หมวดหมู่
ปีงบประมาณ 2550
คำรับรองการปฏิบัติราชการ ตัวชี้วัดและเป้าหมายตามแผนปฏิบัติราชการ SAR Card การดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ปี 2550 รอบ 6-12 เดือน
01 มิ.ย. 2555
ปีงบประมาณ 2549
คำรับรองการปฏิบัติราชการ ตัวชี้วัดและเป้าหมายตามแผนปฏิบัติราชการ SAR Card การดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ปี 2549 รอบ 6 เดือน SAR Card การดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ปี 2549 รอบ 9 เดือน SAR Card การดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ปี 2549 รอบ 12 เดือน
01 มิ.ย. 2555
ปีงบประมาณ 2548
คำรับรองการปฏิบัติราชการ ตัวชี้วัดและเป้าหมายตามแผนปฏิบัติราชการ SAR Card การดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ปี 2548 รอบ 6เดือน SAR Card การดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ปี 2548 รอบ 9 เดือน SAR Card การดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ปี 2548 รอบ 12 เดือน
30 พ.ค. 2555
เฟอร์นิช บาย วนิส แตกต่างเพื่ออยู่รอดใน AEC
“สิ่งที่เราเคยรับรู้ มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยมากคนจะรับรู้ว่าแพร่ น่าน มีไม้สักคุณภาพ แต่ปัจจุบันมีแต่ไม้สักอ่อนพม่า ที่คนมักมองว่าเปิดประเทศแล้ว ธุรกิจไม้สักเก่าน่าจะดีมาก แต่สำหรับคนในพื้นที่จะทราบว่าไม้สักที่ SMEs ฝั่งพม่าและฝั่งไทยซื้อขายกันเริ่มลดน้อยลงไปมาก อย่างไรก็ตาม ต้นไม้คุณภาพดีในพม่าที่ยังไม่ได้ตัดยังมีอยู่มาก หรือกระทั่งธุรกิจต่าง ๆ จะบูมก็จริง แต่นั่นก็จะเป็นโอกาสสาหรับธุรกิจรายใหญ่มากกว่า” คุณวณิศรา ภิญญาสาส์น เจ้าของกิจการเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนเก่า บริษัท เฟอร์นิช บาย วนิส จากัด ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก วิเคราะห์ เฟอร์นิช บาย วนิส เองต้องปรับตัวจากการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าจากพม่า หันมาซื้อเรือนไม้เก่าภายในประเทศเพื่อเป็นวัตถุดิบมาพักใหญ่ โดยเน้นผลิตเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นแบรนด์ “อินถวา” ที่จับกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่กลุ่มคนวัยทำงานและครอบครัวใหม่ จนถึงกลุ่มผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบไม้เก่า โดยมีการขยายด้านการตลาดออกบูธงานแสดงสินค้าต่าง ๆ และเปิดหน้าร้านที่สวนจตุจักร ตลอดจนมีผู้นำไปจำหน่ายที่จังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และตรัง ตลอดเวลาของการดำเนินธุรกิจ คุณวณิศราให้ความสำคัญกับการเข้าอบรมเวิร์กช็อปต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการบริหารจัดการภายใน ด้วยตระหนักว่า ไม่ว่าจะเป็นก่อนยุค AEC หรือเมื่อเข้าสู่ AEC แล้วสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ นอกจากวัตถุดิบไม้ที่ดีแล้ว ยังต้องใช้ “ความรู้” ทั้งด้านดีไซน์ แรงงานฝีมือ ความชำนาญเครื่องจักร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความแตกต่างให้ชิ้นงาน จึงจะเป็นโอกาสในการสร้างแบรนด์จากขนาดตลาดและผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดเสรี เพราะหากเป็นการผลิตตามอย่างกัน (Me tooproduct) ก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะจะหวนกลับไปแข่งกันที่ราคา คุณวณิศรา ภิญญาสาส์น เจ้าของกิจการ บริษัท เฟอร์นิช บาย วนิส จำกัด ๙๕๙ หมู่ที่ ๑ ต. ท่าสายลวด อ. แม่สอด จ. ตาก ๖๓๑๑๐ โทรศัพท์ : ๐๘ ๑๗๘๕ ๖๗๗๖ ที่มา : รายงานประจำปี 2555 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
31 ม.ค. 2555
สันทัศน์หัตถกรรม จำลองชีวิตวิถีไทย
จากจุดเริ่มต้นเมื่อ ๑๔ ปีที่แล้ว ที่เพียงต้องการทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อคร่าเวลาช่วงว่างงาน โดยลงทะเบียนเรียนการประดิษฐ์เรือนไม้ เรือไม้จำลอง และตุ๊กตาจำลองวิถีชีวิตไทย ได้กลายมาเป็นช่องทางทำกินที่นำมาทั้งชื่อเสียงและรายได้ให้กับ ว่าที่ ร.ต.หญิงณัฐชกรณ์ บุตรทรัพย์ เนื่องจากสามารถผลิตชิ้นงานได้มีความอ่อนช้อยประณีตสวยงาม โดยปัจจุบัน มีลูกค้าตั้งแต่นักสะสมชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดจนกลุ่มลูกค้าพิพิธภัณฑ์ที่สั่งชิ้นงานไปจัดแสดง ซึ่งคุ้มค่ากับความเพียรและหยาดเหงื่อ เพราะแต่ละชิ้นงานต้องใช้ความอุตสาหะและสมาธิสูง ประการสำคัญ แต่ละแบบจะผลิตเพียงน้อยชิ้นหรืออาจมีเพียงชิ้นเดียว จึงเป็นงานที่มีคุณค่าในความรู้สึกของผู้ครอบครอง อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์สวยงาม แต่ก็ยังอ่อนประสบการณ์ในเชิงธุรกิจ ร.ต.หญิงณัฐชกรณ์ จึงแสวงหาความรู้เพิ่มเติม โดยได้เข้าร่วมอบรม “โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ (New Entrepreneurs Creation: NEC)” กับศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ ๙ เมื่อปี ๒๕๕๑ และยังเพิ่มพูนประสบการณ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการส่งผลิตภัณฑ์เข้าประกวด จนได้รางวัลผลิตภัณฑ์โอทอปหลายปี ภายหลังได้เข้าใช้บริการ “เงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย (Revolving Fund for Cottage and Handicraft Industries: CF)” ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงมีเงินทุนเวียนมาจัดหาอุปกรณ์และเครื่องทุ่นแรงในการช่วยผลิตชิ้นงานเพิ่มเติม ร.ต.หญิงณัฐชกรณ์มองว่า AEC จะทำให้ผู้คนในอาเซียนเดินทางไปมาหาสู่กันโดยสะดวก รวมถึงคนต่างทวีปที่ต้องการมาสัมผัสเอกลักษณ์วิถีชีวิตของอาเซียน ผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นหรือแต่ละประเทศ จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะงานแฮนด์เมด เป็นสิ่งที่สะท้อนอัตลักษณ์ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ภูมิปัญญา ของคนแต่ละชาติ ได้ดีทุกยุคทุกสมัย ว่าที่ ร.ต.หญิงณัฐชกรณ์ บุตรทรัพย์ สันทัศน์หัตถกรรม ๔๓ หมู่ ๑๑ แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ๑๐๕๓๐ โทรศัพท์ : ๐ ๒๑๘๖ ๐๖๘๔, ๐๘ ๙๑๒๘ ๑๑๕๐ ที่มา : รายงานประจำปี 2555 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
31 ม.ค. 2555
ผ้าไหม BOON KOON ศิลปะต่อผ้า แต้มสีสันไหมไทย
หลายประเทศในอาเซียน รวมถึงอาเซียน +๓ +๖ ต่างมีภูมิปัญญาการผลิตผ้าไหมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นพม่า ลาว อินโดนีเซีย กัมพูชา จีน การสร้างเอกลักษณ์ความแตกต่างเฉพาะถิ่น หรือเฉพาะแบรนด์จึงมีความสำคัญมาก ซึ่งร้านผ้าไหม BOON KOON ได้พบแนวทางนั้นแล้วคือ การตัดเย็บชิ้นงานผ้าไหมแบบศิลปะผ้าต่อ (Patchwork) คุณชาญบุญ เอี่ยมหนู เจ้าของร้าน BOON KOON SHOP ซึ่งมีหน้าร้านอยู่ที่ เจ.เจ.มอลล์ และอีกหลายแห่ง เริ่มผันชีวิตจากพนักงานประจำมาเป็นเจ้าของร้านค้าเล็ก ๆ ที่สวนลุมไนท์บาร์ซาร์ เมื่อปี ๒๕๔๓ ผลิตภัณฑ์ขายดีคือ ผ้าไหมคลุมไหล่ เนกไท ปลอกหมอน และจากการแสวงหาซัพพลายเออร์และแรงงานตัดเย็บที่ดี จึงได้รู้จักกับชุมชนคลองสามวาซึ่งโยกย้ายมาจากชุมชนบ้านครัว ชุมชนผลิตผ้าไหมเก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จึงเกิดการพัฒนางานร่วมกันเรื่อยมา รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน จนเกิดเป็นไอเดียในการนำเศษผ้าที่เหลือ จากการตัดเย็บมากมาย นำมาทำ patchwork และผลิตเป็นชิ้นงานต่าง ๆ งานต่อผ้าต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญ ประณีต ซึ่งต้องใช้เวลามากขึ้นและทำให้ต้นทุนสูงขึ้นตาม แต่ก็คุ้มค่าเมื่อพบว่าลูกค้า มาถามหางาน patchwork อย่างต่อเนื่อง คุณชาญบุญ มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น TOPOTOP, DIP CAMP หรือคลัสเตอร์ ทำให้มีการพัฒนาด้านการตลาดควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชื่อแบรนด์ BOON KOON เองก็เกิดขึ้นภายหลังร่วมอบรมในกิจกรรมต่าง ๆ กับกรมฯ อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตผู้ประกอบการจะหยุดเรียนรู้ไม่ได้เลย “AEC ที่จะมีผลในปี ๒๕๕๘ เราต้องมองอย่างรอบด้าน ไม่ใช่แค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาดีไซน์หรือโอกาสในการเข้าถึงวัตถุดิบผ้าไหมจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นเท่านั้น แต่การบริหารจัดการด้านอื่น ๆ ก็สำคัญ เช่น ระบบบัญชีความห่วงใยในสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการต้นทุน และอีกหลายเรื่องที่ต้องเตรียมพร้อม” คุณชาญบุญ เอี่ยมหนู ร้านผ้าไหมบุญคุณ เจ.เจ.มอลล์ โทรศัพท์ : ๐ ๒๖๔๒ ๙๒๕๑ อีเมล : boonkoon2006@hotmail.com ที่มา : รายงานประจำปี 2555 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
31 ม.ค. 2555
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม สานมรดกศิลป์ถิ่นอีสาน
สินค้าที่ระลึกทั่วทุกมุมโลกที่มีมูลค่าการซื้อขายมหาศาลในแต่ละปีนั้น ผู้บริโภคจำนวนมากไม่ได้ซื้อเพื่อประโยชน์ใช้สอย หากแต่ซื้อเพราะพึงใจเสพมรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) หรือเรื่องราวของท้องถิ่นหรือประเทศนั้น ๆ ในอดีต บ้านกุดนาขามเป็นเพียงพื้นที่แห้งแล้งสลับกับน้ำท่วมขัง ไม่สามารถเพาะปลูกได้ จนราษฎรต้องอพยพไปทำงานรับจ้างในต่างถิ่น ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ โรงงานเครื่องปั้นดินเผาสำหรับศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขามได้ถือกำเนิดขึ้น ตามพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อให้ราษฎรไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานไปทำงานที่อื่นและหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และด้วยทรงรำลึกถึงเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียงที่แสดงถึงอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ของดินแดนแถบนี้ จึงน่าจะมีเครื่องปั้นดินเผาของภูมิภาคเดียวกันที่แสดงถึงอารยธรรมยุคปัจจุบันบ้าง ทรงแนะนำให้ถ่ายทอดวิถีชีวิตของท้องถิ่นอีสานลงบนเครื่องปั้นดินเผา เช่น พิธีแห่บั้งไฟ พิธีจับปลาบึก การแสดงดนตรีโปงลาง เซิ้งเรณูนคร การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การผลิตผ้าแพรวา และดอกไม้ป่าในท้องถิ่น เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ที่ได้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาดแล้ว ยังได้พัฒนาศักยภาพทางด้านศิลปะของคนในชุมชนอีกด้วย ภายหลังศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขามได้เปิดสอนอาชีพเพิ่มขึ้นอีกหลายแขนง อาทิ เครื่องเรือน ทอผ้า ดอกไม้ประดิษฐ์ ถนอมอาหารและโภชนาการ หล่อโลหะ ตีเหล็ก ทำอิฐบล็อก และปลูกหม่อน-เลี้ยงไหมเป็นต้น โดยปัจจุบัน มีพลตรีศักดา เปรุนาวิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๓ เป็นผู้ดูแลศูนย์ฯ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขามได้เข้าร่วม “กิจกรรมการส่งเสริมนวัตกรรมอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์” กับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และได้นำภูมิปัญญาอัตลักษณ์อีสานมาสร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทรงคุณค่า มีสีสันและลวดลายที่แตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์อื่นในท้องถิ่น สร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค ช่วยให้ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ ๐.๕ และยังทำให้สมาชิกผู้ปฏิบัติงานได้เรียนรู้เทคนิคการผลิตใหม่ ๆก่อให้เกิดทักษะการทำงานที่หลากหลาย ส่งผลดีต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน พลตรีศักดา เปรุนาวิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๓ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม อ. เจริญศิลป์ จ. สกลนคร ๔๗๒๙๐ โทรศัพท์ : ๐๔๒ ๗๐๙ ๑๖๒ ที่มา : รายงานประจำปี 2555 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
31 ม.ค. 2555
น้ำพริกกลุ่มแม่บ้านแพรกษา พร้อมแข่งตลาดนานาชาติ
ที่มาของกลุ่มแม่บ้านแพรกษา หมู่ที่ ๗ คุณสมน้อย ศรีสมวงศ์ ประธานกลุ่มเล่าว่า “ความที่หลายครอบครัวในตำบลแพรกษาประกอบอาชีพเลี้ยงปลาสลิดขาย และมักเหลือปลาขนาดเล็กที่ไม่สามารถนำไปขายได้ ปีพ. ศ. ๒๕๔๗ แม่บ้านหมู่ที่ ๗ ตำบลแพรกษา ประมาณ ๑๐ครัวเรือน จึงรวมตัวกันนำปลาสลิดขนาดเล็กมาแปรรูปเป็นปลาแห้งและนำบางส่วนไปประกอบเป็นน้ำพริกปลาสลิดรสชาติต่าง ๆ จัดจำหน่ายในนาม “น้ำพริกแม่น้อย” มีจุดขายที่ความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์และรสชาติอร่อย นับเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี” สูตรน้ำพริกของกลุ่มไม่เป็นรองใคร แต่กลุ่มขาดความรู้เรื่องการทำบัญชี ตลอดจนความรู้เรื่องการตลาดและการผลิตที่มีประสิทธิภาพปี ๒๕๕๕ กลุ่มจึงเข้าร่วม “กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชน (Community Industries Management Efficiency Development : CIMED)” ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมไม่กี่เดือน รายได้ของกลุ่มที่ได้รับแต่เดิมเกือบ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ต่อเดือนได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๑๐ “เรามีการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น มีการทำนามบัตรไปแจกลูกค้าในงาน OTOP ที่เมืองทอง เพื่อลูกค้าจะได้รู้จักเรามากขึ้น สินค้าก็ขายดีขึ้น มีลูกค้าโทรสั่งอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลลูกค้ามักจะซื้อเป็นของฝาก เพราะเราทำตามคำแนะนำจากทางกรมฯใช้แพคเกจจิ้งเป็นแบบสุญญากาศ เพื่อให้สามารถเก็บไว้ทานได้นานหลายเดือน” ในการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ คุณสมน้อยให้ข้อคิดว่า “ถ้าเราจะไปสู่อาเซียน เราต้องคำนึงถึงหลายเรื่อง ปลาก็ต้องมีคุณภาพส่งออกได้ แพคเกจจิ้งก็ต้องดี สต็อกสินค้าต้องมีพร้อมขายตลอดเวลา รวมทั้งต้องแข่งขันกับตัวเอง มีการพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ลูกค้าติดใจ ไม่ใช่ซื้อครั้งเดียวแล้วไม่มีการสั่งซื้อต่อ” ซึ่งคติการทำงานนี้ใช้ได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ๑๐ ปีที่แล้วที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งกลุ่มหรืออีก ๒ ปีข้างหน้าที่ AEC จะมาถึง คุณสมน้อย ศรีสมวงศ์ ประธานกลุ่มแม่บ้านแพรกษา หมู่ที่ ๗ ๒๑ บ้านสุดใจ ม. ๗ สุดใจ พุทธรักษา ต. แพรกษา อ. เมืองสมุทรปราการ จ. สมุทรปราการ ๑๐๒๘๐ โทรศัพท์ : ๐ ๒๗๐๓ ๖๕๖๖ ที่มา : รายงานประจำปี 2555 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
31 ม.ค. 2555
ไทยเทครับเบอร์ คอร์ปอเรชั่นขยายการลงทุนในอาเซียน
บริษัท ไทยเทครับเบอร์ จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตยางแท่งมาตรฐาน STR (Standard Thai Rubber) โดยร้อยละ 95 เป็นการส่งตลาดประเทศ และจากความต้องการใช้ยางธรรมชาติอย่างต่อเนื่องของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีน กอปรกับเล็งเห็นคุณภาพของยางธรรมชาติและศักยภาพของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี ในปี 2549 บริษัท ไทยเทครับเบอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด สาขาปัตตานี จึงดำเนินการจัดตั้งฐานการผลิตเป็นสาขาที่ 3 ต่อจากสาขาที่จังหวัดสงขลาและตรัง อย่างไรก็ดี การอยู่ในพื้นที่ชายแดน บริษัทจึงประสบปัญหาขาดแคลนนักวิชาการที่จะให้ความรู้ในเรื่องการพัฒนาศักยภาพการผลิต ปี 2555 บริษัทไทยเทครับเบอร์ฯ จึงร่วม "โครงการพัฒนาศักยภาพโรงงานผลิตยางในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้" ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และพบว่าปัญหาหลักๆ คือ ต้นทุนพลังงานไฟฟ้าสูง เวลาหยุดเครื่องจักร (downtime) ในแต่ละเดือนค่อนข้างสูงและปัญหาเรื่องกระบวนการผลิตที่ขาดประสิทธิภาพ แม้ด้านหนึ่ง คุณศุภเดช อ่องสกุล ผู้จัดการ บริษัท ไทยเทครับเบอร์ฯ สาขาปัตตานี มองว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องปกติของโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป "แต่สำหรับบุคลากรของไทยเทครับเบอร์ ทุกคนมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่ทางกรมฯ ส่งมาอบรมและให้คำปรึกษาเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังผ่านโครงการดังกล่าว ตัวเลขที่ตรวจวัดทุกตัวมีการเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" คุณศุภเดชแสดงวิสัยทัศน์ว่า แม้ว่าอาเซียนจะเป็นแหล่งผลิตยางพาราของโลก แต่ปัญหาปริมาณแรงงานในภาคกรผลิตและจำนวนวัตถุดิบที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้การพัฒนาธุรกิจด้านนี้ของประเทศไทยใกล้ถึงขีดจำกัด ในปีที่ผ่านมา บริษัท ไทยเทครับเบอร์ฯ จึงไปตั้งโรงงานที่ประเทศอินโดนีเซีย และมีแผนจะขยายกิจการไปสู่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนต่อไป "ผมมองว่าต่อไปเมืองไทยคงไม่ได้ร่ำรวยเฉพาะจากธุรกิจที่อยู่ในประเทศ แต่คงไปรวยจากการลงทุนในต่างประเทศเหมือนญี่ปุ่นที่ไปลงทุนทั่วโลกแล้วส่งกำไรกลับบ้านเกิด ส่วนคนญี่ปุ่นก็ได้มาทำงานที่เมืองไทย ผมว่าในการสร้างงานของเมืองไทยเราต้องไปสร้างงานต่างประเทศ ต้องใช้ศักยภาพที่มีข้ามขั้นภายในประเทศไปสู่ระดับประเทศให้ได้ คุณศุภเดช อ่องสกุล ผู้จัดการ บริษัท ไทยเทครับเบอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 6 ม.2 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 94170 โทรศัพท์ : 074 0302 400-11 ที่มา : รายงานประจำปี 2555 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
31 ม.ค. 2555
คุณน้ำนิตย์ ตันติศิริวัฒน์ ที่ปรึกษามืออาชีพช่วยไขปัญหา SMEs
ความรู้แขนงหนึ่ง สามารถต่อยอดไปยังความรู้แขนงอื่น ๆ ได้ ซึ่งการรู้รอบ – รู้ลึกนั้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการบริหารกิจการในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน คุณน้ำนิตย์ ตันติศิริวัฒน์ มีพื้นฐานความรู้ด้านบัญชีและบริหารการเงิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการย้อนสำรวจการดำเนินงาน พฤติกรรมและความเคลื่อนไหวขององค์กร ซึ่งที่ผ่านมา คุณน้ำนิตย์ได้ใช้ความรู้ดังกล่าวช่วยกิจการผลิตอะไหล่ยานยนต์ของครอบครัว ตลอดจนกิจการส่วนตัวของตนเองอย่างมีประสิทธิผล ภายหลังคุณน้ำนิตย์ได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมา ก้าวเข้าสู่อาชีพที่ปรึกษาอิสระ ให้คำปรึกษาการเงินและบัญชีกับองค์กรต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอย่างเชื่อมโยงรอบด้าน ทั้งด้านการพัฒนาบุคลากร การตลาด การเงิน “การวิเคราะห์งบการเงิน ช่วยให้เห็น performance ขององค์กร สามารถเชื่อมโยงให้เห็นปัญหาต่าง ๆ เช่น ทำไมปีนี้ค่า HR สูง แต่ได้ productivity เท่าเดิม ก็ย้อนไปดูพบว่าอัตราคนเข้าออกมาก เสียเวลากับการเรียนรู้งานใหม่ คือ ในฐานะที่ปรึกษา จะพยายามแนะนำให้ SMEs มองทุกสิ่งรอบด้าน ยิ่งเข้าสู่ยุคของ AEC ผู้ประกอบการ SMEs ก็ยิ่งต้องมีความรู้ทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกยิ่งขึ้น ทั้งวัฒนธรรม กฎหมาย ของประเทศเพื่อนบ้าน” ในฐานะผู้ให้คำปรึกษา คุณน้ำนิตย์จึงต้องหมั่นพัฒนาตนเองให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกเช่นกัน เมื่อปี ๒๕๕๓ คุณน้ำนิตย์จึงเข้ารับการอบรมเป็นผู้ประกอบการ Service Provider ใน “กิจกรรมสร้างและพัฒนาผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม” ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มพูนความรู้รอบด้านทั้งเทคนิควิศวการ การจัดการ การตลาด การเงิน การบัญชี ตลอดจนทักษะและจรรยาบรรณการให้คำปรึกษา คำแนะนำปรึกษาที่ดีสามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ และผู้ประกอบการที่พร้อมปรับตัว เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คือผู้มีศักยภาพในการอยู่รอด คุณน้ำนิตย์ ตันติศิริวัฒน์ ๑๐๓/๔ ซอยวีเหลี่ยม ๒ ถ. เพชรเกษม แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐ โทรศัพท์ : ๐๘ ๙๑๑๑ ๔๒๔๙ อีเมล : namnitt@yahoo.com ที่มา : รายงานประจำปี 2555 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
31 ม.ค. 2555