ด้วยความเชื่อมั่นว่ากระแสความตื่นตัวในเรื่อง สุขภาพของผู้บริโภคยุคใหม่จะเป็นไปอย่างยั่งยืน คุณพีรโชติ จรัญวงศ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารเมอริท จำกัด จึงมุ่งมั่นสร้างผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก จากไร่เมอริโต้ ไร่มะพร้าวเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่่ 2,200 ไร่ ในจังหวัดจันทบุุรี จนเป็นผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ออร์แกนิกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำกะทิ น้ำมะพร้าว น้ำมัน มะพร้าว เกล็ดมะพร้าว แป้งมะพร้าวและพริกแกง ภาย ใต้แบรนด์ MeritO ขายจุุดแข็งความเป็นเกษตรอินทรีย์แท้ ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ทั้งทางการเกษตร (Producing) การแปรรูปทางอุตสาหกรรม (Processing) โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากลความเป็นออร์แกนิก จากสถาบันเกษตรอินทรีย์นานาชาติ สหรัฐอเมริกาแคนาดา สหภาพยุุโรป อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีและบราซิล ซึ่งถือเป็นมาตรฐานขั้นสูงในวงการออร์แกนิกระดับโลก กะทิออร์แกนิกแบรนด์ MeritO นับเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่่มาพร้อมความอร่อย สะอาด ไม่ผสมแป้ง ไม่ใส่สารกันบูด รวมถึงสารสังเคราะห์อื่น ๆ อีกทั้งมีปีระโยชน์ ต่อสุขภาพ สามารถนำไปประกอบอาหารได้ทุกชนิด ซึ่งหลังจาก เปิดตัวได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคที่่รักสุขภาพเป็นอย่างดี ส่งผลให้ยอดขายกะทิออร์แกนิกเพิ่มขึ้น เมื่อทิศทางการตลาดไปได้ดีจึงต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในกิจกรรมการให้คำแนะนำพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผลไม้แปรรูปภาคตะวันออก ภายใต้โครงการพัฒนาผู้ประกอบการ และยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร พัฒนาผลิตภัณฑ์ กะทิข้นจืดออร์แกนิก ซึ่งความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์นี้้คือ เป็นกะทิเข้มข้น เนื้อเนียน ไม่เป็นก้อน สีสันสวยงาม ตามธรรมชาติ ชูจุดเด่นใช้เป็นส่วนผสมของชา กาแฟ หรือ เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ทดแทนการใช้ครีมเทียมเหมาะสำหรับ ผู้ที่่รับประทานมังสวิรัติหรือผู้ที่่แพ้สารอาหารบางรายการ บรรจุุในกระป๋องขนาด 270 มิลลิลิตร ตั้งเป้าวางจำหน่าย ใน พ.ศ. 2564 สำหรับแผนงานในอนาคตจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่่เพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมเครื่องปรุงอาหารทุกชนิด และขยายตลาดต่างประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังประสบความสำเร็จในการส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก คุณพีรโชติ จรัญวงศ์ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารเมอริท จำกัด : 39/16 ตำบลหนองข้างคอก อำเภอเมืองชลบุุรี จังหวัดชลบุุรี 20000 : 0 3879 9101 : https://www.facebook.com/MeritOrganic , https://meritorganic.com ที่มา : รายงานประจำปี 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

ดาวน์โหลดรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการรับสมัคร ดาวน์โหลดใบสมัคร

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนไม่น้อย ผลิตภัณฑ์ที่่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เข้ามามีบทบาท ชัดเจนมากขึ้นในการต่อสู้กับโรคนั้น บุุคลากรทางการแพทย์ ผู้เป็นด่านหน้ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่่ต้องมีอาวุธครบ พร้อมรับมือ เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา รวมทั้งป้องกัน ความเสี่่ยงไม่ให้ติดเชื้อจากการรักษาผู้ป่วย ด้วยเหตุุนี้ คุณอดิศร เกิดสุข จากห้างหุ้นส่วนจำกัด กระบี่่ลาเท็กซ์ ผู้ผลิตและจำ หน่ายผลิตภัณฑ์จากยางพารา จึงมีความยินดี อย่างยิ่งที่่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ จากยางพาราในโครงการการต่อยอดผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยางพาราสู่การป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) กับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คุณอดิศร บอกเล่าถึงภาพรวมธุรกิจของห้างหุ้นส่วน จำกัด กระบี่ลาเท็กซ์ ว่าดำเนินการมากว่า 3 ปีแล้วโดยแปรรูป ยางพาราจากวัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นผลิตภัณฑ์แบบต่าง ๆ เช่น หมอนหนุนหมอนพนักพิงหมอนรองคอ ที่่นอนภายใต้แบรนด์ KrabiLatex ที่่มีจุดเด่นคือทำจากยางพารา มีความยืดหยุ่นสูง นุ่มสบาย ช่วยกระจายแรงกดทับ ทำให้ลดอาการปวดเมื่อย เวลานอน ที่่สำคัญไม่มีสารเคมีเจือปน ปราศจากไรฝุ่น อันเป็นสาเหตุุของโรคภูมิแพ้ จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ห้างสรรพสินค้า และการออกบูธแสดงสินค้า นอกจากผลิตสินค้าและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตัวเองแล้ว ยังรับผลิตแปรรูป ยางพาราให้แก่อุตสาหกรรม ต่าง ๆ อาทิ ถุงมือยาง รองเท้ายาง ตุ๊กตาจากยางพารา ด้วยความสามารถของผู้ประกอบการในการปรับสูตร น้ำยางพาราให้เหมาะสมกับการใช้งานของผลิตภัณฑ์ทำให้ ธุรกิจในส่วนของการรับผลิตเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนได้้รับ โอกาสร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ ต้นแบบ ยางหุ้มรองเท้าป้องกัน COVID-19 มีจุดเด่นคือ ผลิตจากยางพาราไทยแท้ ช่วยป้องกันรองเท้าจากเชื้อโรค กันน้ำ กันฝุ่น คลุมรองเท้าได้อย่างมิดชิด สามารถล้าง ทำความสะอาดได้ อบฆ่าเชื้อได้เนื้อหนา น้ำหนักเบา มีความทนทาน ด้านล่างถุงรองเท้ามีดอกยางช่วยลดกันลื่น ด้วยความยืดหยุ่นของยางจึงใส่และถอดออกง่าย “กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเข้ามาช่วยแนะนำเรื่อง การผลิต เงินลงทุน และการสร้างแม่พิมพ์รองเท้า และ ยังได้ร่วมมือกับนักวิจัยในโครงการจากวิทยาลัยนานาชาติ ยางพาราไทย-จีน นำเทคโนโลยีน้ำยางพาราที่่ผ่านการวิจัยว่า สามารถป้องกันเชื้อโรคมาใช้ในการออกแบบให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพด้วย” ปัจจุุบันโครงการได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ยางหุ้มรองเท้าป้องกัน COVID-19 แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลหาดใหญ่่โรงพยาบาลนาหม่อม โรงพยาบาลจะนะ และโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ เพื่อให้้บุุคลากรทางการแพทย์ นำไปใช้ป้องกันเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ในการดููแลผู้ป่วยที่่ติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งเป็นช่วงการ ทดลองตลาดและสำรวจความพึงพอใจ ก่อนจะลุยตลาดและ วางจำหน่ายต่อไป คุณอดิศร เกิดสุข ห้างหุ้นส่วนจำกัด กระบี่่ลาเท็กซ์ : 11 หมู่่ที่่ 1 ตำบลไสไทย อำเภอเมืองกระบี่่ จังหวัดกระบี่่ 81000 : 09 6967 7859 : https://www.facebook.com/krabilatexfactory/ ที่มา : รายงานประจำปี 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

จากประสบการณ์การเป็นพ่อค้าขายส่งแมลงรายใหญ่ ในโซนภาคอีสาน พบว่าตลาดแมลงไทยมีโอกาสเติบโตและ ไปได้ไกล จึงทำการศึกษาธุรกิจตลาดนี้้อย่างจริงจัง นำมาสู่ การสร้างแบรนด์แมลงรวย โดยมีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้การสนับสนุนในการพัฒนาเครื่องมือและสินค้า ดันยอด การผลิต 50 - 60 ตันต่อเดือน สร้างยอดขายกว่าหลักสิบล้าน บาทต่อปี คุณสไกร อินทร์นาง หุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด แมลงรวย เล่าถึงไอเดียแรกของการเริ่มต้นธุรกิจว่าเกิดจาก การเป็นพ่อค้าขายส่งแมลงรายใหญ่ให้ตามร้านแมลงทอด ในภาคอีสานมาก่อน เลยมีความคิดจะสร้างแบรนด์แมลงทอด ขายเอง ด้วยเห็นความต้องการของผู้บริโภคว่าต้องการ รับประทานแมลงทอดที่่สะอาด ปลอดภัย เมื่อเริ่มต้นธุรกิจ กลับพบปัญหาในกระบวนการผลิตและต้องการต่อยอด สู่มาตรฐานการส่งออกจึงเข้าร่วมโครงการยกระดับศูนย์ปฏิรูป อุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่สากล (ITC) กับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประโยชน์ที่่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการได้ปรับ ธุรกิจแมลงทอดเป็นธุรกิจ SMEs ที่่ประสบความสำเร็จ อย่างเต็มตัว ด้วยการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดแมลงรวยปรับมาตรฐานการผลิตโดยมีเครื่องจักร เครื่องมือ ที่่เป็นมาตรฐาน เช่น เครื่องซีลสายพานต่อเนื่องแบบเติมลม ไนโตรเจน เครื่องอบแห้งแบบถาดหมุน และเครื่องบรรจุุซอง แบบม้วนฟิล์มฟอยล์ จนโรงงานผลิตได้มาตรฐานGMP(Good Manufacturing Practice) และผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรอง คุณภาพจาก อย. สร้างรายได้ต่อเดือนประมาณ 1,000,000 บาท หรือ 12,000,000 บาทต่อปี ด้วยการพัฒนาสินค้าอย่างดีที่่สุดจากกระบวนการ ผลิตที่่มีมาตรฐานทำ ให้แมลงรวย สามารถเก็บสินค้า ได้นานถึง 1 ปี มีความกรอบ รสชาติอร่อยไขมันต่ำ โปรตีนสูง มีให้เลือกรับประทาน 3 ชนิด คือ จิ้งหรีดทอดอบกรอบ สะดิ้งทอดอบกรอบ และดักแด้ทอดอบกรอบ โดยจิ้งหรีด สะดิ้ง และดักแด้ ที่่นำมาแปรรูปมาจากโรงเลี้ยงที่่มีการ รับรองมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) เท่านั้น ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าสะอาดและปลอดภัย ปัจจุบันได้ดำเนินการจัดตั้งโรงงานแมลงรวย เพื่อรองรับการส่งออกทั่วโลก แบ่งสัดส่วนการจำหน่ายเป็น ภายในประเทศ ร้อยละ 30 และต่างประเทศ ร้อยละ 70 และในปีนี้ยังมีความพร้อมเปิดให้บริการ แมลงรวย คาเฟ่ บนพื้นที่่ขนาด 3 ไร่ใจกลางเมืองอุดรธานีให้บริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ เค้ก ในรููปแบบอาหารไทย จีน ยุุโรป ที่่ใช้วัตถุุดิบ จากแมลง รังสรรค์โดยเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย คาดว่า จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการปักหมุดจากนักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ นอกจากนี้้ยังมีการต่อยอด ที่่น่าจับตามองคือ การผลิตสินค้าเวย์โปรตีนสกัดจากจิ้งหรีด มี 2 รสชาติคือรสช็อกโกแลตและวานิลลา ซึ่งอยู่ระหว่าง การพัฒนานับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แมลงไทยได้อย่างน่าสนใจ คุณสไกร อินทร์นาง ห้างหุ้นส่วนจำกัด แมลงรวย : 54 หมู่ที่่ 8 ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี 41000 : 09 1896 9599 : https://www.facebook.com/malangruay/ ที่มา : รายงานประจำปี 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

การอนุรักษ์ลวดลายและกรรมวิธีแบบดั้งเดิมเป็นสิ่ง ที่่ต้องรักษาไว้แต่การจะทำให้เบญจรงค์กลับเข้ามาอยู่ใน วิถีชีวิตของคนปัจจุุบันนับเป็นสิ่งที่ท้าทาย คุณบุุญญารัตน์ ลิ้มวัชราวงศ์แห่งบริษัท รอยัล เบญจรงค์ จำกัด ผู้โดดเด่นในวงการเบญจรงค์ไทยที่่มีแนวคิดนำ เบญจรงค์มาปรับรูปลักษณ์ ใหม่ด้วยดีไซน์ที่่ ดูทันสมัย ผ่านเทคนิคการเขียนลายไทยแบบ ไม่่เต็มพื้นที่่ของผลิตภัณฑ์ตามสไตล์มินิมอลที่่มีลวดลายน้อย สร้างความแตกต่างให้สินค้าจนได้รับความนิยมจากองค์กร ต่าง ๆ นำ ไปเป็นของที่่ระลึกอันทรงคุณค่าที่่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน โดยมีผลิตภัณฑ์ที่่ได้รับความนิยม เช่น ตุ๊กตาเซรามิกสัตว์ 12 ราศี 12 ปีนักษัตร ชุดแก้วมัค โถเบญจรงค์ ชุดกาน้ำชา แก้วกาแฟ เป็นต้น ล่าสุด “นาฬิกาช้างไทย” เป็นผลิตภัณฑ์ที่่ร่วมกัน ออกแบบกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมภายใต้โครงการ สร้างมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Thai-IDC) กิจกรรม พัฒนาศักยภาพด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ และศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิก จังหวัดลำปาง ด้วยแนวคิดที่สื่อถึงความเป็นไทย ในสไตล์โมเดิร์น โดยการ ประยุุกต์เขียนลายที่่ดููร่วมสมัยและลดทอนลวดลายให้มี ความเรียบง่าย สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่่ มีทั้้งแบบแขวนและกำลังพัฒนาแบบตั้งโต๊ะเพื่อสร้างทางเลือก ให้ลูกค้า ตั้งเป้าว่าจะสามารถจัดจำหน่ายได้ใน พ.ศ. 2564 จากหลักสูตรนี้้ยังได้นำความรู้มาต่อยอดพัฒนา บรรจุุภัณฑ์ให้มีคุณภาพสอดรับกับตัวผลิตภัณฑ์ที่่มีความร่วมสมัย ในรูปแบบกล่องจั่วปัง ที่่มีความแข็งแรง สวยงาม เสริมความพรีเมี่ยมแบบมินิมอลให้กับงานเบญจรงค์ของทางร้าน อนาคตคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งบรรจุุภัณฑ์เพิ่มเติมจาก กล่องผ้าไหมที่่ทางร้านใช้อยู่ในปัจจุุบัน สำหรับการจัดจำหน่ายของ บุญญารัตน์เบญจรงค์ มีทั้งรูปู แบบขายส่งและขายปลีก ลูกค้าหลักกว่าร้อยละ 70 คือ หน่วยงานราชการธนาคาร โรงแรม และองค์กรชั้นนำต่าง ๆ ส่วนการขายปลีก นอกจากออกบูธแสดงสินค้าแล้วยังมีการ จำหน่ายผ่านสื่อออนไลน์เฟสบุ๊กและการจำหน่ายหน้าร้าน ก้าวต่อไปของ บุญญารัตน์ เบญจรงค์ จะยังคง สร้างสรรค์ผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์คอลเลกชั่นใหม่ เพิ่มเติม โดยอาจจะมีรููปแบบ วัสดุุที่่ใช้และเทคนิคใหม่ มาปรับใช้บนพื้นฐานเบญจรงค์รูปลักษณ์ใหม่ที่่มีความร่วมสมัย เน้นการใช้้งานจริงในวิถีชีวิตปัจจุบัน ร่วมกับสร้างช่องทาง การตลาดใหม่ ๆ ที่่ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงงานเบญจรงค์ ได้มากขึ้น คุณบุญญารัตน์ ลิ้มวัชราวงศ์ บริษัท รอยัล เบญจรงค์ จำกัด : 136 ซอยวิภาวดีรังสิต 19 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 : 08 8160 8888 : https://www.facebook.com/BoonyaratBenjarong/ , https://www.benjarong.net/ ที่มา : รายงานประจำปี 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

จากแนวคิดรักโลกที่ต้องการช่วยแก้ไขปัญหา สิ่งแวดล้อมด้วยการลด เลิกใช้ถุงพลาสติก และนำวัสดุเหลือใช้ มาสร้างมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แทนถุงพลาสติก คุณณัฐวุฒิ ศรีอาจ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทุ่งเศรษฐีขอนแก่น จึงนำป้ายโฆษณาเก่าทำจากไวนิลมาแปรรูปเป็นกระเป๋าหลากหลาย รููปแบบ ด้วยฝีมือการตัดเย็บของกลุ่มคนในชุมชน ภายใต้ แบรนด์ RESTART ใช้แทนถุงพลาสติก ช่วยลดขยะลดโลกร้อน และช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ถึงแม้สินค้าที่่ผลิต ณ เวลานั้น จะได้รับการตอบรับ ที่่ดีด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร แต่เนื่องจากเป็นกลุ่ม ที่ตั้งใหม่่เมื่อ พ.ศ. 2562 จึงยังไม่ค่อยเป็นที่่รู้จัก และขาดเครือข่ายที่่จะให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่่สำคัญคือ ขาดไอเดียพัฒนาด้านการออกแบบให้มีความหลากหลาย ประธานกลุ่มจึงเดินหน้าขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายพัฒนานักออกแบบ ผลิตภัณฑ์และบรรจุุภัณฑ์ ภายใต้โครงการศูนย์ปฏิรูป ศูนย์อุตสาหกรรมระดับภูมิภาค (Industry Transformation Center : ITC) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพียงไม่กี่เดือนธุรกิจของกลุ่มก็เติบโตขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง จากการนำองค์ความรู้และคำแนะนำที่่ได้รับ มาปรับปรุงในส่วนของกระบวนการผลิตโดยเพิ่มทักษะการผลิต ให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐานแก่เครือข่ายผู้ผลิตของกลุ่ม มีการพัฒนาไอเดียจากการศึกษาหาความรู้ให้มีความคิด สร้างสรรค์ในการออกแบบที่่ทันสมัยมากขึ้น เช่น การนำวัสดุเหลือใช้ประเภทหนัง อย่างเข็มขัดนักเรียนเก่ามาทำหูกระเป๋า นำยางในรถจักรยานยนต์มาตกแต่งขอบกระเป๋าเพิ่มมูลค่า กระเป๋าให้มีความสวยงามแข็งแรงเป็นต้นหรือการนำป้ายไวนิลด้านสีขาวมาออกแบบ ติดโลโก้ ผลิตเป็นบรรจุุภัณฑ์ให้แก่องค์กร ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยเพราะสร้างความแตกต่าง ให้แก่บรรจุุภัณฑ์แบบอื่น ๆ ในท้องตลาดและจากการทำตลาด ทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ ยังทำให้กลุ่มเป็นที่่รู้จักมากกว่าเดิม สามารถจำหน่ายกระเป๋าไวนิลได้มากขึ้นเกิดการจ้างงานในชุมชนสร้างรายได้กว่า 1,000,000 บาทต่อปี “หลังจากจบการอบรมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทางกลุ่มมีงานมากขึ้นทั้งในรููปแบบการผลิตและจำหน่ายเอง กับรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งเขารู้จักเราเพราะกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมช่วยประชาสัมพันธ์จุดนี้้ทำให้เราเป็นที่่รู้จักและมีองค์กรต่าง ๆ อยากทำ CSR กับเรามากขึ้น ขอบคุณกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่่มีโครงการดี ๆ ช่วยผลักดันผู้ประกอบการให้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ” คุณณัฐวุฒิ ทิ้งท้ายด้วยการเผยถึงไอเดียธุรกิจ ในอนาคตว่า ต้องการทำ CSR กับองค์กรต่าง ๆ มากขึ้น โดยต่อยอดการผลิตถุงบรรจุุภัณฑ์จากป้ายประชาสัมพันธ์ ที่่นอกเหนือจากวัสดุไวนิล เช่น ป้ายผ้า ป้ายพียูให้กับแบรนด์ เสื้อผ้าชั้นนำด้วยการนำวัสดุุจากองค์กรเหล่านั้นมาแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ให้เขานำ กลับไปใช้ในองค์กรได้ คุณณัฐวุฒิ ศรีอาจ วิสาหกิจชุมชนทุ่งเศรษฐีขอนแก่น : 227/73-74 หมู่ที่่ 6 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000 : 08 4115 4107 : https://www.facebook.com/กระเป๋าป้ายไวนิล-วิสาหกิจชุมชนทุ่งเศรษฐีขอนแก่น-128144812321418/ ที่มา : รายงานประจำปี 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

........เส้นก๋วยเตี๋ยว...ทำจากเห็ด......... ไอเดียนี้้เกิดจากคุณฉัตรชัย ชัยวงศ์ และคุณสายฝน ดวงคำ คู่สามีภรรยาที่่ผันตัวเองจากวิศวกรเป็นเกษตรกรฟาร์มเห็ดสร้างธุรกิจเล็ก ๆ ที่่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์ ทั้งคู่มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจเพาะเห็ด ด้วยพื้นที่่ใช้สอยน้อยและกระแสสุขภาพกำลังมาแรงในช่วงนั้น ที่่สำคัญ ไม่มีคู่แข่งในพื้นที่่ จึงศึกษาหาความรู้เรื่องเห็ดจากสื่อออนไลน์ และลงมือทำลองผิดลองถููกด้วยตนเองอย่างจริงจัง จนสามารถผลิตและจำหน่ายเห็ดสดคุณภาพดีภายใต้ชื่อฟาร์มคุณลุงกะทิ ต่อมามีคู่แข่งทางการตลาดมากขึ้นจึงขยายผลแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเห็ดในฟาร์ม สร้างแบรนด์ ฮักธม หมายถึง สินค้าที่่สร้างขึ้นจากความรักที่ยิ่งใหญ่ตอกย้ำความใส่ใจในกระบวนการผลิตของผู้ประกอบการมีทั้งแหนมเห็ด ข้าวเกรียบเห็ด เห็ดอบแห้ง และที่่เป็นไฮไลท์คือ การคิดค้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเห็ด นำมาสู่ธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวเส้นเห็ดเจ้าแรก เจ้าเดียว ให้กลุ่มคนรักสุขภาพแวะเวียนมาที่่ฟาร์มที่่ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องเห็ดมากขึ้น คุณสายฝน เผยถึงที่่มาของการแปรรูปเส้นก๋วยเตี๋ยวจากเห็ดคือ ต้องการสร้างความแตกต่างและขยายกลุ่มลูกค้า ทำจากเห็ด 3 อย่าง ได้แก่ เห็ดนางรมทอง เห็ดนางนวลชมพูู และเห็ดนางฟ้าภูฐาน มีจุดเด่นคือทำเป็นเส้นสดหน้าร้าน ชามต่อชามเส้นเหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ขายในราคา ชามละ 40 บาท ได้รับการตอบรับที่ดีมากจนสามารถสร้างยอดขายได้นับแสนบาทต่อเดือน ต่อมาเมื่อประสบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าฟาร์มต้องหยุดกิจการชั่วคราว คุณสายฝน จึงต่อยอดเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเห็ด แบบอบแห้ง โดยเข้าร่วมเรียนรู้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในหลายเวที ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่่สามารถเก็บไว้ได้นาน 1 ปีแต่เมื่อนำออกวางขายกลับพบปัญหาเรื่อง การบรรจุสินค้าที่่มี 5 ก้อนต่อ 1 ห่อ และราคาค่อนข้างสูง ไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า จึงปรับเป็น 1 ก้อน ต่อ 1 ห่อ เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการใช้จริง ปรากฏว่าตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีมีการสั่งออเดอร์อย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นเห็ดอบแห้งสามารถพัฒนาต่อไปอีกได้จึงเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มศักยภาพการผลิตในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปประจำปีงบประมาณ 2563 โครงการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรระดับชุมชนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ก๋วยเตี๋ยวเส้นเห็ดกึ่งสำเร็จรูป พร้อมผงปรุงรส เพื่อให้รับประทานได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เพียงฉีกซองโดยนักวิจัยได้พัฒนาเป็นสูตรรสหมูตุ๋นและกำลังปรับสูตรผงปรุงรสให้ลงตัว คาดว่าหากสำเร็จจะเป็นเส้นเห็ดกึ่งสำเร็จรูปที่่ได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะมีความแปลกใหม่่ ตอบรับเทรนด์สุขภาพและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ที่่ต้องการความสะดวกรวดเร็วโดยตั้งเป้ายอดขายคิดเป็น มูลค่า 700,000 บาทต่อปี คุณสายฝน ดวงคำ ฟาร์มคุณลุงกะทิ : 15 หมู่ที่่ 4 ตำบลเมืองที อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ 32000 : 09 0676 6899 : https://www.facebook.com/ก๋วยเตี๋ยวเส้นเห็ดby-ฟาร์มคุณลุงกะทิ-112140083681035/ ที่มา : รายงานประจำปี 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

จากโจทย์การประกวดบนเวที Thai Designer Academy 2020 ภายใต้แนวคิด “Thainess Story for Ready to Wear” แบรนด์ Humming Three ได้นำวิธีการ ห่อขนมไทยที่่มีการกลัด การพับ การพัน มาประยุกต์กับการ ออกแบบเสื้อผ้า ผ่านแนวคิด “Wrap Thai” แสดงโชว์ผลงาน บนเวทีและคว้ารางวัลชนะเลิศ ด้วยการถ่ายทอดออกมาได้ อย่างน่าสนใจ แปลกใหม่่ มีเอกลักษณ์ สามารถผสมผสาน วิถีความเป็นไทยได้อย่างลงตัว และที่่สำคัญสามารถนำ ไป สวมใส่ได้ในชีวิตจริง คุณฉัตรียา ปาละกูล หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Humming Three กล่าวถึงจุดเริ่มต้นก่อนเข้ามาประกวดว่า หลังเรียนจบ ด้านการออกแบบได้ร่วมทุนกับเพื่อน คุณปวีณา นามประเสริฐ สร้างแบรนด์ Humming Three เพื่อจำ หน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น สไตล์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ด้วยความชอบส่วนตัวและเห็นโอกาส ทางธุรกิจของแฟชั่นสไตล์ ดังกล่าวว่ายังไม่มีตลาดของเสื้อผ้า แนวนี้้มากนัก จึงทดลองตลาดจำหน่ายผ่านช่องทางอินสตราแกรม ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่่ดีซึ่งเอกลักษณ์เสื้อผ้า แฟชั่นสไตล์ญี่ปุ่น จะเน้นโทนสีธรรมชาติใช้เนื้อผ้าที่่เรียบง่าย คือผ้าลินินและผ้าฝ้าย ทำให้สวมใส่สบาย เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย จึงตอบโจทย์กลุ่ม Niche Market ที่ชื่นชอบสไตล์ดังกล่าว เมื่อดำเนินการมาได้กว่า 7 ปี จึงสร้างความท้าทาย ให้กับแบรนด์ด้วยการเข้าประกวด Thai Designer Academy 2020 ภายใต้กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพนักออกแบบผลิตภัณฑ์ สู่่สากลในรููปแบบ Academy กับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพียงเพื่อต้องการนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ มาพัฒนาแบรนด์เสื้อผ้าของตน โดยไม่ได้คาดหวังถึงการได้รับรางวัลแต่อย่างใด หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศ ส่งผลให้แบรนด์ Humming Three เติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยการส่งเสริมของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในด้านการตลาดทำให้แบรนด์มีโอกาส เปิดตัวสู่สายตาชาวต่างชาติมากขึ้น นอกจากได้อัปเกรด แบรนด์แล้ว ทิศทางยอดขายก็เป็นไปในทางที่่ดีขึ้น “การเข้าร่วมกิจกรรมนี้้มีประโยชน์กับแบรนด์อย่างมาก เราได้ความรู้จากวิทยากรทั้งในเรื่องการดีไซน์ที่่ช่วยดึงอัตลักษณ์และจุดเด่นของแบรนด์ให้ออกมาชัดเจน ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ยังส่งเสริมการตลาดทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยช่วยวางทิศทางการขาย และการนำเสนอแบรนด์ให้ตรง กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น นอกจากนี้้ยังได้ร่วมเจรจาธุรกิจและมีพันธมิตรมาช่วยสนับสนุน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย ที่่สำคัญ หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศทางแบรนด์มีโอกาสเปิดตลาดมากขึ้นผ่านการแสดงสินค้าในงานต่าง ๆ เช่น การนำ คอลเล็คชั่นไปร่วมงาน Fashion World ณ กรุุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ทำให้สินค้าแพร่หลายในระดับนานาชาติเป็นโอกาสและประสบการณ์ที่่ดีมาก” ปัจจุุบันแบรนด์ Humming Three ยังคงพัฒนา ด้านการออกแบบที่่เน้นความเรียบง่ายแบบมินิมอลแต่ยังคงเอกลักษณ์ในสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานกับความเป็นไทยมากขึ้น มีกลุ่มลูกค้าชัดเจนขึ้น คือวัยทำงานอายุุ 25-45 ปีซึ่งมีกำลังซื้อทำให้จำหน่ายได้ง่ายขึ้น และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายจากอินสตราแกรม เฟสบุ๊ก เป็นเว็บไซต์ https://th.pinkoi.com/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ซื้อขายงานดีไซน์ชั้นนำของเอเชีย โดยมีตลาดต่างประเทศอย่างฮ่องกงและไต้หวันให้ความสนใจเป็นอย่างมาก คุณฉัตรียา ปาละกูล Humming Three : 11/1 หมู่ที่่ 2 ตำบลมหาสวัสดิ์์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุุรี 11130 : 09 1429 5929 : https://www.facebook.com/hummingthree/ , http://www.pinkoi.com/store/hummingthree ที่มา : รายงานประจำปี 2563 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

โครงการศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี (SME Support & Rescue Center : SSRC) บริการให้คำแนะนำปรึกษารวม 11 ด้าน -การตลาด/การจัดการ/บุคลากร/วิจัยและนวัตกรรม -การผลิต/ระบบมาตรฐาน/ไอที/ขนส่ง -การเงิน/บัญชี/กฎหมายและทรัพย์สินทางปัญญา โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสิทธิภาพมากกว่า 10 ปี ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ - เมษายน 2564 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ คุณณัฏฐ์ทิตา/คุณธมลวรรณ/คุณจุฬาลักษณ์ โทร. 02 215 3313 หรือ 06 3151 8582 E-mail : rismep.ebm2020@gmail.com ติดต่อศูนย์ SSRC โทร 1358

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) มีมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 โดยให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของดีพร้อม ปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work From Home) ระหว่างวันที่ 16-30 เมษายน 2564 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและเพื่อความสะดวกในการติดต่อราชการ ดีพร้อมจึงได้เพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านระบบออนไลน์ ดังนี้ Facebook : www.facebook.com/dipromindustry Line : https://lin.ee/Bj5AUaK โทร : 06 2595 8531