โทรศัพท์ 1358

"อธิบดีณัฐพล" รุดหารือ SMRJ เสริมแกร่ง SMEs สร้างโอกาสสู่ตลาดสากล ดันโต๊ะญี่ปุ่นเชื่อมโยงความร่วมมือ ช่วยสตาร์ทอัพ ยกระดับ DIPROM Incubation Center
ประเทศญี่ปุ่น 15 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมประชุมกับนายโทโยนากะ อัทสึชิ ผู้บริหารองค์การเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และนวัตกรรมภูมิภาคแห่งประเทศญี่ปุ่น (Organization for Small & Medium Enterprises and Regional Innovation, Japan : SMRJ) และคณะ ณ สำนักงาน SMRJ กรุงโตเกียว พร้อมทั้งร่วมหารือแนวทางส่งเสริมสตาร์ทอัพ ณ ศูนย์ส่งเสริมสตาร์ทอัพ โตได คาชิวะ เวนเจอร์ พลาซ่า การประชุมดังกล่าว ได้กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง ดีพร้อม และ SMRJ ที่ได้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างกัน โดยปัจจุบัน นายอิโนะอุเอะ เท็ตสึยะ คือผู้แทนจาก SMRJ ที่มาประจำการ ณ โต๊ะญี่ปุ่น ดีพร้อม (DIPROM Japan Desk) ซึ่งได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสการเข้าสู่ตลาดสากลให้แก่ SMEs ของไทยผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลบนแพลตฟอร์ม และฐานข้อมูลผู้ประกอบการ SME ไทยและญี่ปุ่น ต่อยอดสู่การจัดกิจกรรม Online Matching Café ซึ่งเป็นกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจออนไลน์ พร้อมทั้งผลักดันผู้ประกอบการไทยเข้าสู่เวทีการเชื่อมโยง CEO Business Meeting จากหลากหลายอุตสาหกรรม โดย ดีพร้อม และ SMRJ ได้เห็นพ้องกันถึงการเผยแพร่แนวทางการดำเนินงานส่งเสริมร่วมกันของทั้งสองหน่วยงาน รวมทั้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพื่อดึงดูดผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ เข้ารับการสนับสนุนต่อไป พร้อมทั้งหารือเรื่องการส่งบุคลากรดีพร้อมมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการ ณ SMRJ อีกครั้งเพื่อยกระดับการดำเนินงานส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในเครือข่ายของดีพร้อม ภายหลังจากที่กิจกรรมดังกล่าวต้องหยุดชะงักลงอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกทั้งยังได้มีการร่วมกันหารือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อต่อยอดสู่การดำเนินงานความร่วมมือต่อไปในอนาคตอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการส่งเสริมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมไทย นอกจากนี้ SMRJ ยังได้แนะนำแนวทางการส่งเสริมสตาร์ทอัพ และมาตรการการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในสถานประกอบการ หรือ Digital Transformation (DX) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานในด้านที่เกี่ยวข้องของดีพร้อมได้เช่นกัน และในเวลาต่อมา อธิบดีณัฐพล และคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ส่งเสริมสตาร์ทอัพ โตได คาชิวะ เวนเจอร์ พลาซ่า เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับมาตรการการส่งเสริมสตาร์ทอัพของ SMRJ โตได คาชิวะ เวนเจอร์ พลาซ่า ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์ส่งเสริมสตาร์ทอัพของ SMRJ จากทั้งหมด 29 แห่ง ตั้งอยู่ภายในเมืองคาชิวะ จังหวัดชิบะ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 เพื่อเป็นศูนย์ส่งเสริมสตาร์ทอัพอย่างครบวงจรผ่านความร่วมมือของ SMRJ รัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดชิบะ เทศบาลเมืองคาชิวะ รวมทั้งสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ในปัจจุบันมีสตาร์ทอัพที่เข้ารับการส่งเสริมอยู่ทั้งสิ้น 13 ราย ที่ล้วนแล้วแต่เป็นสตาร์ทอัพที่มีคุณภาพ โดยสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะได้รับการส่งเสริมอย่างครบวงจรทั้งในด้านสถานที่ เทคโนโลยี การสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพ การพัฒนาทักษะบุคลากร รวมทั้งการให้คำปรึกษาแนะนำในด้านการบริหารธุรกิจและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งการหารือร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการยกระดับการดำเนินงานของศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ DIPROM Incubation Center เพื่อให้สามารถพัฒนาสตาร์ทอัพที่มีความเข้มแข็งเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมไทยต่อไป #PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน
18 ก.ค. 2565
"อธิบดีณัฐพล" เยือน METI ร่วมกำหนดเป้าหมายสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกควบคู่ไปกับการส่งเสริมการลงทุนในไทย ภายใต้แนวคิด Co-Creation
ประเทศญี่ปุ่น 15 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม ร่วมด้วย นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมหารือกับนายมัตสึโอะ ทาเคฮิโกะ อธิบดีกรมนโยบายการค้า กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) และคณะ ณ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ในการหารือดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม โดยจะเร่งยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย - ญี่ปุ่นและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันระดับสากลให้แก่ SMEs ไทยและญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยให้มีความสอดคล้องกับกรอบนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งแนวทางการดำเนินงานสู่เป้าหมายที่ร่วมกันกำหนดจะเป็นการใช้ประโยชน์จากกรอบความร่วมมือ Framework Document on Co-Creation for Innovative and Sustainable Growth ที่กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวง METI ได้มีการแลกเปลี่ยนกันเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันสร้างและพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมผ่านการขับเคลื่อนโครงการของดีพร้อม ภายใต้ความร่วมมือ LASI/ LIPE (หลีเป๊ะ)/ และโครงการ Smart Monozukuri รวมทั้งพัฒนาระบบการรับรองบุคลากรทักษะสูงเหล่านี้สู่การเป็นที่ปรึกษาเพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นจะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมกันวางโครงสร้างของระบบการรับรองที่ปรึกษาต่อไป ทั้งนี้ คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมได้ใช้โอกาสนี้ในการขอความร่วมมือจากกระทรวง METI ในการสนับสนุนและเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นไปลงทุนที่ประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานการลงทุนและสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาค ที่จะช่วยก่อให้เกิดระบบห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็งในภูมิภาค ต่อยอดสู่การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากลต่อไปได้ต่อไปในอนาคต อีกทั้ง การนิคมอุตสาหกรรมได้มีการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Smart Park บริเวณพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เพื่อรองรับการขยายความเชื่อมโยงอุตสาหกรรมสู่ระดับภูมิภาค โดยการนิคมอุตสาหกรรมมุ่งหวังที่จะสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้มีการวางแผนเพื่อนำพลังงานสะอาดเข้ามาใช้เป็นการทดแทนด้วยเช่นกัน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมไทยได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวง METI ยังได้มีการหารือกันในประเด็นต่าง ๆ อาทิ นโยบายเกี่ยวกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ การผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้า การสร้างสังคมปราศจากคาร์บอน รวมทั้งการใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานไฮโดรเจน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะได้มีการร่วมกันหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร พร้อมกำหนดรายละเอียดและแนวทางการดำเนินงานความร่วมมือที่เกี่ยวข้องต่อไป #PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน
18 ก.ค. 2565
"อธิบดีณัฐพล" ชี้รูปแบบโครงการมินาโตะมิไร 21 การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน เปลี่ยนพื้นที่ท่าเรือเก่าให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองใหม่ ร่วมทีมการนิคมฯ ต่อยอดสู่โมเดลประเทศไทยในอนาคต
ประเทศญี่ปุ่น 14 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม ร่วมด้วย นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คณะกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมพบปะผู้บริหารเขตมินาโตะมิไร 21 พร้อมรับฟังการบรรยายรูปแบบการพัฒนาเมืองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ณ โยโกฮามะ แลนด์มาร์ก ทาวเวอร์ เมืองโยโกฮามะ สำหรับโครงการสร้างเมืองอัจฉริยะมินาโตะมิไร เป็น 1 ใน 6 โครงการ ของเมืองโยโกฮามะ ซึ่งนับว่าเป็นเมืองท่าและเมืองอุตสาหกรรมที่มีความรุ่งเรือง ซึ่งในปี 2503 เทศบาลเมืองนครโยโกฮามะ ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาเมืองผ่าน 6 โครงการ ได้แก่ การถมทะเลเพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม การสร้างเมืองอัจฉริยะ มินาโตะมิไร 21 การสร้างสะพานเชื่อมเมืองโยโกฮามะและจังหวัดโตเกียว การสร้างเขตที่อยู่อาศัยนิวทาวน์ การสร้างโครงข่ายการคมนาคม และการสร้างโครงข่ายระบบรางภายในเมือง โดยโครงการสร้างเมืองอัจฉริยะมินาโตะมิไร เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2526 ซึ่งได้มีการพัฒนาเมืองจากเมืองอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะที่มีท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม รวมถึงเขตที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร โดยมีการคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดจากการตั้งโรงงานอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันเขตมินาโตะมิไร 21 เป็นแหล่งรวมศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัทชั้นนำมากมาย อาทิ Sony Nissan Hitachi Shiseido LG รวมทั้งสิ้นกว่า 20 บริษัท นอกจากนี้ ภายในเขตมินาโตะมิไร 21 ยังมีสภาพแวดล้อมและโครงสร้างพื้นที่ฐานที่เหมาะสมสำหรับนักวิจัยและวิศวกร จึงทำให้บริษัทชั้นนำต่าง ๆ ให้ความไว้วางใจแล้วเลือกตั้งศูนย์วิจัยภายในพื้นที่ ตลอดจนได้รับการพัฒนามาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ซึ่งภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถใช้เขตมินาโตะมิไร 21 เป็นต้นแบบในการพัฒนาและสร้างเมืองอัจฉริยะต่อไป ##PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน
18 ก.ค. 2565
รมว.สุริยะ มอบหมาย อธิบดีณัฐพล นำคณะ อก. แท็คทีมญี่ปุ่น เซ็นแล้ว! ความร่วมมือยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย ต่อยอดพัฒนาและสนับสนุนเอสเอ็มอี ดึงดูดการลงทุนภาคอุตสาหกรรมของสองประเทศ
ประเทศญี่ปุ่น 14 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ นายยามานากะ ทาเคฮารุ นายกเทศมนตรีเมืองโยโกฮามะ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม ระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และ เมืองโยโกฮามะ โดยมี นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัคราชทูตประจำกรุงโตเกียว นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายชาญ ตุลยะเสถียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายโสภณ ตันประสิทธิกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือดังกล่าว ณ ศาลากลางโยโกฮามะ เมืองโยโกฮามะ การลงนาม MOU ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อการแลกเปลี่ยนบุคลากรในการดำเนินงานผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยและญี่ปุ่น และต่อยอดสู่การขยายความร่วมมือเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การจับคู่ธุรกิจ การจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงการเสริมสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็งให้กับหน่วยงานที่ดำเนินงานด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของทั้ง 2 ประเทศ สำหรับเมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น (City of Yokohama : COY, Japan) ถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญในจังหวัดคานากาวะ และมีการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมของบริษัทชั้นนำมากมาย จึงทำให้เมืองโยโกฮามะเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมที่สำคัญ รวมทั้งมีแนวทางการดำเนินงานด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการของเมืองอย่างเป็นระบบโดยหน่วยงานภาครัฐ ทำให้การเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการในเมืองโยโกฮามะที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ดีพร้อม ได้มีความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ การลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ในหนังสือแสดงเจตจํานง (Letter of Intent: LOI) และการลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperate: MOC) กับรัฐบาลท้องถิ่น จำนวน 21 แห่ง 22 ฉบับ รัฐบาลกลาง จำนวน 4 แห่ง 6 ฉบับ และหน่วยงานเอกชน จำนวน 4 แห่ง 4 ฉบับ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานด้านการพัฒนาขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทยผ่านการรับการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิต รวมทั้งเสริมสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงผู้ประกอบการของไทยและญี่ปุ่นให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันญี่ปุ่นมีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก อุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนมีรากฐานมาจากประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรก ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความพร้อมให้นักลงทุนจากญี่ปุ่นมั่นใจว่า ไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมในยุค Next Normal และพร้อมดึงดูดให้นักลงทุนจากญี่ปุ่นมาลงทุนขยายฐานการผลิตเพิ่มในไทยต่อไป ##PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน
18 ก.ค. 2565
“ดร.ณัฐพล” นำทัพผู้บริหารกระทรวงอุตฯ เยือนโตเกียว เดินหน้าสร้างความมั่นใจการลงทุนในไทย จับมือผู้ประกอบการญี่ปุ่นขับเคลื่อน New S-Curve และ BCG สู่เศรษฐกิจยุคใหม่
ประเทศญี่ปุ่น 14 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุม Round Table กับกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) และกลุ่มอุตสาหกรรมชีวภาพ และ BCG ของญี่ปุ่น ร่วมด้วย นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัคราชทูตประจำกรุงโตเกียว นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายชาญ ตุลยะเสถียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายโสภณ ตันประสิทธิกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมดังกล่าว ณ หอประชุม ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว การประชุมดังกล่าวจัดขึ้น เพื่อเชิญชวนนักลงทุนจากญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และประชาสัมพันธ์นโยบายการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมจากหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย อาทิ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ขณะเดียวกัน การประชุมดังกล่าว ยังมีผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมกว่า 50 บริษัท อาทิ TORAY DAIKIN DENSO โดยได้มีการหารือเกี่ยวกับพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน สิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนจะได้รับ ความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสนับสนุนให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ขึ้นในประเทศไทย รวมทั้งเห็นพ้องร่วมกันที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างนโยบายเศรษฐกิจ BCG และการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ของไทยกับญี่ปุ่นเพื่อก้าวไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ซึ่งมีความสอดคล้องกัน ทั้งนี้ นักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่เข้าร่วมการประชุมได้ให้ความสนใจในการขยายการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งมีแผนการขยายธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ในด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและญี่ปุ่นมีความแน่นแฟ้นและเข้มแข็ง และนำไปสู่การลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตร่วมกันของทั้งสองประเทศ ##PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน
18 ก.ค. 2565
รัฐมนตรีสุริยะฯ ลงนามแสดงความอาลัย นายอาเบะ ชินโซ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุน ถึงแก่อสัญกรรม
กรุงเทพฯ 12 กรกฏาคม 2565 - นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงนามแสดงความอาลัยแด่ นายอาเบะ ชินโซ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึงแก่อสัญกรรม ณ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ทั้งนี้ นายอาเบะ ชินโซ อายุ 67 ปี เป็นนักการเมืองชาวญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 2549 - 2550 และอีกครั้งในปี 2555 - 2563 ซึ่งถือเป็นนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น ###
18 ก.ค. 2565
ดร.ณัฐพล นำทีม Big Brothers ลุยวิจัยเต็มสูบพัฒนาน้ำผึ้งชันโรง ขยายผลสู่ 3 จังหวัดนำร่อง ยกระดับคุณภาพ เล็งปั้นแบรนด์ไทยเทียบมานูก้านิวซีแลนด์
กรุงเทพฯ 11 กรกฎาคม 2565 – ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือ “Big Brothers…นำชุมชนสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม...น้ำผึ้งชันโรง” ร่วมด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นายปรีดา วัชรเธียรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลิเอททีลีน จำกัด ในเอสซีจี เคมิคอลส์ ผู้บริหารจากสมาชิกเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพผู้เลี้ยงชันโรงบ้านทับมา คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) และ สื่อมวลชน ณ ห้องบอลรูม 3 ชั้น 2 โรงแรม เดอะ สุโกศล ราชเทวี ประกาศเจตนารมณ์ “Big Brothers…นำชุมชนสู่วิสาหกิจเพื่อสังคม...น้ำผึ้งชันโรง” ในครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน โดย ดีพร้อม ได้มีส่วนร่วมในด้านของการพัฒนาชุมชน สังคมไทยที่ยังมีความต้องการความช่วยเหลืออีกหลายเรื่อง หลายปัญหา และหลายพื้นที่ พร้อมเป็นเสาหลัก เป็นโซ่ข้อกลาง เชื่อมประสาน ทุกองค์กรสมาชิกมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนไทยให้แข็งแกร่ง บนฐานการพัฒนาที่มั่นคงและสมดุลย์ ซึ่งการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรฟาร์มผึ้ง โดยการพัฒนาการเพาะเลี้ยงชันโรงและผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งชันโรงอย่างครบห่วงโซ่คุณค่าผลิตภัณฑ์ ก่อเกิดผลผลิตที่สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี ผ่านพื้นที่ นำร่อง 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดระยอง สมุทรปราการ และลำปาง ซึ่งจะแบ่งบทบาทพี่เลี้ยงออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มสนับสนุนการวิจัย และ กลุ่มพี่เลี้ยงพัฒนาการเลี้ยงชันโรงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่ง ดีพร้อม ได้มุ่งเน้นงานวิจัยพร้อมหลักสูตรอบรมที่จะพัฒนาการเพาะเลี้ยง และสูตรอาหารเพื่อให้ชันโรงในภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดระยองและภาคกลางจังหวัดสมุทรปราการ ให้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์และให้ผลผลิตต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมเพิ่มทักษะ และพื้นที่ดูงานเพื่อให้วิสาหกิจชุมชนอื่นๆ หรือบุคคลที่สนใจในท้องถิ่นสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในด้านของกลุ่มพี่เลี้ยงพัฒนาการเลี้ยงชันโรงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะช่วยดูแลด้านการขยายจำนวนเครือข่ายผู้เลี้ยงชันโรง โดยพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงผ่านการฝึกอบรม เพิ่มผลผลิตและติดตามให้คำปรึกษา รวมถึงสนับสนุนการเพาะเลี้ยงชันโรงในพื้นที่จังหวัดนำร่องดังกล่าว เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของ “ชันโรงระยอง” “ชันโรงบางน้ำผึ้ง” และ “ชันโรงลำปาง” ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และพัฒนาในส่วนของขีดความสามารถในการเพิ่มผลผลิตน้ำผึ้งชันโรงให้มีปริมาณมากกว่า 5 ลิตรต่อวันต่อพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าในระยะเริ่มต้นได้ไม่น้อยกว่าปีละ 20 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายในระยะต่อไป คือ การยกระดับจากแบรนด์สินค้าประจำจังหวัด ไปสู่แบรนด์สินค้าระดับประเทศ ที่มีคุณภาพผลิตภัณฑ์และคุณภาพของสารอาหารเฉพาะ เทียบเท่าน้ำผึ้งมานูก้า (Manuka Honey) สินค้าขึ้นชื่อของประเทศนิวซีแลนด์ ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศในปีที่ผ่านมามูลค่ากว่า 1.24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “แนวคิดของพี่เลี้ยง ต่อการส่งเสริมการเลี้ยงชันโรง” ระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และ บริษัทไทยโพลิเอททีลีน จำกัด ในเอสซีจี เคมิคอลส์ ภายในงานดังกล่าวอีกด้วย ###PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
11 ก.ค. 2565
“ดีพร้อม” ติวเข้มบุคลากรดีพร้อมใหม่ เสริมแกร่งการทำงานรองรับการปฏิบัติงานราชการยุคใหม่
กรุงเทพฯ 11 กรกฎาคม 2565 - ดร. ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดอบรม “หลักสูตรปฐมนิเทศข้าราชการและพนักงานราชการใหม่ (Hybrid Online) และสื่อการเรียนรู้ (e-Learning) ประจำปีงบประมาณ 2565” พร้อมทั้งมอบนโยบายการทำงานให้แก่ข้าราชการและพนักงานราชการใหม่ จำนวน 25 ท่าน ร่วมด้วยคณะผู้บริหารดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นางสาวประเทือง พฤกษาพิทักษ์กุล เลขานุการกรม กล่าวรายงาน ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบแอปพลิเคชัน Zoom Meeting สำหรับการอบรมหลักสูตรปฐมนิเทศข้าราชการและพนักงานราชการใหม่ (Hybrid Online) และสื่อการเรียนรู้ (e-Learning) จัดขึ้นเพื่อให้ข้าราชการและพนักงานราชการที่บรรจุใหม่และอยู่ในช่วงทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ มีองค์ความรู้และความเข้าใจในวิสัยทัศน์ นโยบาย บทบาทหน้าที่ และภารกิจของดีพร้อม รวมถึงเข้าใจสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานและหน้าที่ความรับผิดชอบ ตลอดจนการปลูกฝังจิตสำนึกความเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ความมีระเบียบวินัย และความสามัคคีในการทำงานเป็นทีมให้กับข้าราชการและพนักงานราชการใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย 2 ภาคส่วน คือ 1. ภาคทฤษฎี เป็นการบรรยายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ พันธกิจของดีพร้อม รวมถึงการรักษาวินัยข้าราชการ การทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ การเลื่อนระดับ การประเมินผลการปฏิบัติราชการ สวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ ตลอดจนการเสริมสร้าง soft skill ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติราชการ และ 2. กิจกรรม Workshop “เตรียมพร้อมให้ DIPROM” เป็นกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ การสร้างการมีส่วนร่วมและการนำเสนอที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยพลังความคิดเชิงบวก และ EQ ดิจิทัลเพื่อการสื่อสาร และเทคนิคการสื่อสารเพื่อเสริมทักษะการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ ข้าราชการพลเรือนสามัญบรรจุใหม่ที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการยังจะได้รับการพัฒนาในการเรียนรู้ระเบียบแบบแผนของทางราชการและการเป็นข้าราชการที่ดี อันประกอบไปด้วย 3 กระบวนการ คือ 1. การปฐมนิเทศ จัดโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 2. การอบรมสัมมนาร่วมกัน จัดโดยกระทรวงอุตสาหกรรม และ 3. การเรียนรู้ด้วยตัวเองในระบบ E-learning ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) อีกด้วย ทั้งนี้ การอบรมหลักสูตรดังกล่าว จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม และระหว่างวันที่ 11 – 12 กรกฎาคม 2565 และคาดว่าข้าราชการและพนักงานราชการใหม่จะได้รับองค์ความรู้และความเข้าใจในหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติงานต่าง ๆ ของระบบราชการ รวมถึงมีทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงานโดยยึดหลักคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ อันจะก่อให้เกิดการทำงานที่เป็นไปตามเป้าหมายที่ดีพร้อมกำหนดไว้ในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ยิ่งขึ้น ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงานข่าว
11 ก.ค. 2565
ดีพร้อม ยกระดับนักธุรกิจ “ปลูกปั้น DIPROM Franchise” ครั้งที่ 2 ปลื้มหลักสูตรใช้ได้จริง ผลักดันกว่า 50 ธุรกิจต่อยอดสู่แฟรนไชส์เกษตรมาตรฐาน ภายใต้งาน Smart SME Expo 2022
จ.นนทบุรี 10 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวแสดงความยินดีและมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมกิจกรรม “ยกระดับนักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ปั้น 30 แฟรนไชส์” ปลูกปั้น DIPROM Franchise ครั้งที่ 2 ร่วมด้วย นางสาวณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) และผู้ประกอบการ โดยมี ดร.อริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ เวทีกลาง ภายในงาน Smart SME Expo 2022 ฮอลล์ 7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี กิจกรรมดังกล่าว เป็นการต่อยอดองค์ความรู้พัฒนาเปลี่ยนผ่านธุรกิจเกษตรไปสู่แฟรนไชส์เกษตรที่สามารถขยายได้อย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานผ่านการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติตั้งแต่การปรับพื้นฐานการทำธุรกิจแฟรนไซส์อย่างถูกต้อง สอนการเขียนแผนธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ การทำการตลาดออนไลน์และแบบออฟไลน์ การสร้างภาพจดจำ การออกแบบร้านค้า กลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขาย การบริหารร้าน การคำนวณต้นทุน การทำการตลาด การขยายสาขา การสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถพัฒนาและต่อยอดได้ และ "การเขียน Manual แฟรนไชส์” ที่เปรียบเสมือนคัมภีร์ธุรกิจนำทิศทางแฟรนไชส์ให้ก้าวขยายและเติบโตได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้สามารถผลักดันให้เกิดแฟรนไชส์เกษตรอุตสาหกรรมทั้งสิ้นรวมกว่า 50 ธุรกิจ ที่จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมกันนี้ อธิบดีณัฐพลฯ ยังได้มอบวุฒิบัตรเพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้แก่ผู้ผ่านการอบรมดังกล่าว นอกจากนี้ อธิบดีณัฐพลฯ ได้เยี่ยมชมผู้ประกอบการที่เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าภายในงาน Smart SME EXPO 2022 ดำเนินการโดย บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้แนวคิด “รวมสุดยอดธุรกิจแห่งปี” กับ 7 โซนธุรกิจ ได้แก่ 1.โซนธุรกิจน่าลงทุน 2.โซนสถาบันการเงินและหน่วยงานสนับสนุน 3.โซนธุรกิจความงามและสุขภาพ 4.โซนนวัตกรรมและเทคโนโลยี 5.โซนอาหารและเครื่องดื่ม 6.โซนสัมมนาและเวิร์กชอป และ 7.โซนเจรจาจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ บนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ซึ่งจัดงานระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคม 2565 ณ ฮอลล์ 7-8 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ทั้งนี้ ดีพร้อม ได้นำผู้ประกอบการร่วมออกบูธภายใต้ชื่อ "ปลูกปั้น DIPROM แฟรนไชส์" จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย 1. ผลิตภัณฑ์ชาชัก (บริษัท หาดใหญ่ ที-ซ่า กรุ๊ป จำกัด) 2. ผลิตภัณฑ์สเต็ก (The one steak) 3. ผลิตภัณฑ์ขนม (ขนมเบื้องป้าเหน่ง) 4. ผลิตภัณฑ์ แปรรูปส้มโอ (วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่แปรรูปผลผลิตเกษตรชัยนาท) และ 5. ผลิตภัณฑ์กล้วยปิ้ง กล้วยทอด มันทิพย์ (บริษัท สถานีลิงเกาะ จำกัด) ###PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
11 ก.ค. 2565
“อธิบดีณัฐพล” ปลื้มอัพสกิล ผปก. ผ่าน Creative Content ปี 2 ติวเข้มไอเดียสร้างสรรค์ ปั้นยอดขายโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 10
กรุงเทพฯ 6 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานมอบโล่รางวัล วุฒิบัตร และกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ชนะและผู้เข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาผู้นำเชิงสร้างสรรค์ด้านการผลิตรูปแบบรายการสร้างสรรค์อย่างดีพร้อม (DIPROM to Creative Content) พร้อมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้ประกอบการกว่า 40 คน เข้าร่วม โดยมี นางสาวนฤมล ศิริทรงธรรม นักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กล่าวรายงาน ณ โรงภาพยนตร์ House 4 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะสร้างสรรค์สำหรับผู้ประกอบการในการผลิตและพัฒนาคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายของสินค้าและผลิตภัณฑ์ในรูปแบบรายการ (Creative Content) ผ่านการเล่าเรื่องผลิตภัณฑ์อย่างสร้างสรรค์ (Storytelling)โดยให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศไทย (Content Creator) ถ่ายทอดประสบการณ์ในมิติใหม่ที่สามารถพัฒนาให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์และธุรกิจของตนเองในเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงผู้ประกอบการสามารถนำแนวคิดไปขยายผลและต่อยอดการผลิตรายการเชิงสร้างสรรค์สู่เชิงพาณิชย์ได้ต่อไป ในปีนี้ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ขับเคลื่อนกิจกรรมภายใต้นโยบายดีพร้อมแคร์ (DIPROM CARE) ซึ่งมุ่งปรับรูปแบบการส่งเสริมให้เกิดผลลัพธ์กับผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ผลงานเป็นรายบุคคล ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนกว่า 100 บริษัท และผ่านการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้นกว่า 40 บริษัท เพื่อบ่มเพาะทักษะ การฝึกฝนปฏิบัติและผลิตผลงานจริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการออกแบบเนื้อหา การผลิตสื่อทางการตลาด รวมทั้งกิจกรรมการประกวดผลงาน ซึ่งผลงานทั้งหมดของผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและได้เผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมและร่วมโหวตผลงานที่ประทับใจ ผ่านช่องทาง YouTube และ Facebook Fan Page : Woody ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายร่วมโหวตผลงานที่ชื่นชอบจำนวนกว่า 40,000 ราย ทั้งนี้ จากผลสำเร็จของกิจกรรมนี้ คาดว่าผู้ประกอบการจะนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมไปต่อยอดในการดำเนินธุรกิจและสามารถเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางตลาดออนไลน์ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 และในโอกาสนี้ อธิบดีณัฐพลได้ ให้เกียรติมอบโล่รางวัลและวุฒิบัตรแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 3 รางวัล ได้แก่ 1) นางสาวเกศกมล จันทร์โภคาไพบูลย์ จาก บริษัท ศิกมล เอลเดอร์ลี่ พลัส จำกัด ผลงาน อากงอาม่า ผิวดี มีความสุข 2) นายดาวิด สุระเสรี จากร้านหอมพร้าว ผลงาน HOM PRAO (หอมพร้าว) น้ำตาลดอกมะพร้าวแท้ 100% และ 3) นางสาวกมลชนก แสวงการ จากร้าน เคลิ้ม แลนด์ ผลงาน KLERMLAND เที่ยวเกาะกูดง่าย ๆ กับเคลิ้มแลนด์ ###PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
07 ก.ค. 2565