หมวดหมู่
กระทรวงอุตสาหกรรม ผนึกหน่วยงานรัฐ-เอกชน-ประชาชน เปิด “โครงการอุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างควา
กรุงเทพฯ 25 กรกฎาคม 2567 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรม งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ของกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิด “โครงการอุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน” โดยมีนางสาวศิรินันท์ ศิริพานิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกภัทร วังสุวรรณ นายใบน้อย สุวรรณชาตรี นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเดชา จาตุธนานันท์ นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมเป็นเกียรติ ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก ก่อให้เกิดภาวะโลกเดือด ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าโลกกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง อันมีสาเหตุหลักมาจาก ‘กิจกรรมของมนุษย์’ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรและพลังงานเพื่อการผลิต การบริโภค การขนส่ง และการประกอบกิจการอุตสาหกรรม ซึ่งตามนโยบายของนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ส่งต่ออุตสาหกรรมสีเขียวจากรุ่นสู่รุ่น และเร่งสร้างการรับรู้ให้ภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักและให้ความสำคัญ ในการลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดการภาวะโลกร้อนที่เป็นความท้าทายต่อภาคการผลิตของประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้ร่วมมือกับ 13 หน่วยงานหลัก จากภาครัฐและภาคเอกชน จัด“โครงการอุตสาหกรรมรวมใจ ลดคาร์บอนไทย 7.2 ล้านตัน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อประชาชนชาวไทย ตลอดจนเสริมสร้างจิตสำนึกของการเป็นผู้ให้ โดยสนับสนุน ส่งเสริมสถานประกอบการให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถอยู่ด้วยกันกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบาย MIND ใช้ ‘หัว’ และ ‘ใจ’ ปั้นอุตสาหกรรมคู่ชุมชน เพื่อให้สถานประกอบการอุตสาหกรรมเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน ผ่าน 4 มิติิ ได้แก่ ความสำเร็จทางธุรกิจ ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวม ความลงตัวกับกติกาสากล และการกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง โดยตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมได้ปริมาณ 7.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ผ่านการขับเคลื่อนกิจกรรมใน 8 ด้าน จำนวน 298 กิจกรรม ประกอบด้วย • ด้านที่ 1 การลด ดูดซับ และการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และเกษตร จำนวน 13 กิจกรรม ลดได้ 2,934,277 ตัน อาทิ กิจกรรมการรณรงค์ลดการเผาอ้อย กิจกรรมการพัฒนาฟื้นฟูพื้นที่ทำเหมืองแร่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน และกิจกรรมการปลูกต้นไม้เพื่อเพิมพื้นที่สีเขียว• ด้านที่ 2 การยกระดับผู้ประกอบการสู่มาตรฐานการลดการปล่อย หรือการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก จำนวน 1 กิจกรรม ลดได้ 2,000,000 ตัน อาทิ กิจกรรมการตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบโครงการลดก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐานภายใต้การรับรองระบบงาน• ด้านที่ 3 การใช้พลังงานหมุนเวียนหรือพลังงาน ที่ใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล จำนวน 209 กิจกรรม ลดได้ 1,140,429 ตัน อาทิ กิจกรรมผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล และกิจกรรมการนำใบและยอดอ้อยไปใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลในโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ต่อเนื่องจากโรงงานน้ำตาล• ด้านที่ 4 การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน จำนวน 44 กิจกรรม ลดได้ 796,525 ตัน อาทิ กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (IoT, AI, Capacitor bank) และกิจกรรมลดของเสียจากกระบวนการผลิต (By-product / Industrial waste)• ด้านที่ 5 การจัดการสารเคมี จำนวน 3 กิจกรรม ลดได้ 200,961 ตัน อาทิ กิจกรรมเผาทำลายสารทำความเย็น• ด้านที่ 6 การส่งเสริมและปรับเปลี่ยนมาตรฐานด้านยานยนต์ จำนวน 5 กิจกรรม ลดได้ 91,873 ตัน อาทิ การควบคุมปริมาณสารมลพิษจากรถยนต์ มาตรฐาน EURO 5 และการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (xEV)• ด้านที่ 7 การบริหารจัดการทรัพยากร (นํ้า/ของเสีย/วัตถุดิบ) จำนวน 10 กิจกรรม อาทิ กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการกากอุตสาหกรรม และกิจกรรมการส่งเสริมเทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำ• ด้านที่ 8 การส่งเสริมการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก (Hydraulic Cement) จำนวน 13 กิจกรรม ลดได้ 1,586 ตัน อาทิ การส่งเสริมการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก การใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก แทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ (Portland Cement) ในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคนิคมฯ Smart Park สำหรับกิจกรรมในวันนี้มีการแสดงจากนักเรียนโรงเรียนวัดหนองพะวา อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ในชื่อชุด “พลังงานสะอาดสู่อนาคต“แสดงถึงการร่วมแรงร่วมใจ รวมพลังทุกภาคส่วน พร้อมมอบโล่เชิงสัญลักษณ์ ให้แก่ 13 หน่วยงาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินงานในกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการฯ แก่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม การดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าว ก่อให้เกิดความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทั้งยังเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคี และความร่วมมือร่วมใจกันทำประโยชน์ต่อสาธารณะ กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานภาครัฐได้ตระหนักถึงความสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวทิ้งท้าย
13 ส.ค 2567
"ดีพร้อม" ปักหมุดราชบุรี ขับเคลื่อน “ชุมชนเปลี่ยน” หนุนใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ
จ.ราชบุรี 24 กรกฎาคม 2567 – นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างการรับรู้ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ พร้อมด้วย นายสุพัฒน์ อ่อนคง เกษตรจังหวัดราชบุรี ผู้แทนจากภาคีเครือข่าย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นายวิจักขณ์ รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ โรงแรมไทยนำริเวอร์ไซด์ อำเภอบ้านโป่ง กิจกรรมดังกล่าว เป็นการดำเนินงานภายใต้กลไก “ชุมชนเปลี่ยน” (COMMUNITY TRANSFORMATION) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยการเปลี่ยนชุมชน มุ่งเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม โดยใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับระดับศักยภาพของแต่ละชุมชน ตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาภายในชุมชนได้อย่างแท้จริง สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ชุมชนดีพร้อมที่มีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว โดยภายในกิจกรรมได้จัดคลินิกอุตสาหกรรม ด้านการใช้ระบบ Karakuri Kaizen โดยผู้เชี่ยวชาญจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริการให้คำปรึกษาแนะนำเบื้องต้นด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร แก่ผู้ร่วมงาน นอกจากนี้ ยังได้มีการนำเสนอความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ ภายใต้การดำเนินงานของดีพร้อม จำนวน 2 แบบ ได้แก่ เครื่องตุ๋นและคัดกรองแยกกากละเอียดด้วยระบบอัตโนมัติอย่างง่าย สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากมะกรูด จากวิสาหกิจชุมชนพึ่งตนคนพอเพียง และ เครื่องตุ๋นสกัดน้ำมัลเบอร์รี่ จากวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หม่อนผลสดตำบลจอมบึง โดยเครื่องจักรทั้ง 2 เครื่องได้ออกแบบและนำไปทดลองใช้จริง ซึ่งก่อให้เกิดการลดต้นทุนแรงงาน ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คำนวณเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อชุมชนได้กว่า 3.8 ล้านบาท/ปี
13 ส.ค 2567
"ดีพร้อม" เร่งขับเคลื่อนโปรเจกต์กรีน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยกระดับอุตสาหกรรมสีเขียวในพื้นที่ภาคอีสาน
จ.ขอนแก่น 24 กรกฎาคม 2567 นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ISAN Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ชาวอีสาน” พร้อมด้วย นายชาลี พงษ์นุ่มกูล ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี นายธเรศ ประภาการ ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ผู้ที่สนใจในพื้นที่ภาคอีสาน และสื่อมวลชน โดยมี นางรุ่งอรุณ เปี่ยมปัจจัย ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 5 กล่าวรายงาน ณ ห้องมงกุฎเพชร โรงแรมโฆษะ ดีพร้อม เร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวในพื้นที่ภาคอีสาน ผ่านกลไก 3 ด้าน ได้แก่ Green Productivity, Green Marketing และ Green Finance เพื่อผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมคำนึงถึงความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีโปรเจกต์กรีนต่าง ๆ ในปี 2567 ในพื้นที่อีสาน เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรเชิงพื้นที่เพื่อสุขภาพและความงาม อาหารจากซูเปอร์ฟู้ด และผลิตภัณฑ์จากเส้นใยชีวภาพ กิจกรรมในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อช่วยสร้างการรับรู้ให้ภาคอุตสาหกรรมลดการใช้ทรัพยากร ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มีการบรรยาย และเสวนาจากองค์กรชั้นนำ พร้อมนำเสนอองค์ความรู้และประสบการณ์ต่อยอดธุรกิจยุคใหม่สู่สังคมคาร์บอนต่ำ รวมถึงการอัปเดตเทรนด์ตลาด บรรจุภัณฑ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
13 ส.ค 2567
“พิมพ์ภัทรา” หารือ NEDO - IHI เร่งเครื่อง BCG ลุยพัฒนานิคมฯ Circular ดูดลงทุนอุตฯ สีเขียวในไทย
ประเทศญี่ปุ่น 23 กรกฎาคม 2567 - นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประชุมร่วมกับองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (New Energy and Industrial Technology Development Organization : NEDO) และ บริษัท ไอเอชไอ คอร์ปอเรชั่น (IHI Corporation) พร้อมด้วย นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายชยงการ ภมรมาศ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ที่ปรึกษาของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายกิตติพันธุ์ บางยี่ขัน อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายอุตสาหกรรม) ประจำกรุงโตเกียว นางนิภา รุกขมธุร์ รองผู้ว่าการสายงานยุทธศาสตร์ นางบุปผา กวินวศิน รองผู้ว่าการสายงานพัฒนาที่ยั่งยืน นางปนัดดา เย็นตระกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายงานยุทธศาสตร์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ ประเทศญี่ปุ่น นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับนายไซโต้ ทาโมสึ ประธานองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (New Energy and Industrial Technology Development Organization : NEDO) ณ หอประชุม สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม และมีการผลักดันนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การนำวัสดุกลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และมีคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี ค.ศ. 2065 สำหรับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่าง 2 ประเทศ เน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Circular แห่งแรกของไทยในพื้นที่ EEC ซึ่งการหารือครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการพบกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเน้นศึกษาแนวทางการจัดการซากรถยนต์และของเสียอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับนโยบาย BCG ของรัฐบาลไทยที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและ Net Zero รมว.อุตสาหกรรม ได้แสดงความขอบคุณ นายคาวามูระ ผู้อำนวยการสำนักงาน NEDO กรุงเทพฯ เกี่ยวกับโครงการที่ NEDO กำลังดำเนินการในประเทศไทย 15 โครงการ โดยหลายโครงการดำเนินงานในนิคมอุตสาหกรรม เช่น โครงการศึกษาความเป็นไปได้การจัดการโครงสร้างพื้นฐานของพลังงานสะอาด ประเภทต่างๆ และการคมนาคมที่ไม่มีการปล่อยคาร์บอนในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ซึ่ง กนอ. ได้ดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับ NEDO ตั้งแต่ปี 2566 ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังแสดงความสนใจเป็นพิเศษ ในโครงการสาธิตเทคโนโลยีรถบรรทุกเซลล์เชื้อเพลิง และโครงการรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของกระทรวงในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) เพื่อกระชับความร่วมมือในอนาคต โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม จะเป็นผู้ประสานงานหลัก และขอให้ทาง NEDO สนับสนุนและผลักดันความร่วมมือระหว่าง บริษัท IHI และ กนอ. รวมถึงสนับสนุนและผลักดันความร่วมมือ ระหว่าง NEDO กับกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกับเศรษฐกิจของไทยและญี่ปุ่น “การขับเคลื่อน BCG ของกระทรวงฯ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเรา เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาโลกร้อน” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ยังได้ร่วมประชุมกับนายฮิโรชิ อิเดะ ประธานบริษัท ไอเอชไอ คอร์ปอเรชั่น (IHI Corporation) และคณะ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยีพลังงานสะอาดของ IHI รวมถึงการใช้แอมโมเนียแทนก๊าซธรรมชาติ เทคโนโลยีการดักจับ กักเก็บ และใช้ประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยนางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงฯ โดย กนอ.ได้ลงนามความร่วมมือกับ IHI Corporation ในการศึกษาและพัฒนา Green Air เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Circular ซึ่งความร่วมมือกับ IHI ในด้านพลังงานสะอาด เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของ กนอ. และกระทรวงฯ ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสนับสนุนให้นักลงทุนสามารถดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มที่ สำหรับบริษัท ไอเอชไอ คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานกว่า 160 ปี เริ่มต้นจากธุรกิจต่อเรือ ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เครื่องจักร, ระบบโรงไฟฟ้า, เครื่องยนต์อากาศยาน และอื่นๆ โดยให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยในประเทศไทย บริษัท ไอเอชไอ เอเชีย แปซิฟิค (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายด้าน เช่น ระบบอุตสาหกรรม, เครื่องจักร, การจัดการทรัพยากร, พลังงานและสิ่งแวดล้อม, โครงสร้างพื้นฐาน, เครื่องยนต์อากาศยาน และอื่นๆ
13 ส.ค 2567
รัฐมนตรีฯ พิมพ์ภัทรา นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเยี่ยมชมกระบวนการรีไซเคิลรถยนต์ ณ eco-R Co., Ltd. ประเทศญี่ปุ่น
ประเทญี่ปุ่น 22 กรกฎาคม 2567 - นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายชยงการ ภมรมาศ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี ที่ปรึกษาของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายกิตติพันธุ์ บางยี่ขัน อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายอุตสาหกรรม) ประจำกรุงโตเกียว นางนิภา รุกขมธุร์ รองผู้ว่าการสายงานยุทธศาสตร์ นางบุปผา กวินวศิน รองผู้ว่าการสายงานพัฒนาที่ยั่งยืน นางปนัดดา เย็นตระกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายงานยุทธศาสตร์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับฟังการบรรยายและเยี่ยมชมกระบวนการคัดแยกชิ้นส่วนรถยนต์ของบริษัท eco-R ซึ่งประกอบธุรกิจการถอดแยกชิ้นส่วนรถยนต์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ การคัดแยกวัสดุมีค่า เพื่อขายต่อให้กับบริษัทที่จะรับไปดำเนินการรีไซเคิลในลำดับถัดไป และการซ่อมแซมชิ้นส่วนรถยนต์ โดยสามารถคัดแยกวัสดุประเภทต่างๆ หมุนเวียนกลับไปใช้ใหม่ได้มากถึง 99% นอกจากนี้ ได้แลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีเชิงกฎหมายและนโยบายของภาครัฐ รวมทั้งการพัฒนากลไกสนับสนุนทางการเงิน ที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจการจัดการซากรถยนต์ และการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุรีไซเคิล ซึ่งเป็นแนวทางที่ กนอ. สามารถนำไปประยุกต์ในการพัฒนานิคม Circular และการจัดให้มีกลไกต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในโซ่อุปทานของการบริหารจัดการวัสดุ ตามแนวทาง Circular Economy
13 ส.ค 2567
"รสอ.วาที" ร่วมประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม หารือ “รถโดยสารและรถบรรทุก EV“
กรุงเทพฯ 23 กรกฎาคม 2567 - นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าประชุมร่วมกับคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง “การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถไฟฟ้าโดยสารและรถบรรทุก” โดยมี นางสาวกมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สอง เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายวิจักขณ์ รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม นายชวาล พลเมืองดี โฆษกคณะกรรมาธิการ และคณะทำงานส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถโดยสารและรถบรรทุก ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว เป็นการหารือเกี่ยวกับการนำยานยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้เป็นรถไฟฟ้าโดยสารและรถบรรทุกในประเด็นต่าง ๆ อาทิ 1) ปัญหาเรื่องราคาเครื่องยนต์และประกันของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาป 2) ประเด็นพลังงานที่จะนำมาใช้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) 3) การพัฒนาและส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรม โดยการเพิ่มทักษะและพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรภาคอุตสาหกรรม รวมถึงสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในการลดการปล่อย CO2 เพื่อรองรับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) 4) การส่งเสริม สนับสนุน และปรับตัวเพื่อปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมอื่น เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เครื่องมือแพทย์และเครื่องมือแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องจักรกลการเกษตร ชิ้นส่วน Aftermarket การผลิตชิ้นส่วนทดแทน (REM) อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการบิน และระบบราง เป็นต้น และ 5) การเสนอให้ไทยเป็นแหล่งสุดท้ายในการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน (Last man standing) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นต้น
13 ส.ค 2567
"รสอ.วาที" นำทีมกำหนดทิศทางขับเคลื่อนการทำงานปี 68-69
รุงเทพฯ 23 กรกฎาคม 2567 – นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นในประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของ กสอ. ประจำปี พ.ศ. 2568 และ พ.ศ. 2569 พร้อมด้วย นายเจตนิพิฐ รอดภัย ที่ปรึกษากรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง และในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom Meeting การประชุมดังกล่าว เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินงานของดีพร้อม เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติราชการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) ประกอบด้วย แผนปฏิบัติราชการ ประจำปี พ.ศ. 2568 (ร่าง) แผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 พร้อมสรุปโครงสร้างงบประมาณและโครงการเพื่อจัดทำคำของบประมาณฯ ให้เป็นไปตามแนวทางและบรรลุเป้าหมายตัวชี้วัดของแผนระดับต่าง ๆ เพื่อการขับเคลื่อนแผนงานโครงการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
13 ส.ค 2567
"อธิบดีภาสกร" ระดมทีมดีพร้อมหารือโครงการ Flagship ปี 69
กรุงเทพฯ 19 กรกฎาคม 2567 - นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมการจัดทำคำขอโครงการและโครงการสำคัญ (Flagship) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 พร้อมด้วย นายวาที พีระวรานุพงศ์ นายวัชรุน จุ้ยจำลอง และนางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นางแน่งน้อย เวทยพงษ์ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมในวันนี้ เพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการนำผลงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อประกอบการจัดทำคำขอโครงการ และการคัดเลือกโครงการ เพื่อจัดทำเป็นโครงการสำคัญ ประจำปี 2569 โดยจะมีการคัดเลือกโครงการที่สามารถบรรลุผลลัพธ์ตามเป้าหมายของแผนแม่บท ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการที่เสนอจะต้องมีวัตถุประสงค์ ผลผลิต และกลุ่มเป้าหมายผู้รับประโยชน์ที่ชัดเจนสามารถส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของโครงการอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับปีงบประมาณ 2569 ดีพร้อมจะดำเนินการเสนอขอโครงการสำคัญในการพัฒนาผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ ให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจโลก โดยจะเสนอขอโครงการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล ตลอดจนเกษตรอุตสาหกรรมด้วย
13 ส.ค 2567
ดีพร้อม" จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน
กรุงเทพฯ 19 กรกฎาคม 2567 – นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมร่วม ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และ เพลงสดุดีจอมราชา เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยมี นายวาที พีระวรานุพงศ์ นายวัชรุน จุ้ยจำลอง และนางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อมส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าร่วมพิธีดังกล่าว ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom Meeting
13 ส.ค 2567
เชิญเข้าร่วมกิจกรรมสร้างโอกาสและขยายช่องทางธุรกิจ ในงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานและบริการของดีพร้อม (DIPROM)
ขอเชิญผู้ประกอบการเครื่องดื่มผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อรับคัดเลือกเข้าร่วมแสดงงาน CRAFT DRINK BY DIPROM เพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางธุรกิจ พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และทดสอบตลาด (Market Testing) รายละเอียดการจัดงาน วันที่ 5 - 10 กันยายน 2567 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คุณสมบัติผู้ประกอบการ เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกาแฟ หรือ โกโก้ หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ชุมชน) หากเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ชุมชน) ต้องมีแสตมป์สรรพสามิตที่ผลิตในราชอาณาจักร จดทะเบียนนิติบุคคล / วิสาหกิจชุมชน / OTOP สามารถอยู่ร่วมกิจกรรมได้ตลอดงานตามเวลาที่กำหนด และยินดีเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เปิดรับสมัครวันนี้ ถึง 19 สิงหาคมนี้ (เท่านั้น) ประกาศผล 26 สิงหาคม 2567 สนใจเข้าร่วมทดสอบตลาด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02 430 6869 ต่อ 1200
13 ส.ค 2567