมชนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไป ในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและแฟชั่นไทยสู่สากลผ่านการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ การสาธิต และกิจกรรมสร้างสรรค์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสเสน่ห์ของความเป็นไทยอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ดีพร้อม ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสกับบรรยากาศและมนต์เสน่ห์ของอัตลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัยได้ภายในงาน ระหว่างวันที่ 10 - 12 ตุลาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
14 ต.ค. 2568
“อธิบดีณัฏฐิญา” เดินสายโปรโมท “มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย : Thai Vibe by DIPROM” หวังสร้างการรับรู้ดึงผู้เข้าร่วมงานทะลุ 30,000 คน
“อธิบดีณัฏฐิญา” เดินสายโปรโมท “มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย : Thai Vibe by DIPROM” หวังสร้างการรับรู้ดึงผู้เข้าร่วมงานทะลุ 30,000 คน
กรุงเทพฯ 9 ตุลาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติสัมภาษณ์ ประเด็น “การจัดงานมหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย : Thai Vibe by DIPROM” ในรายการ “ข่าวเที่ยงช่องวัน” ทางสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลช่อง ONE 31 ถนนอโศก การจัดงานมหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย : Thai Vibe by DIPROM” ในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีโชว์ผลงานที่รวมพลังของผู้ประกอบการร้านอาหาร เชฟ อุตสาหกรรมอาหาร เกษตรแปรรูป แฟชั่น ไปจนถึงการท่องเที่ยวผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบที่เรียบง่าย ทันสมัย และสามารถเรียนรู้ได้ด้วยประสบการณ์จริง ผ่านการนำเสนออัตลักษณ์และเสน่ห์ของอาหารไทยและแฟชั่นที่มีความหลากหลายจากการพัฒนาของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 30,000 คน ทั้งนี้ ดีพร้อม ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสกับบรรยากาศและมนต์เสน่ห์ของอัตลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัยได้ภายในงาน ระหว่างวันที่ 10 - 12 ตุลาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
14 ต.ค. 2568
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทีม "ดีพร้อม" ร่วมพิธีบวงสรวง เตรียมพื้นที่พร้อมลุยงาน “มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย : Thai Vibe by DIPROM”
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทีม "ดีพร้อม" ร่วมพิธีบวงสรวง เตรียมพื้นที่พร้อมลุยงาน “มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย : Thai Vibe by DIPROM”
จ.นนทบุรี 9 ตุลาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีบวงสรวงสักการะบูชาพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และศาลตายาย รวมทั้งสำรวจความพร้อมของพื้นที่ก่อนการจัดงาน โดยมี นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ดีพร้อม เข้าร่วม ณ อิมแพค เมืองทองธานี กิจกรรมในวันนี้ เป็นการบวงสรวงสักการะบูชาพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และศาลตายาย เพื่อความเป็นสิริมงคล รวมทั้งสำรวจความพร้อมของพื้นที่ก่อนการจัดงาน “มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย : Thai Vibe by DIPROM รสและศิลป์ไทย ก้าวไกลสู่สากล“ ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นเสมือนเทศกาลไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยที่ผู้ประกอบการจะได้ทั้งข้อมูลเชิงลึก โอกาสทางการค้า และแรงบันดาลใจในการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกการขับเคลื่อนประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางอาหารและแฟชั่นระดับโลก โดยภายในงานแบ่งเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่ 1) โซน DIPROM Pavilion เป็นพื้นที่นำเสนอผลงานการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย ซึ่งมีรากฐานมาจากชุมชน ภายใต้แนวคิด "Empowering Local, Elevating Global" 2) โซนพื้นที่จัดแสดง Soft Power จาก 4 ภูมิภาค โดยจะเป็นการจำลองสถาปัตยกรรม เอกลักษณ์ และวัฒนธรรมของทั้งภาคเหนือ ภาคกลางและตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ พร้อมร้านอาหารดังและเมนูเด็ดที่เป็น "Hidden Gems" ของแต่ละภูมิภาคมาร่วมสะท้อนความเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นถิ่น 3) โซนเสน่ห์ไทย Café โดยนำเมนูสร้างสรรค์จากวัตถุดิบหลักอย่างกาแฟ ชา และโกโก้ พร้อมกิจกรรมสาธิตการชงชาและกาแฟ และ 4) โซนดีพร้อมแฟชั่น พื้นที่นำเสนอความหลากหลายของแฟชั่นไทย ที่มีเอกลักษณ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจที่สะท้อนความเป็นไทยร่วมสมัยอย่างลงตัว โดยงานจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี และจะจัดต่อเนื่องสามวัน ถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงาน เรียนรู้และสัมผัสบรรยากาศภายในงานได้ตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น.
09 ต.ค. 2568
“Hidden Gems” อีสานผงาด! ดีพร้อม ดัน "เชฟชุมชน" โชว์เมนูเด็ด ยกระดับอาหารถิ่นสู่สากล สร้างมูลค่า ศก. กว่า 100 ล้านบาท
“Hidden Gems” อีสานผงาด! ดีพร้อม ดัน "เชฟชุมชน" โชว์เมนูเด็ด ยกระดับอาหารถิ่นสู่สากล สร้างมูลค่า ศก. กว่า 100 ล้านบาท
จ.นครราชสีมา 6 ตุลาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแสดงความยินดีและผลสำเร็จ ในกิจกรรมการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่นอาหารไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ภายใต้โครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ร่วมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ ผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.พรศิริ จงกล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวต้อนรับ และ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่ผลความสำเร็จจากการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่นอาหารไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ภายใต้โครงการซอฟต์พาวเวอร์ในสาขาอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 25 ราย ให้เผยแพร่สู่สาธารณะชน อีกทั้งเป็นเวทีในการสร้างสรรค์ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ของตนเองให้มีคุณภาพ โดดเด่น แตกต่าง มีอัตลักษณ์ และมีเรื่องเล่า (Story Telling) ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นไปตามกลไกซอฟต์พาวเวอร์ของดีพร้อมตามหลักการ 3 แนวทาง คือ การสร้างสรรค์และต่อยอด การโน้มน้าวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับ และการเผยแพร่เรื่องราวสู่สาธารณะในวงกว้าง ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ (1) การยกระดับหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย (2) การพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่นอาหารไทย (3) การยกระดับศูนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน และ (4) การใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน อันจะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงาน ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ภายใต้นโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งพัฒนาและยกระดับศักยภาพร้านอาหารและเชฟในท้องถิ่น ให้สามารถนำเสนอรูปแบบของอาหารถิ่นไทยได้อย่างมืออาชีพ ด้วยมาตรฐานการบริการที่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคภายในประเทศและระดับสากล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างงาน สร้างรายได้ให้พื้นที่ได้อย่างยั่งยืน โดยในกิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมที่เป็นเชฟชุมชนจาก 20 จังหวัด ในพื้นที่ภาคอีสาน 25 กลุ่ม รวมกว่า 100 คน ผ่านการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ในการทำธุรกิจร้านอาหารแบบมืออาชีพ พร้อมทั้งได้รับการโปรโมตผ่านช่องทางออนไลน์ และร่วมนำเสนอเมนูเด็ดจากร้านอาหารลับ (Hidden Gems) ที่ผ่านการพัฒนาและยกระดับสู่มาตรฐานมืออาชีพ ตามเป้าหมายในการพลิกโฉม "อาหารถิ่น" สู่เมนูโลก โดยภายในงานมีการจัดแสดงเมนูอาหารจากร้านลับ (Hidden Gems) ที่ผ่านการพัฒนาและสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ โดยใช้ วัตถุดิบท้องถิ่นผสมผสานกับรสชาติและวัฒนธรรมอีสานได้อย่างลงตัว เพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมนูไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดงภายในงานและได้รับความสนใจอย่างมาก อาทิ กุ้งกรอบซอสหมี่โคราช ข้าวผัดมันเนื้อ สเต็กเนื้อวากิว และแกงกล้วยใส่ไก่
09 ต.ค. 2568
“ดีพร้อม” เข้าร่วมประชุมรับมอบนโยบาย “ธนกร” ชู 4 โมเดล “ฝ่า-ฟัน-ดึง-ดัน” ด้าน “จ่าเอก ยศสิงห์” ย้ำ ลุยงานเต็ม 120 วัน “ปิดเร็ว-เปิดเร็ว-พึ่งพาได้” ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืน
“ดีพร้อม” เข้าร่วมประชุมรับมอบนโยบาย “ธนกร” ชู 4 โมเดล “ฝ่า-ฟัน-ดึง-ดัน” ด้าน “จ่าเอก ยศสิงห์” ย้ำ ลุยงานเต็ม 120 วัน “ปิดเร็ว-เปิดเร็ว-พึ่งพาได้” ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่อนาคตอย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ 3 ตุลาคม 2568 - ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมมอบนโยบายแก่ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมโดยพร้อมเพียงกัน ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคาร สปอ. ดร.ธนกร กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมคือกลไกหลักในการสร้างงาน สร้างรายได้ และเสริมขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จึงเล็งเห็นว่าเราต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้สอดรับกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมดิจิทัล และพลังงานสะอาด ท่ามกลางความท้าทายจากสงครามการค้า มาตรการภาษีตอบโต้ และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อสังคมและธุรกิจ โดยใช้นโยบาย “ฝ่า-ฟัน-ดึง-ดัน” เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย คือ ฝ่า : รับมือปัญหาเร่งด่วนจากสงครามการค้าและมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) โดยเร่งช่วยเหลือ SME ที่ได้รับผลกระทบ เสริมสภาพคล่องด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ปกป้องจากการทุ่มตลาด และยกระดับระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบดิจิทัล (ROO Digital + Traceability) เพื่อให้แข่งขันได้อย่างโปร่งใสและยั่งยืน ฟัน : จัดระเบียบอุตสาหกรรมอย่างเด็ดขาด ด้วยการปราบปรามโรงงานเถื่อน การลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน และการทิ้งกากอุตสาหกรรม พร้อมบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด ควบคู่กับการยกระดับมาตรการสิ่งแวดล้อม ดึง : เดินหน้าดึงเม็ดเงินลงทุนด้วย 2 แนวทางหลัก คือ ขับเคลื่อน BCG และพลังงานสะอาด ยกระดับภาคการผลิตไทยสู่มาตรฐานสากล ลดคาร์บอน ลดต้นทุนพลังงาน และเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ผ่านมาตรการสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ 2030 โครงการโซลาร์รูฟท็อป และตลาดคาร์บอนอุตสาหกรรม ควบคู่กับการ สร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ทันสมัยและโปร่งใส ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอน เอื้อต่อธุรกิจ ส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานและดิจิทัล และผลักดันกฎหมายสำคัญ เช่น พ.ร.บ. การจัดการกากอุตสาหกรรม และ พ.ร.บ. มอก. เพื่อสร้างระบบการผลิตที่รัดกุม ยั่งยืน และแข่งขันได้ในเวทีโลก ดัน : วางรากฐานสู่อุตสาหกรรมอนาคต สนับสนุน SMEs เข้าถึงเทคโนโลยีและพัฒนาทักษะแรงงาน ผลักดันอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดิจิทัล–AI–เซมิคอนดักเตอร์ และอาหารแห่งอนาคต–ชีวเศรษฐกิจ ควบคู่กับอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์อย่างการแพทย์ เทคโนโลยีสุขภาพ และปาล์มน้ำมัน “ทุกอย่างต้องเริ่มทำทันทีภายใน 4 เดือน เราจะไม่เพียงแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะสร้างอนาคตใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันในระดับโลก สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งหลายโครงการที่กระทรวงฯ ได้ดำเนินการไปแล้ว มีความสอดคล้องกับแนวทางการของรัฐบาลนี้ จึงสามารถเริ่มดำเนินการต่อได้ทันที ในส่วนของประเด็น "จีนเทา" โดยส่วนตัวขอเสนอให้ใช้คำว่า "นักธุรกิจ/นักลงทุนต่างชาติที่ไม่ดี" เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระดับประเทศ เพราะทุกประเทศมีคนดีแลคนไม่ดีปะปนกัน จึงอยากให้คำนึงถึงความเป็นพี่เมืองน้องที่มีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน และผมเชื่อมั่นว่า ด้วยวิสัยทัศน์และพลังร่วมมือของทุกฝ่าย จะทำให้อุตสาหกรรมไทยจะก้าวสู่อนาคต” ดร. ธนกร กล่าว ด้าน จ่าเอก ยศสิงห์ กล่าวว่า รัฐบาลมีกรอบเวลา (Quick Win) 120 วัน ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ได้ประกาศไว้ในการยุบสภาและจัดการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการทำงานของกระทรวงฯ เช่นกัน จึงขอความร่วมมือจากข้าราชการ ร่วมมือและเปิดใจการทำงานอย่างตรงไปตรงมา อะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำสามารถแจ้งได้ทันที เพื่อให้การทำงานเดินหน้าไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำ นโยบาย "เปิดเร็ว-ปิดเร็ว-พึ่งพาได้" โดยระบุว่า ยืนยันแนวคิด "ปิดทันที" หากโรงงาน/ธุรกิจทำผิดกฎหมาย แต่หากมีการแก้ไขถูกต้องแล้ว จะต้อง "เปิดให้เร็ว" เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรม ต้องการให้อุตสาหกรรมในยุคนี้สามารถก้าวหน้าไปได้อย่างสำคัญและยั่งยืน เน้นการปฏิบัติงาน ด้วยการลงพื้นที่ ขณะที่นโยบายภาพรวมใหญ่ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดำเนินการไปแล้วอย่างครอบคลุม จึงขอให้ทุกฝ่ายนำนโยบายเหล่านั้นไปเป็น แนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ”เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถไปต่อได้ ต้องเร่งผลักดันให้อุตสาหกรรมที่แก้ไขข้อผิดพลาดแล้วได้ไปต่อ และจะเน้นเรื่องการลงพื้นที่พบปะภาคอุตสาหกรรมเพื่อเข้าถึงปัญหาและจะได้แก้ไขโดยเร็ว” จ่าเอก ยศสิงห์ กล่าว
06 ต.ค. 2568
เริ่มแล้ว!! อุตสาหกรรมแฟร์ 2025 “ปลัดณัฐพล” บินตรงเมืองเขลางค์นคร นำทีม “ดีพร้อม” รวมพลังภาคเอกชน เปิดพื้นที่ DIPROM MICE CENTER เมืองรถม้า ยกทัพสินค้าคุณภาพราคาประหยัด “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็กอินลำปาง” เร่งบูมเศรษฐกิจปลายปีกว่า 200 ล้านบาท
เริ่มแล้ว!! อุตสาหกรรมแฟร์ 2025 “ปลัดณัฐพล” บินตรงเมืองเขลางค์นคร นำทีม “ดีพร้อม” รวมพลังภาคเอกชน เปิดพื้นที่ DIPROM MICE CENTER เมืองรถม้า ยกทัพสินค้าคุณภาพราคาประหยัด “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็กอินลำปาง” เร่งบูมเศรษฐกิจปลายปีกว่า 200 ล้านบาท
จ.ลำปาง 2 ตุลาคม 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ 2025 “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็คอินลำปาง” ร่วมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานผลิตภัณฑ์มาตรฐานอุตสาหกรรม นายสุรพล ปลื้มใจ และ นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ และ นายสิทธิรงค์ เร่งเงียบ รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย นายเตมีย์ พันธุวงค์ราช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤษณะ พินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายศิวะ ชัยสุทธิวงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง นายสุวัชร์ ศุภโชคภาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ว่าที่ ร.ต.วัชรพงษ์ ชื่อตรง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมความความร่วมมือภาครัฐและเอกชน บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชนในพื้นจังหวัดลำปาง ผู้แทนจากค่ายรถยนต์ ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชนเข้าร่วมเปิดงานดังกล่าว ณ ลานซุ้มโขง ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM MICE CENTER) อ.เกาะคา กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ผนึกกำลังกับ สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) จัดงานใหญ่ปลายปี “อุตสาหกรรมแฟร์ 2025” ภายใต้แนวคิด “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็กอินลำปาง” ระหว่างวันที่ 2 – 6 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM MICE CENTER) จ.ลำปาง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค รวมถึงเปิดพื้นที่ทดสอบตลาดและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ SME ไทย และวิสาหกิจชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นเวทีโชว์ผลงานที่รวมพลังของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพจากดีพร้อม ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน ยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีพื้นที่ในการกระจายสินค้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรงและเป็นการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสินค้าอุตสาหกรรมไทยที่มีคุณภาพและราคาเป็นธรรม อันจะเป็นการชาวยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในช่วงปลายปีกว่า 200 ล้านบาท และมีผู้เข้าชมงานกว่า 10,000 คน โดยภายในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้ามากมายให้ช้อปกันอย่างจุใจบนพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ได้แก่ (1) โซนมหกรรมสินค้าอุปโภค - บริโภคราคาประหยัดจากเครือสหพัฒน์ จำนวน 52 บูธ พบกับสินค้าคุณภาพราคาประหยัดที่จะยกขบวนมาลดราคา (2) โซน "รถที่ใช่ดีลที่ชอบ" สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ รถจักรยานยนต์คุณภาพดีและข้อเสนอพิเศษสุดในงานจากค่ายรถยนต์ต่าง ๆ อาทิ โตโยต้า ฮอนด้า อีซูซุ ยามาฮ่า (3) โซนมหกรรมจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการ SME ไทย ในจังหงัดลำปาง และวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 36 บูธ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ของใช้ของตกแต่งบ้าน งานคราฟต์ สินค้าสายมู อาหารพร้อมทาน เครื่องดื่มชงสด อาหารแปรรูป และเครื่องดื่มแปรรูป เป็นต้น และ (4) โซนกิจกรรม Innovative Thai Material เป็นการจัดแสดงผลงานวัสดุอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่เป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่อุสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการนำอาหารพื้นเมือง ของดี ของอร่อยของจังหวัดใกล้เคียง มารวบรวมไว้ให้ผู้ที่เข้าชมงานได้มีโอกาสมาลิ้มรส เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดกระแสซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยและอาหารถิ่นอีกด้วย ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันนนี้ไปจนถึง 6 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM MICE CENTER) จ.ลำปาง เวลา 10.00 - 20.00 น.
06 ต.ค. 2568
“รองอธิบดีดุสิต” ย้ำ “ดีพร้อม” มุ่งมั่นผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตในเอเชีย
“รองอธิบดีดุสิต” ย้ำ “ดีพร้อม” มุ่งมั่นผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตในเอเชีย
กรุงเทพฯ 30 กันยายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เป็นผู้บรรยายกิตติมศักดิ์ในกิจกรรมการสัมมนาหัวข้อ “ความท้าทายของอุตสาหกรรมไทย และอุตสาหกรรมยานยนต์กับโลกที่ไม่เหมือนเดิม” โดยมี ผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จำกัด สมาชิกชมรมความร่วมมือผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์มิตซูบิชิมอเตอร์ส ไทย (MCC) เข้าร่วมรับฟัง ณ โรงแรม Hyatt Regency Bangkok Suvarnabhumi Airport กิจกรรมการสัมมนาดังกล่าว เป็นการเปิดมุมมองและเพิ่มความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไทย โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ได้ดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ ผ่านนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ด้วยแนวทาง 4 ให้ 1 ปฏิรูป คือ ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือ ที่ทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน และปฏิรูปดีพร้อมสู่องค์กรที่ทันสมัย มุ่งเน้นสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จในระดับสากล ซึ่งจะเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก (อันดับ 5 ในภูมิภาคเอเชีย และอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมต้นน้ำที่เข้มแข็ง เช่น เหล็ก ปิโตรเคมีและพลาสติก อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ แม่พิมพ์และการฉีด เป็นต้น รวมถึงความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ทั้งแบบ OEM และ REM ที่มีต้นทุนค่าแรงต่ำแต่มีทักษะสูง ประกอบกับปัจจุบันพื้นที่ EEC มีบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอะไหล่ตั้งอยู่ กว่า 2,000 ราย ซึ่งจะผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และส่งขายไปยังหลากหลายประเทศทั่วโลก “รองอธิบดีดุสิต” กล่าวย้ำว่า อุตสาหกรรมยานยนต์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งภาครัฐให้การส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตของยานยนต์ทุกเทคโนโลยี และทุกค่ายอย่างเท่าเทียม ในส่วนของผลิตภัณฑ์ ที่เป็น Product Champion ของประเทศ ได้แก่ รถปิกอัพ 1 ตัน และอนุพันธ์ และรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Car) ภาครัฐยังคงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และออกมาตรการเพื่อรักษาไว้ซึ่งฐานการผลิตรถปิกอัพ รวมทั้ง ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV) และไมน์ไฮบริด (mild HEV) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านฐานการผลิต ECO Car ในปัจจุบัน จากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (xEV) รวมทั้ง ได้เชิญชวนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีศักยภาพ ปรับเปลี่ยนไปสู่การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สำหรับระบบรางอีกด้วย โดยมาตรการทั้งหมดนี้ ทำให้นักลงทุนในเครือข่ายของบริษัทมิตซูบิชิฯ เกิดความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และยังคงรักษาฐานการผลิตของบริษัทไว้ในประเทศไทยต่อไป
06 ต.ค. 2568
“อธิบดีณัฏฐิญา” เตรียมความพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเงินทุนฯ เร่งพิจารณาวางกรอบการประเมินผลการขับเคลื่อนเงินทุนหมุนเวียนฯ ปี 69 ให้ดีพร้อม
“อธิบดีณัฏฐิญา” เตรียมความพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเงินทุนฯ เร่งพิจารณาวางกรอบการประเมินผลการขับเคลื่อนเงินทุนหมุนเวียนฯ ปี 69 ให้ดีพร้อม
กรุงเทพฯ 26 กันยายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย ครั้งที่ 5/2568 พร้อมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting การประชุมดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาร่างตัวชี้วัดการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2569 โดยฝ่ายเลขานุการฯ ได้ดำเนินการจัดทำข้อมูลร่างตัวชี้วัดตามกรอบแนวทางที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ ซึ่งแบ่งตัวชี้วัดออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเงิน 2) ด้านการสนองประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3) ด้านการปฏิบัติการ 4) ด้านการบริหารจัดการทุนหมุนเวียน 5) ด้านการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหาร ผู้บริหารทุนหมุนเวียน พนักงาน และลูกจ้าง และ 6) ด้านการดำเนินงานตามนโยบายรัฐ/กระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบการปรับค่าเกณฑ์วัดตัวชี้วัดที่ 3.1 ร้อยละของการอนุมัติเงินกู้ โดยค่าตัวชี้วัดในภาพรวมยังคงเป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบร่างตัวชี้วัดการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2569 ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ และขอให้ดำเนินการตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการฯ ให้ครบถ้วน พร้อมทั้งขอให้เร่งจัดส่งร่างตัวชี้วัดข้างต้นให้กรมบัญชีกลาง และบริษัทที่ปรึกษา ภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 ต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีการรายงานผลการดำเนินงานต่าง ๆ ให้คณะกรรมการบริหารฯ ทราบ อาทิ รายงานผลการดำเนินงานของเงินทุนหมุนเวียนฯ ในปีบัญชี 2568 ผลการดำเนินการตามมาตรการบรรเทา ฟื้นฟู และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ผลการประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนฯ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติ 11 ศูนย์ภาคในช่วงตลอดปีบัญชี 2568 รายงานผลการดำเนินการเร่งรัดการจำหน่ายหนี้สูญของลูกหนี้ที่หมดระยะเวลาบังคับคดี และรายงานผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “เสริมพลังคน เชื่อมโยงงาน ขับเคลื่อนทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” โดยคณะกรรมการมีมติรับทราบ และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานข้อมูลลูกหนี้ที่ครบกำหนดระยะเวลาบังคับคดี 10 ปี กับกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
03 ต.ค. 2568
”รองอธิบดีสุรพล“ บินตรงลำปาง ลงพื้นที่ DIPROM MICE CENTER เตรียมจัดอุตสาหกรรมแฟร์ 2025 “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็กอินลำปาง” 2 - 6 ตุลาคมนี้
”รองอธิบดีสุรพล“ บินตรงลำปาง ลงพื้นที่ DIPROM MICE CENTER เตรียมจัดอุตสาหกรรมแฟร์ 2025 “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็กอินลำปาง” 2 - 6 ตุลาคมนี้
จ.ลำปาง 1 ตุลาคม 2568 - นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM MICE CENTER) จ.ลำปาง เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงานอุตสาหกรรมแฟร์ 2025 “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็กอินลำปาง” ร่วมด้วย นายวีระพล ผ่องสุภา เลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) นายวรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ นางเกษสุดา ดอนเมือง ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 2 นายศุภโชค ศุภกำเนิด ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล ว่าที่ ร.ต.วัชรพงษ์ ชื่อตรง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมความความร่วมมือภาครัฐและเอกชน บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM MICE CENTER) อ.เกาะคา รองอธิบดีสุรพล และคณะฯ ได้ตรวจเยี่ยมความพร้อมของการจัดงานและพิธีเปิดงานอุตสาหกรรมแฟร์ 2025 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 6 ตุลาคม 2568 โดยตรวจเยี่ยมโครงสร้างบูธของร้านค้า การตกแต่งโซนต่าง ๆ ภายในงาน การจัดเตรียมห้องสัมมนา/อบรม การจัดนิทรรศการ และป้ายประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ภายในงาน ขณะเดียวกัน ยังได้ตรวจความพร้อมในส่วนของเวทีกลางที่จะใช้สำหรับจัดพิธีเปิดงานดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกด้วย โดยรองอธิบดีสุรพลได้ให้ข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อให้การจัดงานอุตสาหกรรมแฟร์ในครั้งนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์และบรรลุตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ งานอุตสาหกรรมแฟร์ 2025 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ช้อปเพลิน เดินฟิน เช็กอินลำปาง“ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของภาครัฐ-เอกชนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค รวมถึงเปิดพื้นที่ทดสอบตลาดและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ SME ไทย และวิสาหกิจชุมชน อีกทั้ง ยังเป็นเวทีโชว์ผลงานที่รวมพลังของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพจากดีพร้อม ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมีพื้นที่ในการกระจายสินค้าถึงกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสินค้าอุตสาหกรรมไทยที่มีคุณภาพและราคาเป็นธรรมซึ่งช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนอีกด้วย
02 ต.ค. 2568
“ปลัดณัฐพล” มอบ “รองอธิบดีดุสิต” พร้อมคณะผู้แทนกระทรวงอุตฯ ร่วมงาน 2025 World New Energy Vehicle Congress (WNEVC) หวังยกระดับอุตฯ ยานยนต์พลังงานใหม่ไทยสู่เวทีสากล
“ปลัดณัฐพล” มอบ “รองอธิบดีดุสิต” พร้อมคณะผู้แทนกระทรวงอุตฯ ร่วมงาน 2025 World New Energy Vehicle Congress (WNEVC) หวังยกระดับอุตฯ ยานยนต์พลังงานใหม่ไทยสู่เวทีสากล
สาธารณรัฐประชาชนจีน 27 - 29 กันยายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (รสอ.) พร้อมด้วย นางสาวพธู ทองจุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายเกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ และนายธนพงศ์ เลิศพิริยะสกุลกิจ ผู้ชำนาญการ สถาบันยานยนต์ ได้รับมอบหมายจาก ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมงาน 2025 World New Energy Vehicle Congress (WNEVC) หรือการประชุมยานยนต์พลังงานใหม่ระดับโลก ประจำปี 2025 ณ เมืองไห่โข่ว มณฑลไห่หนาน งาน 2025 World New Energy Vehicle Congress (WNEVC) จัดโดย China Association for Science and Technology และ รัฐบาลมณฑลไหหลำ (ไห่หนาน) เพื่อเป็นการสร้างฉันทามติและกระชับความร่วมมือผ่านการสนทนาและแลกเปลี่ยนในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในระดับโลกผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในภูมิภาค อีกทั้ง ยังเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี นวัตกรรม และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งในปีนี้มีหัวข้อหลักคือ "การเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน" เพื่อรวบรวมผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำในอุตสาหกรรม และนักวิจัยจากทั่วโลก เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่การเคลื่อนที่สีเขียวและอัจฉริยะ โดยเจ้าภาพได้เชิญผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารจากกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าร่วมงานในฐานะ Guest Country of Honor และบรรยายพิเศษ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย โดยคณะผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าร่วมการประชุม ดังนี้ 1) การประชุม Closed Door Meeting ในเรื่อง Sustainable Development and Global Cooperation in the Automotive Industry ซึ่งเจ้าภาพการจัดงานได้เชิญผู้ผลิตรถยนต์ค่ายเยอรมัน ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ สถาบัน และมหาวิทยาลัย จำนวน 100 คน มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและอัปเดต เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในรถยนต์แห่งอนาคต (Sustainable Mobility) ได้แก่ ระบบ Autonomous ในระดับ L2 ขึ้นไป หรือการนำ AI, Big Data และ Cloud Computing มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ จะส่งผลกระทบต่อ Supply Chain และ Eco System ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัว (Intelligent Transformation) และต้องอาศัยความร่วมมือระหว่าง Stakeholders ในประเทศและระดับสากล การประชุมในครั้งนี้ รองอธิบดีดุสิต ได้ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยมีผู้ผลิตรถยนต์หลายค่าย (สัญชาติ) โดยท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรง แต่ทุกค่ายมีทิศทางพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไปในทางเดียวกัน คือ ลดการปล่อย CO2 เพิ่มประสิทธิภาพในด้านการประหยัดพลังงานและเพิ่มสมรรถนะด้านความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันจากหลายฝ่าย (Stakeholders) และอย่างน้อย 3 ด้านได้แก่ 1) Global Standard & Regulation Harmonization โดยเฉพาะ Data & AI Standard 2) Building Localization and Supply Chain โดยไทยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีศักยภาพและสามารถผลิตชิ้นส่วนได้เกือบทุกชิ้น ซึ่งการมี Supply Chain ที่มีศักยภาพจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้สินค้ามีคุณภาพ บริหารจัดการได้อย่างรวดเร็ว และสะดวก (Flexibility) และ 3) Workforce Development and Technology Transfer ซึ่งไทยมีความพร้อมในด้านแรงงานฝีมือ จำนวน 700,000 ราย ที่กระจายตัวอยู่ใน Supply Chain ของยานยนต์ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมใหญ่ (Plenary Session) เรื่อง Joint Efforts for Technology Innovation โดยเจ้าภาพได้เชิญผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าร่วม เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการค้าไทยและจีน โดย รองอธิบดีดุสิตได้นำเสนอเรื่อง Thailand’s Strategic Roadmap for New Energy Vehicle and Supply Chain Development ซึ่งเนื้อหาหลักจะกล่าวถึง ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่มีจุดแข็งในด้าน Supply Chain ทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุตสาหกรรมต้นน้ำที่สามารถสนับสนุนการขับเคลื่อนและปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์ค่ายจีนในช่วง 4-5 ปี และใช้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์เพื่อการส่งออกไปยังตลาดอาเซียน ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมทั้งการเติบโตของ BEV อย่างก้าวกระโดดในช่วงปี 2020-2024 ซึ่งร้อยละ 80 เป็นรถไฟฟ้าจากค่ายจีน ขณะเดียวกัน ยังได้กล่าวถึงทิศทางนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นให้การส่งเสริมการผลิตยานยนต์มลพิษต่ำ การสร้างห่วงโซ่อุปทานและโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ เพื่อรองรับการวิจัยพัฒนาและการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ในไทย ตามนโยบาย 30@30 ของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยน (Transform) ฐานการผลิตในปัจจุบันที่ยังเป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปสู่ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (xEV) ต่อไป และในโอกาสนี้ นายเกรียงศักดิ์ฯ ได้นำเสนอ Progression on Thailand’s Next Generation Automotive Industry and TAI Facility Services ในการประชุมกลุ่มย่อย เรื่อง New Energy Vehicle Urban Development Forum เพื่อเป็นข้อมูลให้เกิดโอกาสในการสร้างความร่วมมือร่วมกัน อีกทั้ง นายดุสิตฯ และคณะยังได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่ (Plenary Session) เรื่อง Hainan Free Trade Zone and Global Automotive Industry Opportunities และการประชุมกลุ่มย่อย (Thematic Forum) เรื่อง Global NEV Testing, Certification, and Compliance Forum รวมทั้ง ชมนิทรรศการแสดงรถยนต์ของจีนอีกด้วย
02 ต.ค. 2568