โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
คิดเห็นแชร์ : Financial Literacy สิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจ ที่ไม่มีสอนในห้องเรียน
คิดเห็นแชร์ : Financial Literacy สิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิตและขับเคลื่อนธุรกิจ ที่ไม่มีสอนในห้องเรียน
คอลัมน์ : คิดเห็นแชร์ (มติชนออนไลน์) ผู้เขียน : นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ (ผู้อำนวยการกลุ่มสนับสนุนการจัดตั้งธุรกิจ กองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) เงินอาจไม่ใช่คำตอบของความสุขในชีวิต แต่การมีเงินไม่เพียงพอกับการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐานตามปัจจัยสี่ของมนุษย์นั้น จะทำให้เกิดเป็นความทุกข์ได้ สวัสดีท่านผู้อ่านคอลัมน์คิดเห็นแชร์ทุกท่าน วันนี้ผมจะมาแชร์มุมมองถึงทักษะความรู้หนึ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ก็คือ ทักษะการเงินหรือความรู้ด้านการเงิน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Financial Literacy ซึ่งเป็นการประยุกต์เอาความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการใช้ทักษะทางการเงินนี้ ยังสามารถใช้ในการบริหารกิจการ หรือธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทักษะหรือองค์ความรู้ที่สำคัญและจำเป็นเช่นนี้ควรปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก แต่ในประเทศไทยนั้นกลับไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับองค์ความรู้นี้ในโรงเรียนมากนัก สิ่งที่อาจเห็นได้บ้าง คือ การสอนเกี่ยวกับ “การออม” ซึ่งเป็นการปลูกฝังค่านิยมในการออมเบื้องต้นให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องจากอาจมองว่าเด็กสามารถฝึกออมเงินจากค่าขนมที่ได้รับจากพ่อแม่ตอนไปเรียนหนังสือ จึงทำให้เด็กที่ได้รับการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้านการเงินนี้ มักอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่ทำธุรกิจ ร้านอาหาร หรือร้านค้า จนหล่อหลอมให้เด็กเหล่านั้น เรียนรู้การคิดเงิน การหาเงิน และการบริหารจัดการเงินจากประสบการณ์จริง สำหรับความรู้ด้านการเงินพื้นฐานที่จำเป็นนั้น ประกอบด้วย 1) การหารายได้และหน้าที่ในการเสียภาษี 2) การลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย 3) การเก็บออมเงินและอัตราดอกเบี้ย 4) การลงทุนและการจัดการหนี้สิน จะเห็นได้ว่าเพียง 4 ด้านนี้ หากนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้ชีวิตดำเนินได้อย่างราบรื่นในสังคมประเทศไทยได้ หากไม่มีปัจจัยอื่น เช่น สุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุ หรือภัยธรรมชาติ เข้ามาเกี่ยวข้อง บ่อยครั้งที่เราได้เห็นข่าวการฆ่าตัวตายที่น่าสลดจากสื่อต่างๆ เนื่องจากไม่สามารถจัดการกับภาระหนี้สินที่ตนเองและครอบครัวมีอยู่ได้ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ห้างร้านต่างๆ ต้องปลดพนักงานออกจำนวนมาก เพื่อลดภาระต้นทุนและพยุงกิจการให้อยู่รอดต่อไปได้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ายังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่มีทักษะความรู้ทางการเงิน จึงทำให้หาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้ ส่วนในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชากรวัยทำงานทั่วประเทศ พบว่า 88% สนับสนุนให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดวิชาการเงินส่วนบุคคล บรรจุไว้ในหลักสูตรสำหรับนักเรียนมัธยมปลายทั่วประเทศอย่างน้อยหนึ่งภาคการศึกษา หรือทั้งปีการศึกษาก็ได้ เพื่อให้นักเรียนเหล่านั้นได้มีทักษะด้านการบริหารจัดการด้านการเงิน ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตในอนาคต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันหันมาตระหนักถึงความสำคัญของความรู้ทางการเงินให้แก่เยาวชนตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อปลูกฝังและสร้างนิสัยการบริหารจัดการด้านการเงิน ซึ่งเยาวชนกลุ่มนี้จะเติบโตไปเป็นประชากรในวัยทำงานของอเมริกาในวันข้างหน้า การให้ความรู้ทางการเงินจะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของประเทศที่ต้องนำเงินสวัสดิการไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ อีกทั้งยังสร้างการตระหนักรู้หน้าที่ของพลเมืองในการเสียภาษี เพื่อนำเงินภาษีมาบำรุงและพัฒนาประเทศต่อไป เมื่อหันมามองในภาคธุรกิจของประเทศไทย มีผู้ประกอบการบางรายยังคงมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการเงินและการทำบัญชีเพื่อหลบเลี่ยงภาษี โดยใช้วิธีการทำบัญชีของกิจการให้ขาดทุนมาโดยตลอด แต่ก็ลืมคำนึงถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างที่เราประสบกันอยู่คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน และเมื่อการดำเนินกิจการขาดทุนมาโดยตลอดก็เป็นการยากที่สถาบันการเงินจะมั่นใจในความสามารถการชำระหนี้ จึงไม่ปล่อยกู้สินเชื่อให้เพราะกลัวว่าจะเป็นหนี้สูญ และจากข้อมูลของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประเมินว่า ในระยะถัดไปคาดว่าหนี้สินครัวเรือนของประเทศไทยมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่งยังมีความต้องการสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค เพื่อมาชดเชยสภาพคล่องจากรายได้ที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ยาวนานมากว่า 2 เดือน ทำให้ราคาน้ำมันปัจจัยหลักสำคัญในด้านโลจิสติกส์และการขนส่งของประเทศพุ่งสูงขึ้น และมีแนวโน้มขึ้นถึงลิตรละ 50 บาท ย่อมทำให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก และหลายกิจการจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้น จนทำให้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยจากตัวเลขในเดือนเมษายน 2565 เงินเฟ้อพุ่งสูงอยู่ที่ 4.65% และมีแนวโน้มขยับขึ้นไปอีก ส่งผลกระทบให้บางธุรกิจอาจไปต่อไม่ไหว ถูกซ้ำเติมจากวิกฤตเก่าจนต้องขายและปิดกิจการลง ดังนั้นทักษะทางการเงินจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยประคองให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ดังเช่นที่ อลัน กรีนสแปน นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้กล่าวไว้ว่า ปัญหาอันดับหนึ่งในยุคและเศรษฐกิจในปัจจุบันคือ “การขาดความรู้ทางการเงิน” ดังนั้น ไม่ว่าท่านจะอยู่ในวัยเรียนหรือวัยทำงาน ก็ควรศึกษาหาความรู้ทักษะทางการเงินไว้เพื่อตัวท่านเอง ปัจจุบันมีสื่อการเรียนรู้มากมายให้ท่านได้ศึกษาค้นคว้าได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือการสมัครเข้าร่วมอบรมหลักสูตรทางการเงินกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ อย่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งจะช่วยให้ทุกท่านสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/eco-report/news_3344541
13 พ.ค. 2565
ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์  สัมมนาแถลงผลการดำเนินงาน "กิจกรรมการประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัล ในการบริหารจัดการธุรกิจ ระยะที่ 1"
ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ สัมมนาแถลงผลการดำเนินงาน "กิจกรรมการประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัล ในการบริหารจัดการธุรกิจ ระยะที่ 1"
ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ สัมมนาแถลงผลการดำเนินงาน "กิจกรรมการประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัล ในการบริหารจัดการธุรกิจ ระยะที่ 1" วันอังคารที่ 24 พ.ค. 2565 เวลา 09.00 – 16.00 น. พลาดไม่ได้ ในงานพบกับ การเสวนา Success Case Stories ถอดบทเรียนความสำเร็จ จาก 8 ธุรกิจ Success Case การเสวนา การใช้ระบบดิจิทัลในการบริหารจัดการธุรกิจจาก 6 วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ‼️เข้าร่วมฟรีตลอดรายการ‼️ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ : จัดโดย กองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
12 พ.ค. 2565
ดีพร้อม ต้อนรับคณะ METI ร่วมหารือความร่วมมือในการผลักดันข้อริเริ่ม AJIF กระตุ้นการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน
ดีพร้อม ต้อนรับคณะ METI ร่วมหารือความร่วมมือในการผลักดันข้อริเริ่ม AJIF กระตุ้นการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน
กรุงเทพฯ 10 พฤษภาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ นายภาสกร ชัยรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ให้การต้อนรับคณะจากกรมนโยบายการค้า กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (Trade Policy Bureau, METI) นำโดย นายยาฮากิ โทโมโยชิ Director General for Trade Policy พร้อมด้วย นายทาเคทานิ อัทสึชิ ประธานสำนักงานเจโทร (JETRO) กรุงเทพฯ ผู้บริหารจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (NEDO) The Association for Overseas Technical Cooperation and Sustainable Partnerships (AOTS) ประจำประเทศไทย และคณะจากกระทรวง METI ประเทศญี่ปุ่น ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคาร กสอ. ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการหารือแนวทางความร่วมมือในการผลักดันข้อริเริ่ม ASEAN-Japan Investing for the Future Initiative (AJIF) ที่ประกาศไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในอาเซียน เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้อาเซียนเป็นห่วงโซ่อุปทานระดับโลก สร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะสร้างความยั่งยืนและแก้ปัญหาสังคม ซึ่งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ การดำเนินงานที่สำคัญภายใต้ข้อริเริ่มดังกล่าว คือการพัฒนาทักษะบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมเพื่อผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่ Thailand 4.0 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดีพร้อมได้รับการสนับสนุนจาก METI ในโครงการที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการสาธิตการผลิตแบบลีนออโตเมชั่น (Lean Automation System Integrators: LASI Project) โครงการ Lean IoT Plant Management and Execution (LIPE) และโครงการ Smart Monodzukuri Support Team System โดยการหารือในวันนี้ดีพร้อมและ Trade Policy Bureau มีความเห็นตรงกันเกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้มีความต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการผลักดันบุคลากรที่ได้รับการพัฒนาทักษะให้เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยเข้าสู่ Thailand 4.0 โดยจะมีการหารือร่วมกับ METI ถึงรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ ประเทศไทยนับได้ว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่นักลงทุนชาวญี่ปุ่นยังคงให้ความสำคัญ และรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการที่จะผลักดันให้เกิดการตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย ซึ่งแนวทางดังกล่าวมีความสอดคล้องกับนโยบาย BCG ของไทย โดยดีพร้อมจะร่วมกับ METI ในการผลักดันให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ## PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
12 พ.ค. 2565
เรื่อง การขึ้นบัญชีและการยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
เรื่อง การขึ้นบัญชีและการยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ประกาศกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เรื่อง การขึ้นบัญชีและการยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รายละเอียดดังแนบ
12 พ.ค. 2565
รับสมัครจ้างเหมาบริการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานสนับสนุนด้านทรัพยากรบุคคล
รับสมัครจ้างเหมาบริการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานสนับสนุนด้านทรัพยากรบุคคล
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รับสมัครจ้างเหมาบริการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานสนับสนุนด้านทรัพยากรบุคคล จำนวน ๑ อัตรา โดยปฏิบัติงานกลุ่มบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานเลขานุการกรม อัตราเงินเดือน ๑๕,๐๐๐ บาท กำหนดวันรับสมัคร ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ รายละเอียดดังแนบ ใบสมัคร
11 พ.ค. 2565
เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วม หลักสูตร "DIPROM Genius AGRO 360"
เปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วม หลักสูตร "DIPROM Genius AGRO 360"
Mini GA กับหลักสูตร "DIPROM Genius AGRO 360" กลับมาเป็นครั้งที่ 6 แล้ว กับหลักสูตรภายใต้บ้านที่มีหลังคาอันแข็งแกร่งอย่าง Genius AGRO Academy คราวนี้มากับหลักสูตรเฉพาะทางสำหรับนักธุรกิจเกษตร เพื่อก้าวเข้าสู่โลกใหม่ (New World) กระชับมือกันให้มั่นแล้วมาพัฒนาทักษะรอบด้านแบบ 360 องศา เปิดรับสมัครผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดย่อม (Small) และขนาดกลาง (Medium) ด้านเกษตรอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเกษตรเชิงท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร รวมถึงผู้สนใจทำเกษตรสมัยใหม่เชิงธุรกิจจากทั่วประเทศ ปีนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง? เรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ 6 วิชา(12 ชั่วโมง)!! ก่อนทำข้อสอบแข่งขันเพื่อคัดเลือกเหลือ 70 กิจการในรุ่นนี้ เรียนในห้องเรียน 6 วัน!! (ได้เจอหน้ากันซะที ตามเสียงเรียกร้อง!!) เรียนนอกห้องเรียน 5 วัน!! (ห้องเรียนที่น่าอิจฉา ไปฟินกันที่เชียงราย!!) รับคำปรึกษาแนะนำธุรกิจ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (ขาดไม่ได้เลย ประโยชน์สุด!!) โดยแบ่งการดูแลจากอัจฉริยะโค้ชทั้ง 2 ทีม คือ Tech Solution และ Product & Service Hero ตลอดระยะเวลาดำเนินกิจกรรม 3 เดือน โดยมีการ consult ในรูปแบบออฟไลน์ หรือออนไลน์เป็นระยะๆ ผู้มีผลงานโดดเด่น 35 รายจะได้รับการต่อยอดเชิงลึก และทดสอบตลาด ฟรี!! อัดแน่นขนาดนี้ กลัวรึเปล่า สมัครเลย!! หลักสูตรที่ว่ากันว่าเข้ายาก ต้องแข่งขัน และข้อสอบท้าทายที่สุดหลักสูตรหนึ่งในประเทศ กำหนดการดำเนินกิจกรรม รับสมัครผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้ - 19 พ.ค. 65 ส่งสินค้า/เอกสารอธิบายธุรกิจ ตั้งแต่วันนี้ - 20 พ.ค. 65 เรียนออนไลน์ 6 วิชา วันที่ 1-19 พ.ค. 65 ทำข้อสอบคัดเลือก วันที่ 20 พ.ค. 65 ประกาศผลการคัดเลือก 70 กิจการ วันที่ 25 พ.ค. 65 พิธีเปิดกิจกรรม วันที่ 6 มิ.ย. 65 เรียนในห้องเรียน วันที่ 6-11 มิ.ย. 65 เรียนนอกห้องเรียน+เวิร์กชอปในพื้นที่จริง วันที่ 4-8 ก.ค. 65 กิจกรรมต่อยอดเชิงลึก และทดสอบตลาด เดือน ส.ค. 65 พิธีปิด และมอบวุฒิบัตร เดือน ส.ค. 65 (เฉพาะผู้ที่จบหลักสูตรตามเกณฑ์ที่กำหนด เกรดไม่ต่ำกว่า 2.00 เรียนครบเกิน 90% ของวันเรียนที่กิจกรรมกำหนด) รับสมัครแล้ววันนี้ ถึง 19 พ.ค. เท่านั้น หลักสูตรนี้ "ไม่เสียค่าใช้จ่าย" สนับสนุนโดย กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องรับผิดชอบค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าอาหารด้วยตนเอง ตลอดหลักสูตร) มีการวางเงินมัดจำ จำนวน 5,000 บาท โดยต้องเข้าเรียนเกิน 90% ของวันเรียนที่กิจกรรมกำหนด และจบหลักสูตรด้วยเกรด 2.00 ขึ้นไป สมัครได้แล้ว ที่นี่ มาเป็นครอบครัว GA ด้วยกันนะครับ แล้วพบกัน หากมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ทาง Line : @geniusacademy (มีเครื่องหมาย @ ด้วย) Facebook : Genius Academy Mobile : 06 4721 8102 กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ##DIPROMGeniusAGRO360 #IAID #DIProm #กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม #กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
11 พ.ค. 2565
ดีพร้อม โชว์ผลสำเร็จพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสร้างสรรค์ พร้อมชูบ้านมอญสุดยอดเครื่องปั้นดินเผา
ดีพร้อม โชว์ผลสำเร็จพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสร้างสรรค์ พร้อมชูบ้านมอญสุดยอดเครื่องปั้นดินเผา
จ.นครสวรรค์ 8 พฤษภาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าและรับฟังสรุปภาพรวมของชุมชนบ้านมอญ หนึ่งในชุมชนหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ดีพร้อม หรือ หมู่บ้าน DIPROM CIV โดยมี นายเอกลักษณ์ กษมากรณ์ คณะกรรมการกลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเครื่องปั้นดินเผา ณ ชุมชนบ้านมอญ อำเภอเมืองนครสวรรค์ “ชุมชนบ้านมอญ” ถือเป็นชุมชนชาวมอญเก่าแก่ของนครสวรรค์ มีชื่อเสียงมากเรื่องเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผาจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน และได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพดี เป็นสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวของนครสวรรค์ และเป็น 1 ในสินค้าไทยเด่นจาก 77 จังหวัด โดยมีจุดเด่น คือ ใช้ดินเหนียวคุณภาพดีในท้องถิ่น ปั้นง่าย เผาแล้วไม่แตก อีกทั้ง ฝีมือการปั้นที่ประณีต สร้างสรรค์ผลงานหลากหลายรูปแบบ ทั้งทำเป็นของที่ระลึก ตกแต่งบ้าน ตกแต่งสวน ในราคาย่อมเยา ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งรูปแบบร่วมสมัย การทำสีลวดลายให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมกระบวนการผลิตได้อย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตแบบโบราณที่ปั้นด้วยแป้นหมุนมือและเผาด้วยเตาโบราณ จนถึงกรรมวิธีสมัยใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการส่งขายทั่วไทย รวมทั้งส่งออกต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอีกด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาชุมชนบ้านมอญ ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 3 (DIPROM CENTER 3) ในการส่งเสริมและพัฒนาการยกระดับหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ดีพร้อมสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การถ่ายทอดความรู้ด้านกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process) รวมทั้งเทคโนโลยี ซึ่งช่วยลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตได้ถึง 20% นอกจากนี้ อธิบดีดีพร้อมและคณะยังได้เยี่ยมชมศูนย์วัฒนธรรมไทยดำและรับฟังสรุปภาพรวมผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ รวมถึงความต้องการของศูนย์ดังกล่าว พร้อมทั้งมอบหมายให้ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 3 เร่งหาแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเพื่อยกระดับศักยภาพและเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวต่อไป ### PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
09 พ.ค. 2565
“ดีพร้อม” ลุยฝึกอาชีพระยะสั้น สร้างอาชีพ-รายได้ชาวปากน้ำโพ คาดฟื้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้เสริมเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า
“ดีพร้อม” ลุยฝึกอาชีพระยะสั้น สร้างอาชีพ-รายได้ชาวปากน้ำโพ คาดฟื้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้เสริมเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า
จ.นครสวรรค์ 8 พฤษภาคม 2565 - นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดและแถลงข่าวโครงการ “DIPROM ยกระดับสินค้าชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นำสู่รายได้คืนถิ่นชุมชน” ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ร่วมด้วย นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางสาวชุติพร เสชัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้แทนชุมชนและประชาชนในพื้นที่จำนวนกว่า 500 คน โดยมี ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว ณ ห้องประชุมเทศบาลนครนครสวรรค์ ชั้น 5 อําเภอเมืองนครสวรรค์ ดีพร้อม เดินหน้าต่อเนื่องตามนโยบายดีพร้อมแคร์ (DIPROM CARE) รุดสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากทุกพื้นที่ทั่วไทยให้ดีพร้อม ซึ่งมุ่งเน้นการปรับรูปแบบการดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพชุมชน (C-Customization) รวมทั้งปฏิรูปแนวทางการดำเนินงาน (R-Reformation) ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการและชุมชนในทุกมิติ ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ตลอดจนการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนเส้นทางท่องเที่ยวให้กับชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้แก่ชุมชนให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ภายใต้ โครงการ “DIPROM ยกระดับสินค้าชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นำสู่รายได้คืนถิ่นชุมชน” โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน เสริมทักษะการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการและชุมชนในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งได้ดำเนินการผ่านการจัดฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมจำนวน 500 คน โดยคาดว่าจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างรายได้เสริมให้ชุมชนบ้านมอญเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ขณะเดียวกัน ดีพร้อมยังมีแนวทางที่จะมีความร่วมมือกับทาง กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) อย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนในระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ดีพร้อมได้มีการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ดังนี้ 1) การพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ดีพร้อม (DIPROM CIV) โดยได้พัฒนาชุมชน เครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญและชุมชนบ้านปากคลองเกยไชย ซึ่งทั้ง 2 ชุมชนนี้ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาชุมชนบ้านเขาแหลม โดยนําจุดแข็งด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญาของชุมชนมาสร้างเป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่และเชื่อมโยงสู่ภาคการผลิตและการท่องเที่ยว 2) การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนพื้นที่สู่การยอมรับของตลาดเป้าหมาย โดยการพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้แปรรูปและผู้จัดจําหน่ายในห่วงโซ่สมุนไพรของพื้นที่ จํานวน 150 คน และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรท้องถิ่น จํานวน 5 ผลิตภัณฑ์ และ 3) การยกระดับศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนสู่ความ ยั่งยืน (ITC– ชุมชน) โดยยกระดับกระบวนการผลิตสู่อุตสาหกรรมศักยภาพ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปฝรั่งอบแห้งให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฝรั่งอินทรีย์ นอกจากนี้ ดีพร้อม ยังได้ร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ดําเนินโครงการ “กสอ“ คิด ”กทบ“ ช่วยธุรกิจชุมชน เรียนแล้ว สร้างได้ ขายเป็น” ด้วยการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP ต่อยอดมาตรการฟื้นฟูอุตสาหกรรมไทย เน้นการพัฒนาทักษะการทําตลาดแบบ E – commerce พร้อมพัฒนาผู้เชี่ยวชาญประจําท้องถิ่นให้มีองค์ความรู้และสามารถเป็นพี่เลี้ยงในแต่ละชุมชนได้อย่างมีประสิทธิผลต่อไป ### PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
09 พ.ค. 2565
“แม่ทัพณัฐพล” ลงพื้นปากน้ำโพ ตรวจความพร้อมพื้นที่เตรียมจัดงาน DIPROM ยกระดับสินค้าชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นำสู่รายได้คืนถิ่นชุมชน
“แม่ทัพณัฐพล” ลงพื้นปากน้ำโพ ตรวจความพร้อมพื้นที่เตรียมจัดงาน DIPROM ยกระดับสินค้าชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นำสู่รายได้คืนถิ่นชุมชน
จ.นครสวรรค์ 7 พฤษภาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการจัดเตรียมงานแถลงข่าวและพิธีเปิดโครงการ “DIPROM ยกระดับสินค้าชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นำสู่รายได้คืนถิ่นชุมชน” ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ณ ห้องประชุมเทศบาลนครนครสวรรค์ ชั้น 5 อําเภอเมืองนครสวรรค์ ### PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
09 พ.ค. 2565
“อธิบดีณัฐพล” ลงพื้นที่เมืองชาละวัน หนุนสร้างอาชีพให้ชุมชน รองรับแรงงานกลับถิ่น พร้อมชูผลิตภัณฑ์ GI และต้นแบบหมู่บ้าน DIPROM CIV ตั้งเป้าดันเศรษฐกิจฐานรากเต็มสูบ
“อธิบดีณัฐพล” ลงพื้นที่เมืองชาละวัน หนุนสร้างอาชีพให้ชุมชน รองรับแรงงานกลับถิ่น พร้อมชูผลิตภัณฑ์ GI และต้นแบบหมู่บ้าน DIPROM CIV ตั้งเป้าดันเศรษฐกิจฐานรากเต็มสูบ
จ.พิจิตร 7 พฤษภาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานและแถลงข่าว พิธีเปิดโครงการ “DIPROM ยกระดับสินค้าชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นำสู่รายได้คืนถิ่นชุมชน” ในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ร่วมด้วย นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายธวัชชัย เลี้ยงประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้แทนชุมชนและประชาชนในพื้นที่จำนวนกว่า 200 คนโดยมี นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว ณ วัดทับปรูพัฒนาราม ตําบลทับหมัน อําเภอตะพานหิน ดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าต่อเนื่องตามนโยบายดีพร้อมแคร์ (DIPROM CARE)ในการส่งเสริม ฝึกอาชีพและพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพให้แก่ชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้แก่ชุมชนให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ภายใต้ โครงการ “DIPROM ยกระดับสินค้าชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นำสู่รายได้คืนถิ่นชุมชน” โดยการจัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาสินค้าชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ เสริมทักษะการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการและชุมชนในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งได้ดำเนินการผ่านการจัดฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น ด้วยการสร้างอาชีพจากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นนำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในพื้นที่และสร้างอาชีพให้กับแรงงานกลับถิ่น ประกอบด้วย การสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรท้องถิ่น การทําไม้กวาดดอกหญ้า การทําไม้กวาดทางมะพร้าว ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมจำนวน 200 คน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ดีพร้อมได้มีการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยการส่งเสริมการขอรับการขึ้นทะเบียนสินค้าบ่งชี้ ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications) หรือสินค้า GI ให้กับผลิตภัณฑ์หลักของจังหวัด ได้แก่ 1) ส้มโอท่าข่อยเมืองพิจิตร ซึ่งดีพร้อมได้สร้างระบบควบคุมภายใน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ส้มโอท่าข่อยไว้ 2) ข้าวขาวกอเดียวพิจิตร หรือ ข้าวขาวกอเดียว 35 ได้รับการผลักดันให้เป็น สินค้า GI อีกประเภทหนึ่ง ปลูกได้เฉพาะในพื้นที่จังหวัดพิจิตรเท่านั้นโดยมีการพัฒนาผ่านการรวมกลุ่ม SMEs และเชื่อมโยงอุตสาหกรรมข้าวคนอินทรีย์ จํานวน 13 ราย นอกจากนี้ ดีพร้อม ยังได้เข้าไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ดีพร้อม หรือ หมู่บ้าน DIPROM CIV คือ ชุมชนบ้านวังกรด ผ่านการให้ความรู้ตามแนวทางการสร้างความเข้าใจด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวชุมชน การจัดเส้นทางเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวชุมชน การต้อนรับนักท่องเที่ยว และช่องทางการจัดการตลาดออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้ชุมชนมีช่องทางการตลาดและรายได้เพิ่มขึ้นส่งผลให้หมู่บ้านวังกรดมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 500,000 บาทต่อปี รวมถึงการเข้าไปช่วยเกษตรกรสมาชิกในการพัฒนาทักษะการผลิตผลิตภัณฑ์และการสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยการให้องค์ความรู้และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรของพื้นที่อีกด้วย ### PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
09 พ.ค. 2565