โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
สามล้อซิ่ง
สามล้อซิ่ง
จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตอนเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปี 1 ส่งผลให้ คุณวีระชาติ สีหาบง ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายท่อนล่างได้ แต่ด้วยแรงกายแรงใจที่ยังมีและต้องการทำให้ครอบครัวภูมิใจ ทำให้สังคมเห็นว่าผู้พิการก็สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองได้เหมือนกัน จึงตัดสินใจเปิดร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก ด้วยเงินทุนจากเบี้ยยังชีพผู้พิการเดือนละ 500 บาท โดยในช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยต้องนั่งวีลแชร์ปะยาง เปลี่ยนยาง และซ่อมรถ ประกอบกับลูกค้าทั่วไปยังไม่มีความมั่นใจในฝีมือของเรา จนกระทั่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำโดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 5 เข้ามาช่วยเหลือพร้อมโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งช่วยคิด ช่วยออกแบบ จัดหาอุปกรณ์ต้นแบบ เช่น ล้อ แบตเตอรี่ กระจังหน้า กระจกนิรภัย อะไหล่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด รวมถึงพาบริษัทต่างๆ มาให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทำธุรกิจ จนเราสามารถพัฒนาระบบถอยหลังและประตูท้ายรถที่ควบคุมการเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้าได้ในที่สุด ส่วนดีไซน์ของรถทีมีทั้งกระจกที่ปัดน้ำฝน ไฟส่องสว่าง สัญญาณไฟเลี้ยว ไฟถอย สัญญาณฉุกเฉิน ก็ได้รับการออกแบบมาอย่างดีไม่แพ้กัน “ปัจจุบันแบรนด์ของเราอยู่ในขั้นตอนรอการอนุมัติจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้รถที่ประกอบจากเราสามารถต่อทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย” หลังจากเข้าร่วมโครงการกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม แบรนด์สามล้อซึ่งมีชื่อเสียงและทิศทางการเติบโตที่ดีมากยิ่งขึ้น จากปีหนึ่งที่เคยมีลูกค้ามาสั่งประกอบรถจักรยานยนต์สามล้อ (ระบบปกติ) เฉลี่ยปีละ 2 คัน กลายเป็นรถจักรยานยนต์สามล้อ (ระบบไฟฟ้า) เฉลี่ยเดือนละ 1 คัน ซึ่งสูงกว่าเดิมถึง 6 เท่า คุณวีระชาติได้ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่าจะนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการฯ ไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจและผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ ตรงตามความต้องการและงบประมาณของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น เช่น การเลือกประกอบหรือดัดแปลงเป็นส่วนๆ ไป เพราะลูกค้าบางคนอาจต้องการเพียงระบบถอยหลังไฟฟ้า บางคนอยากได้แค่หลังคา ก็ให้ลูกค้าได้เลือกในจุดที่ต้องการตามความเหมาะสมกับการใช้งานจริงให้ได้มากที่สุด “ผมเชื่อว่า ถ้าเราทำธุรกิจด้วยใจรัก ยังไงมันก็สามารถต่อยอดไปได้ ส่วนผลตอบแทนจะดีหรือไม่ดี อันนี้อยู่ที่ความตั้งใจและความพยายาม แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นรวย แต่อย่างน้อยเราจะมีความสุขอย่างแน่นอน” คุุณวีีระชาติิ สีีหาบง แบรนด์์ สามล้้อซิ่่ง 90/1 หมู่่ 8 ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่่น 40310 โทรศัพท์ 09 4918 1096 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
22 มี.ค. 2565
ชาวบ้านสยาม
ชาวบ้านสยาม
พริกคั่วงาและน้ำพริกในบรรจุภัณฑ์ทันสมัย ใช้ชื่อแบรนด์เรียบง่ายว่า “ชาวบ้าน” วางขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูอย่างไอคอนสยาม ทั้งยังได้รับการคัดสรรเป็น OTOP 5 ดาว ได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าร่วมโครงการ สะท้อนความไม่ธรรมดาของ “ห้างหุ้นส่วนจำกัดชาวบ้านสยาม” ผู้ประกอบการจากจังหวัดนครสวรรค์ ที่เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี 2560 โดยคู่แม่ลูก “คุณมลิวรรณ์และคุณกิตติยา วิไลรัตน์” ผู้ก่อตั้งชาวบ้านสยาม ในระยะแรกชาวบ้านสยามเริ่มจากผลิตสินค้าเพียงตัวเดียว คือ นํ้าพริกเผาตำมือบรรจุขวดแก้ว ต่อมาได้พัฒนาน้ำพริกเผาผัดนํ้ามันมะพร้าวรสชาติต่างๆ ออกมาจำหน่าย จากนั้นขยายไปสู่ตลาดขนมขบเคี้ยวโดยทำหมูหยองทรงเครื่อง รวมถึงผลิตภัณฑ์ตัวเอกอย่าง “พริกคั่วงา” รสชาติไทยๆ ออกสู่ตลาด จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ คือ ไม่มีสีสังเคราะห์ ไม่ใส่ผงชูรสและสารกันบูด ทั้งยังคัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติสดใหม่ เพื่อให้ได้มาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยสูงสุด โดยจำหน่ายสินค้าในแบรนด์ตัวเองประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือรับจ้างผลิต (OEM) 2 ปีหลังก่อตั้ง ธุรกิจชาวบ้านสยามได้รับการคัดสรรเป็น OTOP 5 ดาว ซึ่งเป็นปีแรกที่เข้าร่วมโครงการ และยังได้รับการคัดเลือกให้เข้าไปขายในโซนสุขสยามของห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม ทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าชาวต่างชาติ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั้งจากลูกค้าชาวเอเชียและตะวันออกกลางที่เดินทางมาประเทศไทย นอกจากนี้ยังทำตลาดผ่านร้านของฝากและช่องทางออนไลน์ ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยและต่างชาติในเวลาต่อมา จนต้องเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ที่มาของการขยายโรงงานใหม่เ พื่อให้ได้มาตรฐานและปูทางสำหรับการส่งออกที่จะเริ่มในปี 2565 โดยทายาทรุ่น 2 คุณกิตติยา วิไลรัตน์ ได้เข้าร่วมกิจกรรม “ยกระดับมาตรฐานและเพิ่มผลิตภาพการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร” ภายใต้โครงการ 3.1-1 การส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจร ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผลลัพธ์ที่ได้คือโรงงานได้รับอนุญาตให้เป็นสถานที่ผลิตอาหาร (GMP กฎหมาย) ผลิตภัณฑ์ได้รับอนุญาตเลขทะเบียน อย. และมีมาตรฐานพร้อมขยายตลาดส่งออกได้ตามแผน “หลังจากร่วมกิจกรรมดังกล่าว การดำเนินการขอมาตรฐานต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้เรายังได้คำแนะนำจากที่ปรึกษา นการลดต้นทุน และความสูญเสียในกระบวนการผลิตลงด้วย โดยการนำของเสียจากกระบวนการผลิตมาแปรรูปเป็นสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึงประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์” เมื่อมีโรงงานผลิตที่พร้อม เป้าหมายในการทำตลาดต่างประเทศก็มีความชัดเจนขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างส่งสินค้าตัวอย่างไปยังประเทศโอมาน และคาดว่าจะสามารถเปิดตลาดได้ภายในปี 2565 ขณะที่ในประเทศก็มองที่จะเปิดเป็นหน้าร้านของตัวเองในอนาคต รวมถึงแผนการขยายตลาด OEM และโฟกัสช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น ตลอดจนพัฒนาสินค้าและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพื่อให้ชื่อของ “ชาวบ้าน” ได้เติบใหญ่ และครองใจคนทั่วโลก คุุณกิิตติิยา วิิไลรัตน์ ห้้างหุ้้นส่่วนจำำกััด ชาวบ้้านสยาม 222 หมู่่ที่่ 2 ซ.ยางโทน 11 ถ.สวรรค์์วิิถีี ต.สวรรค์์ตก อ.เมืือง จ.นครสวรรค์์ 60000 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
22 มี.ค. 2565
ทีไออี สมาร์ท โซลููชั่่น
ทีไออี สมาร์ท โซลููชั่่น
วิกฤตพลังงาน คือ ปัญหาสำคัญของโลก สำหรับอาคารขนาดใหญ่ที่มีการใช้พลังงานในปริมาณมาก หากสามารถร่วมกันประหยัดพลังงานลงได้ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนของตัวเองแล้วยังเป็นการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานให้กับโลกได้อีกด้วย หนึ่งในฮีโร่กู้พลังงาน คือ บริษัท ทีไออี สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด ซึ่งก่อตั้งในปี 2560 โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ที่ใช้ในอาคารและโรงงาน รวมถึงด้านการสื่อสารแบบไร้สายและไอโอทีขั้นสูง พวกเขาให้บริการติดตั้งระบบและแก้ปัญหาด้านการจัดการพลังงาน และความชื้นในอาคารขนาดใหญ่ของไทยไปแล้วกว่า 50 อาคาร และเพิ่มผลิตภาพกระบวนการผลิตไปในกว่า 25 โรงงาน อีกด้วย ผศ. ดร. เด่นชัย วรเดชจำเริญ CEO – TIE Smart Solutions อธิบายให้ฟังว่า ทีไออี สมาร์ท โซลูชั่น คือ ธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการพลังงานและการวินิจฉัยปัญหาในกลุ่มอาคารเขียว โรงงานและอาคารทั่วไป โดยสร้างและพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่มีความซับซ้อนให้บริการวิเคราะห์และตรวจสอบคุณภาพการใช้พลังงานอาคารอัตโนมัติ ด้วยการผสานเทคโนโลยี IoT และ AI แบบเรียลไทม์ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการผิดพลาดจากการออกแบบ การตรวจรับอาคาร และการดำเนินงานได้อย่างตรงจุด โดยเปิดตัวด้วยผลิตภัณฑ์ชื่อ AI Energy Platform ซึ่งสามารถการันตีการประหยัดพลังงานลงได้อย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์ ปี 2561 ทีไออีสมาร์ท โซลูชั่น ได้เข้าโครงการ Delta Angel Fund ปีที่ 3 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และร่วมกิจกรรมกับทางกรมฯ มาอย่างต่อเนื่อง จนปลายปี 2563 ได้เข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น การระดมทุนจาก บริษัท Ensol Co., Ltd ที่รปึกษาด้านการจัดการพลังงานชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจ Panya Group รอบ Pre-series A ที่มูลค่าบริษัท 100 ล้านบาท ในสัดส่วน 3% เพื่อร่วมต่อยอดขยายตลาด deep tech HVAC product (สินค้าทางด้านระบบปรับอากาศขั้นสูง) อาทิ ระบบปรับอากาศแบบ smart chillerและ smart variable refrigerant flow (VRF)รวมถึงร่วมเป็นผู้นำด้าน การพัฒนา building energy management system (BEMS) ขั้นสูงเพื่อการลงทุน energy optimization solution ในอนาคต ตอบโจทย์ Net zero energy องค์ความรู้ที่ได้จากโครงการยังนำไปต่อยอดโดยการเตรียมตัวระดมทุนต่อนักลงทุน (VC) ระดับแนวหน้าของไทย และเรียนรู้การขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อปรับโมเดลธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยสามารถขยายไปยังตลาดเวียดนามเพิ่มมูลค่าธุรกิจเป็น 2 เท่า หรืออยู่ที่ 200 ล้านบาทในปี 2564 และมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านบาท “การได้เข้าร่วมกิจกรรม Startup Connect และมีคอนแท็กต์กับทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทำให้เรามีคอนเน็กชันที่ดีช่วยต่อยอดธุรกิจต่อไปได้อีกมาก ซึ่ง ในอนาคตนอกจากประเทศไทย มองว่ายังมีโอกาสที่จะ ขยายธุรกิจออกไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เนื่องจากสภาพอากาศใกล้เคียงกับเราและยังมีอาคารอยู่ จำนวนมาก โดยปัจจุบันเรายังพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอาคารและการ บริหารจัดการต่างๆ ได้ดีขึ้น” เมื่อให้มองถึงศักยภาพของธุรกิจด้านพลังงาน ที่ทำอยู่ คุณวสกกล่าวว่า ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัญหาด้านสภาวะอากาศที่ทำให้คนตระหนัก ในเรื่องการใช้พลังงานมากขึ้น ซึ่งนั่นสะท้อนโอกาสในธุรกิจ ของพวกเขา ผศ. ดร. เด่นชัย วรเดชจำเริญ CEO – TIE Smart Solutions บริิษััท ทีีไออีี สมาร์์ท โซลููชั่่น จำำกััด 1706/26 ถนนพระราม 6 แขวงรองเมืือง เขตปทุุมวััน กทม. 10330 โทรศัพท์ 0 2102 3387, 09 4850 3366 https://www.tie-smart.co.th/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
21 มี.ค. 2565
พาราเทค โพลีเมอร์ โปรดักส์
พาราเทค โพลีเมอร์ โปรดักส์
จากประสบการณ์หลายปีที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทผลิตชิ้นส่วนช่วงล่างรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น จุดประกายให้ คุณคณิศร์ พรหมช่วย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาราเทค โพลีเมอร์ โปรดักส์ จำกัด เกิดความคิดอยากสร้างธุรกิจของตัวเองเพื่อประกาศศักยภาพแบรนด์ไทยในตลาด จึงก่อตั้งธุรกิจขึ้นเมื่อปี 2542 ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ช่วงล่าง ประเภทโครงสร้างกันสะเทือน (Rubber-Anti-Vibration) สำหรับรถบรรทุกปิกอัพ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ทั้งรับจ้างผลิต (OEM) และจำหน่ายภายใต้แบรนด์ตัวเอง ในชื่อ ซุปเปอร์แรด (SUPER RAD) กว่า 2 ทศวรรษในธุรกิจ พวกเขามุ่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้และได้มาตรฐานสากล โดยการพัฒนาสินค้า และกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี ที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมุ่งพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ จากการพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่งเรียนรู้และเปิดรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งยังเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ผลิตไทยในอุตสาหกรรมเดียวกัน คุณคณิศร์จึงได้นำบริษัทฯ เข้าร่วมกิจกรรมการยกระดับการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมกลุ่มหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสู่คลัสเตอร์ 4.0 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ นำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมมา ประยุกต์ใช้ในกิจการของตนเอง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน “ที่ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมกับทางกรมฯ เพราะผมมองเห็นปัญหาใหญ่ที่เกิดกับองค์กรทั้งในปัจจุบัน และอนาคต นั่นคือปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และต้นทุน ค่าแรงที่ยากจะควบคุม จึงเห็นความสำคัญของการเอา หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในกระบวนการ ผลิตของเรา โดยไม่ได้นำมาใช้เพื่อลดคนแต่เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพให้มากขึ้น เพราะเราเองก็อยากให้ธุรกิจ โตขึ้น ช่วยให้บริษัทลดต้นทุนได้กว่า 1.5 แสนบาท/ปี ซึ่งหลังจากร่วมกิจกรรมนี้ทำให้เราได้พันธมิตรทางธุรกิจ ได้โซลูชั่นและเครื่องมือมาแก้ปัญหาการทำงานของเรา ได้ตามโจทย์ที่ต้องการ โดยจากระบบที่ลงทุนไปคาดว่า จะคุ้มทุนได้ภายใน 1 ปี” สำหรับเป้าหมายในอนาคต คุณคณิศร์กล่าวว่า ให้ความสำคัญใน 3 เรื่อง คือ 1. การสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยทุ่มเทวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะเดียวกันก็นำสินค้าของเพื่อนร่วมอุตสาหกรรม มาขายเพื่อสร้างความหลากหลายด้วย 2. นำ ระบบ อัตโนมัติมาใช้ในการทำงานมากขึ้น เพื่อลดเวลา ลดคน เพิ่มประสิทธิภาพ 3. ปรับปรุงพัฒนาด้านการตลาด โดยสร้างช่องทางการขายที่หลากหลาย ทั้งผ่านพนักงานขาย ช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีวางขายใน Lazada แล้ว จากการเรียนรู้และลงมือทำด้วยตัวเอง เพื่อปูทางสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งในโลกยุคใหม่ โดยไม่ต้องทำคนเดียวแต่เติบโตร่วมกันทั้งอุตสาหกรรมสำหรับเป้าหมายในอนาคต คุุณคณิิศร์์ พรหมช่่วย บริิษััท พาราเทค โพลีีเมอร์์ โปรดัักส์์ จำำกััด 480 หมู่่ที่่ 1 ถ.สุุขุุมวิิทสายเก่่า ต.บางปูู อ.เมืือง จ.สมุุทรปราการ 10280 www.autopartthailand.com โทรศัพท์ 0 2005 5494 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
21 มี.ค. 2565
นวัตกรรมใหม่เส้นไข่ขาว “นิ่มนิ่ม”
นวัตกรรมใหม่เส้นไข่ขาว “นิ่มนิ่ม”
นวััตกรรมใหม่่เส้้นไข่่ขาว “นิ่มนิ่ม” จากผลงานวิจัยเส้นไข่ขาวสมัยเรียนปริญญาเอกด้านโภชนาการอาหารของ คุณอุมาพร บูรณสุขสมบัติ ได้รับการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เส้นไข่ขาว แบรนด์นิ่มนิ่ม นวัตกรรมอาหารจากบริษัท แข็งแรงทุกวัน จำกัด นี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแต่ยังถูกปากถูกใจคนรักสุขภาพอีกด้วย กว่าจะสำเร็จออกมาเป็นเส้นไข่ขาว ซึ่งเป็นนวัตกรรมครั้งแรกของโลกต้องผ่านการทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า ทดสอบผลิตภัณฑ์ทั้งในเชิงกายภาพและประสาทสัมผัสวิเคราะห์สารอาหารจนมั่นใจ กระทั่งได้ผลลัพธ์เป็นเส้นที่ทำจากไข่ขาวล้วนๆ ที่มีจุดเด่นตรงโปรตีนสูง โซเดียมต่ำไร้แป้ง ไร้ไขมัน ที่สำคัญรสชาติอร่อย ผู้ป่วยโดยเฉพาะโรคไต โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน สามารถรับประทานได้อย่างมีความสุข เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอสำหรับฟื้นฟูร่างกายของตนเอง ด้วยลักษณะของตัวเส้นที่มีความนิ่ม สามารถเข้ากันได้ดีกับอาหารปกติทั่วไป จึงตั้งชื่อแบรนด์ว่า “นิ่มนิ่ม” เพราะอยากให้เป็นแบรนด์ที่ติดปากจดจำได้ง่าย ปรากฏว่านอกจากกลุ่มผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วยที่สมัครเป็นลูกค้าแล้ว ยังมีกลุ่มคนที่รับประทานคลีน กินคีโตเจนิก สนใจในเส้นไข่ขาวนิ่มนิ่มเพราะมีคาร์โบไฮเดรตน้อยมากๆ คือคาร์โบไฮเดรตที่มีตามธรรมชาติของไข่ขาวเท่านั้น อีกลุ่มคือคุณแม่ที่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยของตน ที่ชอบรับประทานแต่เส้นจะได้รับโปรตีนด้วย เส้นไข่ขาวนิ่มนิ่มถือว่าแจ้งเกิดในช่วงโควิด-19 ระบาดพอดีและเป็นช่วงที่ผู้คนนิยมใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ คุณอุมาพร จึงเน้นทำการตลาดออนไลน์ โดยจำหน่ายสินค้าผ่านทางเฟซบุ๊ค รวมทั้งนำสินค้าไปฝากร้านตามช่องทางออนไลน์ที่มีในขณะนั้น เช่น มาร์เก็ตเพลสของมหาวิทยาลัย เมื่อสินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นจึงได้วางจำหน่ายที่ร้านใบเมี่ยง, ร้านคีโตเฮาส์, กูร์เมต์มาร์เก็ต และเร็วๆ นี้ที่่ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต, เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์และคิงเพาเวอร์ “ตอนที่เข้าอบรมกิจกรรมปั้นนักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม (Agro Beyond Academy) ซึ่งสอนผ่าน Live ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะได้เรียนกับคนที่เป็นโค้ชตัวจริง คนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจและผู้ที่มีความรู้ในด้านอื่นๆ เช่น การเงิน การบัญชี ซึ่งเรา สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการวางแผน ธุรกิจได้จริงๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม โดยไม่ต้องขึ้นกับดินฟ้าอากาศ หรือราคาที่แปรผันไป ตามฤดูกาลหรือสถานการณ์โลก ซึ่งในการอบรมครั้งนี้ เรายังได้รางวัล Best of the Best มาด้วย” ปัจจุบันผลิตภัณฑ์นิ่มนิ่มที่ต่อยอดจากงานวิจัยของคนไทย ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีถึง 3 ผลิตภัณฑ์ คือ เส้นไข่ขาวที่มีขนาดเท่าเส้นอุด้งหรือราเมน เส้นหมี่ไข่ขาว และสปาเกตตีไร้แป้ง ทุกผลิตภัณฑ์ไม่ใส่สารกันเสีย เก็บได้นาน 1 ปี ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP, ISO22000 และ BRC สามารถเพิ่มยอดขายเส้นไข่ขาวทั้ง 3 แบบได้ 50 เปอร์เซ็นต์ โดยจากเดิมขายได้เดือนละ 40,000 ถุง เพิ่มเป็น 60,000 ถุง คิดเป็น มูลค่า 1.6-2 ล้านบาทต่อเดือน และสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศด้วยความภาคภูมิใจ และเตรียมผลักดันสินค้าใหม่อย่างแกงไทยรสเด็ด 3 ชนิด ได้แก่ แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด และต้มยำ ที่ฉีกซองรับประทาน คู่กับเส้นได้อร่อย และไข่ขาวผงชงดื่มเอาใจผู้ป่วย และผู้ที่รักการดูแลสุขภาพ คุณอุมาพร บูรณสุขสมบััติิ บริิษััท แข็็งแรงทุกวััน จำกััด 36/34 ซ.สุคนธสวััสดิ์ 19 แขวงลาดพร้้าว เขตลาดพร้้าว กทม. โทรศัพท์ 08 7676 7863 https://www.nimnimnoodle.com/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
21 มี.ค. 2565
ไอ เอ เทค
ไอ เอ เทค
จากเศษไม้เหลือใช้ในโรงงาน สู่นวัตกรรมชั้นวางของ ถอดประกอบไร้นอตไอเทมสุดปังที่สายตกแต่งต้องมีติดบ้าน หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว โต๊ะทำงาน ชั้นวางของ และรถเข็นต่างๆ มักถูกผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้ ออกแบบมาอย่างไรลูกค้าก็เลือกตามสเปกและความต้องการใช้งานได้ตามนั้น คุณบรรจง อรชุนกะ แห่งบริษัท ไอ เอ เทค จำกัด จึงเห็นช่องว่างของโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้ตอบโจทย์การใช้งาน ผลิตภัณฑ์ต่อกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นด้วยการเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำและออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า ในลักษณะ Interior Design จนกลายเป็น One Stop Service สำหรับลูกค้าไปด้วยในตัว “เราต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับลูกค้าว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น โต๊ะทำงาน ชันวางของ รถเข็น หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ลูกค้าจะนำไปใช้งานอะไรเพื่อที่บริษัทของเราจะได้เลือกใช้วัตถุดิบ ออกแบบขนาดคำนวณการรองรับน้ำหนักเพื่อออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน” แม้ธุรกิจจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกับคู่แข่งอย่างเด่นชัดแต่เมื่อเวลาผ่านไปการแข่งขันทางธุรกิจกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนธุรกิจถูกบีบเข้าสู่ Red Ocean ประกอบกับในช่วง 2 ปีที่่ผ่านมาประเทศเผชิญหน้ากับภาวะโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเข้าพบลูกค้าได้ ซึ่งการเข้าร่วมโครงการศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SMEs (SMEs Support & Rescue Center : SSRC) ปีงบประมาณ 2564 ภายใต้กิจกรรมการวินิจฉัย/ปรึกษาแนะนำเบื้องต้น ณ สถานประกอบการ (3 MD) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้เข้ามาช่วยเหลือจนบริษัทพบทางออกของวิกฤตได้ในที่สุด โดยอาจารย์ที่ปรึกษาได้เข้ามาให้คำแนะนำด้วยการนำไม้ MDF ที่เป็นวัสดุเหลือใช้ไปต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์หลายๆ ชิ้นจนบริษัทได้ผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 10 SKU แต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นพระเอกและได้รับผลตอบรับดีที่สุด คือ นวัตกรรมชั้นวางของถอดประกอบไร้นอต เพราะประกอบง่าย น้ำหนักเบา ไม่ต้องใช้นอต ไม่ต้องใช้สกรู แถมยังมีความแข็งแรงและเคลื่อนย้ายสะดวกอีกด้วย ในส่วนของสินค้าใหม่สามารถสร้างยอดขายในช่วงปี 2564 ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทสามารถขยายเข้าไปในกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นในสถานการณ์โควิด ในอนาคต คุณบรรจง ได้วางแผนไว้ว่าจะนำความรู้ด้านการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ที่อาจารย์ที่ปรึกษาเคยสอนไว้ในตอนเปิดตลาดสินค้านวัตกรรมชั้นวางของถอดประกอบไร้นอต ไปประยุกต์ใช้กับสินค้าในอุตสาหกรรมเดิมอย่างโต๊ะทำงาน ชั้นวางของ รถเข็นระบบลำเลียง เพื่อเดินหน้าเข้าสู่ตลาดออนไลน์อย่างเป็นระบบ ซึ่งในยุคโควิดน่าจะตอบโจทย์และมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดีและเชื่อว่าหากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีโครงการดีๆ มาช่วยต่อยอดก็จะสามารถพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้เข้มแข็งและพร้อมแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น คุณบรรจง อรชุนกะ บริิษััท ไอ เอ เทค จำกััด 75/83 หมู่่ที่ 11 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหนึ่ง จัังหวััดปทุมธานีี 12120 โทรศัพท์ 09 9635 2253 http://www.i-at.co.th/main/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
21 มี.ค. 2565
ป้าแกลบ ฟรุ๊ต โปรดักส์
ป้าแกลบ ฟรุ๊ต โปรดักส์
ยกระดับผลไม้เมืองจันท์ ทำ เงินล้านในวิกฤตด้วยออนไลน์ จันทบุรีคือเมืองผลไม้ขึ้นชื่อที่อุดมไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะทุเรียนซึ่งชื่อเสียงดังไกลทั้งในและต่างประเทศ ว่าในช่วงวิกฤตผลไม้ล้นตลาด ราคาทุเรียนตกต่ำ จุดประกายให้คุณวรรณี บุญสวัสดิ์ หรือป้าแกลบ” ชาวบ้านอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เกิดแนวคิดนำทุเรียนมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจนเป็นที่มาของแบรนด์ป้าแกลบ ภายใต้ บริษัท ป้าแกลบ ฟรุ๊ต โปรดักส์ จำกัด นำส่งผลไม้แปรรูป เช่น ทุเรียนทอด ทอฟฟี่ทุเรียน ทุเรียนกวน ฯลฯ จำหน่ายอยู่ในร้านของฝากทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ สร้างรายได้หลักล้านบาทต่อเดือน หลังก่อตั้งธุรกิจในปี 2549 แบรนด์ป้าแกลบค่อยๆเติบโต จนกลายเป็นที่รู้จักของตลาดคนรักทุเรียน จากการค้นคว้า พัฒนา และปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในด้านคุณภาพ รสชาติ ความปลอดภัย ราคา กำลังการผลิต ตลอดจนการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ จนกระทั่งธุรกิจต้องประสบกับสถานการณ์โควิด -19 ทำให้ร้านของฝากซึ่งเป็นตลาดหลักต้องปิดตัวลงชั่วคราว คุณสุรดา บุญสวัสดิ์ ทายาทรุ่นสอง จึงพลิกวิกฤตให้เป็น โอกาสด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาการรวมกลุ่ม SMEs และเชื่อมโยงอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูปภาคตะวันออก ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายคลัสเตอร์เกษตรอุตสาหกรรมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทางออกกับเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมและนำองค์ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์มาปลดล็อกธุรกิจจากวิกฤต “หลังร้านของฝากต่างๆ ต้องปิดตัวลงเพราะ สถานการณ์โควิด เราก็มาคิดกันว่าทำยังไงให้ธุรกิจไปต่อได้เพื่อทีมงาน 10 ชีวิต ที่อยู่กับเราจะได้ไม่ต้องถูกเลิกจ้าง ไม่อยากให้เขาต้องเดือดร้อน ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่ได้โฟกัสเรื่องตลาดออนไลน์เลย จนได้มาอบรมกับทางโครงการฯ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมทำให้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น จึงเริ่มนำสินค้าไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Shopee และทำโปรโมชันส่งเสริมการขาย ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีมาก เราสามารถทำยอดขายในช่องทางออนไลน์ได้สูงถึง 1-2 ล้านบาทต่อเดือน จึงผ่านวิกฤตมาได้” ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและเห็นโอกาสจากตลาดออนไลน์มากขึ้น จึงได้วางกลยุทธ์ธุรกิจใหม่โดยจากเคยพึ่งพาหน้าร้านเป็นหลักก็จะขยายมาทางออนไลน์มากขึ้น เดิมเคยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในแบรนด์ตัวเองประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็น OEM และขายส่งสำหรับลูกค้าที่ต้องการนำไปบรรจุและติดแบรนด์เอง ในอนาคตก็จะขยายมาทำตลาดขายส่งมากขึ้นเพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจและยังส่งออกไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้นด้วยเพื่อให้แบรนด์ผลไม้เมืองจันท์ที่ชื่อ “ป้าแกลบ” ยังอยู่ในใจคนรัก ทุเรียนและเติบโตแข็งแกร่งในทุกวิกฤต คุณสุรดา บุญสวััสดิ์์ บริิษััท ป้าแกลบ ฟรุ๊ต โปรดัักส์์ จำกััด 4/3 หมู่ที่ 8 ตำบลเขาบายศรีี อำเภอท่่าใหม่่ จัังหวััดจัันทบุรีี 22120 โทรศัพท์ 08 6366 3097 https://www.paklaeb.com/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
21 มี.ค. 2565
น้ำพริกจัดเต็ม
น้ำพริกจัดเต็ม
จัดจ้าน ถึงเครื่อง ถึงรส โอกาสที่มาจากการแสวงหา ก่อนที่จะมาเป็น “น้ำพริกจัดเต็ม” คุณพัชนรี โตสินธุ์ เริ่มจากการทำร้านบะหมี่จัดเต็มมาก่อนแต่ระยะหลังยอดขายไม่สู้ดี ทั้งที่พยายามปรับตัวสู้ทุกทิศทางกระทั่งมาเห็นโอกาสจากสิ่งที่ต้องทำอยู่ทุกวัน นั่นคือการเจียวกากหมูเพื่อทำน้ำมันกระเทียมเจียวเลยนึกอยากลองทำน้ำพริกกากหมูกิน หลังจากอ่านเจอกระทู้ตามน้ำพริก กากหมูในพันทิป ด้วยความที่เป็นคนมือหนักทำอาหารแบบเน้นเครื่องมาแต่ไหนแต่ไร ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจจากที่ทำขายเฉพาะกลุ่มคนใกล้ชิด พัชนรีก็เริ่มเดินหน้าทำน้ำพริกกากหมูขายทั่วทิศแบบจริงจังด้วย เชื่อว่าเกือบทุกบ้านจะต้องมีน้ำพริกเป็นอาหารติดตู้เย็นไว้อย่างน้อย 1 กระปุก จึงคิดว่าน้ำพริกกากหมูน่าจะมีโอกาสเติบโต โดยสร้างความแตกต่างเน้นไปที่ความเป็นโฮมเมดแบบถึงเครื่องและถึงรส ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เด่นของน้ำพริกจัดเต็ม คือ น้ำพริกกากหมูที่มีจุดเด่นคือใส่กากหมูชิ้นใหญ่ กรอบ ไม่มีกลิ่นหืน ไม่อมน้ำมัน รสชาติจัดจ้านถึงใจและน้ำพริกปลากรอบ ที่ใช้ปลาซิวแก้วทอดกรอบตัวเล็ก นำมาตำ แค่เบาๆเพื่อตัวปลาคงรูปและไม่ป่นเป็นผงละเอียด ทั้งสองผลิตภัณฑ์ปรุงโดยแม่ครัวมือหนักที่มีประสบการณ์ในการทำอาหารแบบหนักเครื่อง ไม่หวงของ เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เหมือนทำให้คนในครอบครัวรับประทาน น้ำพริกจัดเต็มวางจำหน่ายตามร้านขายข้าวแกงและร้านขายสินค้าสุขภาพ 67 ร้าน รวมทั้งช่องทาง ออนไลน์ ทั้งเพจเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และไลน์ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ชอบอาหารรสจัด เน้นอิ่มสะดวก เพราะมีเวลาในการทำอาหารน้อยโดยนำน้ำพริกจัดเต็มไปรับประทานคู่กับอาหารเมนูต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติในแต่ละมื้อ “เราสนใจเข้าร่วมอบรมกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรม เพราะต้องการนำความรู้ไปต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สู้กับคู่แข่งในตลาดได้ในระหว่างที่อบรมก็ได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่าง เช่น การทำเวิร์กช็อปเพื่อนำข้อมูลไปสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์การทำธุรกิจกับเพื่อนๆในโครงการ ซึ่งเราได้นำสิ่งที่เรียนรู้ไปปรับใช้กับการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดช่องทาง ออนไลน์เพิ่ม คือ Shopee และ Lazada รวมทั้งการ พัฒนาบรรจุภัณฑ์” ซึ่งในช่วงของการเข้าร่วมโครงการทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ส่งทีมงานเข้ามาช่วยให้คำแนะนำด้านการตลาดออนไลน์ใน 4 หัวข้อ ได้แก่ วางกลยุทธ์สู่การขายสินค้า Online, ปั้น Content ให้ปังบนโลกออนไลน์เทคนิคการถ่ายภาพสินค้าใน Trend ปัจจุบัน และการ Present สินค้าอย่างไรให้โดนใจลูกค้า นอกจากนี้ยังช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าของแบรนด์ผ่าน Social Media ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จากการเข้าร่วมโครงการส่งผลให้ยอดขายน้ำพริกกากหมูและน้ำพริกปลากรอบจัดเต็มเพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 200 เปอร์เซ็นต์และการช่วยประชาสัมพันธ์แบรนด์ไปยัง Social Media ของกรมฯทำให้สินค้ามีการรับรู้ออกไปในวงกว้าง จนทำให้ผลิตภัณฑ์น้ำพริกจัดเต็มเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น เพราะความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นเรื่องของความมุ่งมั่นและตั้งใจ 4 ปีที่ผ่านมา คุณพัชนรี แสวงหาความรู้อยู่เสมอ เพื่อปรับตัวให้ทันคู่แข่งในตลาดและจากนี้ไปก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ให้เป็นจริง นั่นคือการพัฒนาสินค้าให้มีมาตรฐาน เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต คุณพััชนรีี โตสิินธุ์ น้ำพริิกจััดเต็็ม 49/557 หมู่่ที่ 2 ซอยแจ้้งวััฒนะ28 ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็็ด จัังหวััดนนทบุรีี 11120 โทรศัพท์ 06 1249 7415 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
18 มี.ค. 2565
ฌามาร์
ฌามาร์
จากฟาร์มแพะต่อยอดสู่ “ฌามาร์” ความงามที่เลือกได้ การเรียนรู้พัฒนาและต่อยอดจากสิ่่งที่มีอยู่ทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “ฌามาร์” (CHAMAR) เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น รวมไปถึง ณัชชานาน ฟาร์ม ซึ่่งเป็นฟาร์มแพะในเมืองตั้งอยู่ที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ก็มีผู้คนแวะเวียนไปเยี่ยมชมและซื้อผลิตภัณฑ์กันอยู่ไม่ขาดสาย จุดเริ่มต้นของแนวคิดการพัฒนาจนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์นั้น คุณพีระ และ คุณอรวรรณ แดงประดับ เจ้าของฟาร์มแพะณัชชานานและผู้ก่อตั้งแบรนด์ฌามาร์เล่าว่ามาจากประสบการณ์การเลี้ยงแพะตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก เมื่อลาออกจากราชการจึงเริ่มซื้อแพะนำมาเลี้ยงสะสมไว้และทำจริงจังมากขึ้นในปี 2553 จากนั้นอีก 3 ปี ก็เริ่มนำนมแพะออกขายเป็นนมพาสเจอไรซ์ ต่อมาได้เรียนรู้เพิ่มเติมในเรื่องการแปรรูปการพัฒนาผลิตภัณฑ์จึงเกิดแนวคิดการทำเป็นเครื่องสำอาง และผลิิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมไปถึึงจดทะเบียนจััดตั้งธุรกิิจและแบรนด์์ในปี 2558 ผลิิตภััณฑ์์เครื่่องสำอางจากนมแพะแบรนด์์ฌามาร์์ ผ่่านการรัับรองและได้้รัับเครื่่องหมาย อย. มีีจุดเด่่นตรงที่มีความเป็นธรรมชาติิสูง ซึ่งเป็นธรรมชาติิจากนมแพะที่ให้ความนุ่่มและกลิ่่นหอมของนม โดยสิินค้้ามีีหลากหลาย กว่่า 20 ชนิิด ส่่วนที่่ได้้รัับความนิิยมจากลูกค้้าคืือ โลชั่นบำรุงผิว สบู่่ และครีีมอาบน้ำ ปัจจุบันมีีวางจำหน่่ายทั้งที่หน้้าฟาร์์มการออกบู๊ธแสดงสิินค้้า วางขายตามร้้านขายของฝากในแหล่่งท่่องเที่่ยว เช่่น พััทยา รวมถึึงช่่องทางออนไลน์์ในแพลตฟอร์์มต่่างๆ คุณอรวรรณเล่่าว่่า ได้้รัับคำแนะนำ จากหน่่วยงาน ภาครัฐมาต่่อเนื่่องและเข้้าร่วมกิิจกรรมที่กรมส่่งเสริิมอุุตสาหกรรม (กสอ.) จััดขึ้น ทั้งเรื่่องการพััฒนาผลิิตภััณฑ์์ฌามาร์์ จากฟาร์มแพะต่อยอดสู่ “ฌามาร์” ความงามที่เลือกได้ ที่มีีการนำไปวิจัยต่อการวิจัยตลาด การออกแบบตราสิินค้้า รวมไปถึึงการขยายตลาดออนไลน์์ที่่ได้้เรีียนรู้้การทำโฆษณาออนไลน์์และนำคลิิปวิดีีโอโฆษณาไปลงเผยแพร่ในช่่องทางออนไลน์์ ทำให้้คนรู้จัักในวงกว้้าง ส่่วนตอนนี้เองเรื่องการเขีียนแผนธุรกิิจก็็ได้้รัับไอเดีียและทำให้้ได้้รู้จัักตััวเองมากขึ้น ซึ่งการเข้้าร่่วมโครงการกัับทางกรมส่่งเสริิมอุตสาหกรรมได้้มีีผู้้เชี่่ยวชาญเข้ามาให้้คำแนะนำการทดลองนำน้ำนมแพะเข้้าสู่กระบวนการฟรีีซดราย (Freeze Dry) แล้้วบดละเอีียดจนเป็นผง เพื่่อใช้้เป็นส่วนผสมในการผลิตแทนการใช้้สารสกััดวิิธีีการนี้ทำให้ผู้้ใช้้ผลิิตภััณฑ์์ได้้รัับประสิิทธิิภาพจากการบำรุงผิิวได้้เป็นที่น่าพอใจ อีีกทั้งผลที่่ได้้รัับจากการเข้้าร่วมโครงการ รัับคำแนะนำด้้านการเขีียนแผนธุรกิิจ ทำให้้ธุรกิิจมีีช่่องทางในการจััดจำหน่่ายผลิิตภััณฑ์์ผ่่านแพลตฟอร์์มต่่างๆ เพิ่่มขึ้นนอกเหนืือจากการจำหน่่ายเฉพาะหน้้าร้้านเพีีงอย่่างเดีียว “สิ่่งที่่ได้้เรีียนรู้้มาเป็นประโยชน์์อย่่างมาก ทำให้้เราสามารถเปลี่ยนแปลงพััฒนาตััวเองได้้เร็วขึ้น เพราะหาก ทำกันเองก็็น่่าจะใช้้เวลานานกว่่านี้ทั้งตราสิินค้้าดูดีีขึ้น แพ็็กเกจจิ้งสวยงามและเป็นที่รู้จัักมากขึ้น ส่วนในอนาคต จะยัังคงพััฒนาต่่อทั้งเรื่่องผลิิตภััณฑ์์เครื่่องสำอางด้้านการตลาดและมีีแนวคิิดอยากจะเพิ่มคุณค่าให้กับนมแพะ เช่่น ทำเป็นอาหารเสริม ซึ่งหากได้้รัับคำแนะนำเพิ่มเติิมน่่าจะต่อยอดได้้มากขึ้น” ซึ่งหลัังจากที่่ทางแบรนด์์ได้้เรีียนรู้้และพััฒนาผ่่านโครงการของกรมฯ ผลลััพธ์์ที่ได้้คืือการสร้้างมูลค่่าเพิ่ม ให้กับสิินค้้า สามารถต่อยอดธุรกิิจฟาร์์มแพะให้ครบวงจรมากขึ้น ส่่งผลต่่อยอดขายและรายได้้ของบริษัทที่่เพิ่่มขึ้นจากเดิิมแม้้จะอยู่่ในช่วงของสถานการณ์์โควิด คุณพีีระ และ คุณอรวรรณ แดงประดัับ แบรนด์์ฌามาร์ 255 หมู่ที่ 8 ตำบลปากท่่อ อำเภอปากท่่อ จัังหวััดราชบุรีี 70140 โทรศัพท์ 08 9250 5679, 09 3903 9192 http://www.chamar.biz/ ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
18 มี.ค. 2565
เจเอสซี โกลบอล
เจเอสซี โกลบอล
เจเอสซีี โกลบอล ปรับองค์กรอัจฉริยะ ลดต้นทุน สร้างธุรกิจยั่งยืน หากไม่ปรับตัวธุรกิจก็คงถูกดิสรัปต์ คือตัวเร่ง สําคัญที่ทําให้บริษัท เจเอสซี โกลบอล (ไทยแลนด์) จํากัด ซึ่งก่อตั้งและดําเนินการโดย คุณจิรพล ชูชาติ ประธาน บริษัท (CEO) และทายาทรุ่นที่ 2 คุณชาครินทร์ ชูชาติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (C00) ลุกมาปรับตัวเอง ในหลายมิติ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีและระบบ อัตโนมัติมาพัฒนากระบวนการผลิตให้อัจฉริยะ เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพลดคนลดเวลาลดต้นทุนและค่าเสียโอกาส จนสามารถคืนกลับเป็นเม็ดเงินสูงถึงหลักล้านบาทต่อปี ------------------------------- บริษัท เจเอสซี โกลบอล (ไทยแลนด์) จํากัด คือ ผู้ผลิตและจัดจําหน่ายน้ำมันหล่อลื่นภาคอุตสาหกรรม ที่ใช้กับเครื่องจักร หุ่นยนต์ และยานยนต์ทุกประเภท ภายใต้แบรนด์ Neolube (นีโอลูบ) อยู่ในธุรกิจมากว่า 15 ปี ได้รับการยอมรับจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนํา มากกว่า 800 แห่งทั่วประเทศไทย ด้วยตระหนักถึงการทํางานในโลกยุคใหม่ที่ยากและท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ และเล็งเห็นถึงความสําคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรในทุกมิติโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงได้เข้าร่วมกิจกรรมการจัดการกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยี ดิจิทัล (IoT & Embedded Technology) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จนนํามาสู่การติดตั้งท่อส่ง Base Oil ไปยังถังผสม พร้อมใช้ระบบ PLC มาควบคุมระบบปั้มอัตโนมัติมีการนําเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) เข้ามาเชื่อมต่อการทํางานในกระบวนการผลิต ควบคุมการทํางานทุกจุดได้อย่างแม่นยําด้วยระบบอัจฉริยะ ------------------------------ จึงช่วยลดขั้นตอนการทํางาน ลดการใช้คน ลดต้นทุน และเพิ่มความแม่นยําในการผลิตได้มากยิ่งขึ้น “เราเข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มาอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาไปทีละด้าน จนมาถึงขั้นตอนการนําเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์และลดต้นทุนในกระบวนการผลิต เพื่อลดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ (Human Error) ในขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งหลังจากร่วมกิจกรรมดังกล่าว บริษัทฯ นํามาต่อยอดพัฒนาจนได้โซลูชั่นที่ช่วยลดความผิดพลาดในการทํางาน ใช้เวลาสั้นลง ช่วยลดต้นทุนการผลิต ต้นทุนด้าน การบริหารจัดการวัตถุดิบ ตลอดจนค่าเสียโอกาสที่เกิดจากความผิดพลาด ซึ่งโดยรวมแล้วเราสามารถลดต้นทุน ลงไปได้ถึงประมาณ 1,300,000 บาทต่อปี และจากการลงทุนระบบทั้งหมดคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ที่ประมาณ 1.5 ปี" คุณชาครินทร์กล่าว ------------------------------- เป้าหมายต่อไป เพื่อรับมือกับความท้าทายในโลกยุคใหม่ เจเอสซี โกลบอล จึงเลือกกระจายความเสี่ยงด้วยการเริ่มพัฒนาสินค้าที่เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปมากขึ้น จากน้ำมันสําหรับลูกค้าอุตสาหกรรมก็มาทําน้ำมันสําหรับยืดอายุการใช้งานปืนและน้ำมันที่ใช้กับอุปกรณ์ตัดผม (Hair Cipper) เป็นต้น ซึ่งทั้งสองตลาดยังไม่ค่อยมีผู้เล่นในประเทศไทย เพื่อหารายได้จากช่องทางใหม่ ๆ มาเพิ่มศักยภาพให้กับองค์กร พร้อมปูทางเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai ใน 3 ปีข้างหน้าอีกด้วย คุุณชาคริินทร์์ ชููชาติิ บริิษััท เจเอสซีี โกลบอล (ไทยแลนด์์) จำำกััด 37/39 หมู่่ที่่ 1 ต.มาบไผ่่ อ.บ้้านบึึง จ.ชลบุุรีี 20170 โทรศัพท์ 08 0494 9452 ที่มา : รายงานประจำปี 2564 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
18 มี.ค. 2565