โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
ดีพร้อม สักการะพระนารายณ์ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และทำพิธีเจิมป้ายชื่อศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM MICE CENTER)
ดีพร้อม สักการะพระนารายณ์ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และทำพิธีเจิมป้ายชื่อศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM MICE CENTER)
จ.ลำปาง 3 กุมภาพันธ์ 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ร่วมสักการะองค์พระนารายณ์ และศาลพระภูมิประจำศูนย์พัฒนาเซรามิกและวัสดุอุตสาหกรรม และทำพิธีเจิมป้ายชื่อศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ (DIPROM Meeting, Industrial Conference and Exhibition Center : DIPROM MICE CENTER) โดยพระพรหมมงคลวัชโรดม (โอภาส โอภาโส) เจ้าอาวาสวัดจองคำ พระอารามหลวง ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 เจ้าสำนักศาสนศึกษาวัดจองคำ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน "DIPROM MOTOR SHOW 2022" ระหว่างวันที่ 9 - 16 กุมภาพันธ์ 2565 งานมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมสินค้าดีมีคุณภาพ ครั้งแรกในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งภายในงานจะได้พบรถยนต์และจักรยานยนต์ กว่า 20 ค่ายดัง ยกขบวนพาเหรดโปรโมชั่นส่วนลดสุดพิเศษไม่ต่ำกว่า 10% ฟรีดาวน์ ตลอดจนส่วนลดกว่า 70% สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคคุณภาพดีจากผู้ประกอบการทั่วไทยกว่า 40 ราย อาทิ สินค้าเกษตรแปรรูปและชิ้นส่วนเครื่องจักรกล เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ของใช้ของตกแต่ง และเครื่องนุ่มห่ม รวมทั้งร้านอาหารยอดนิยมของเมืองลำปางด้วย ### PRDIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
03 ก.พ. 2565
ดีพร้อม ผนึกกำลัง มธ. ลำปาง  สร้าง MOU ประเดิมนโยบายดีพร้อมแคร์ อัพเกรดสินค้าชุมชนด้วยการออกแบบ - วัสดุสร้างสรรค์สู่เชิงพาณิชย์
ดีพร้อม ผนึกกำลัง มธ. ลำปาง สร้าง MOU ประเดิมนโยบายดีพร้อมแคร์ อัพเกรดสินค้าชุมชนด้วยการออกแบบ - วัสดุสร้างสรรค์สู่เชิงพาณิชย์
จ.ลำปาง 3 กุมภาพันธ์ 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และรองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ การส่งเสริมและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และหัตถอุตสาหกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมี นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายจําลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําปาง รองศาสตราจารย์ ดร.สุปรียา แก้วละเอียด รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์ลําปางและกฎหมาย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุชา ทีรคานนท์ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะผู้บริหารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือในครั้งนี้ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ อำเภอเกาะคา ดีพร้อม ผนึกกำลังกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ทำข้อตกลงร่วมกัน ภายใต้ นโยบายดีพร้อมแคร์ ที่มุ่งเน้นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันในการเชื่อมโยงพันธมิตรระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งภายในและต่างประเทศ โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีความโดดเด่นในแต่ละด้านมาช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจอุตสาหกรรม วิสาหกิจชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการใหม่ให้มีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการการส่งเสริมและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และหัตถอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ และวิสาหกิจชุมชน โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนแผนพัฒนาจังหวัดลำปางและภูมิภาค รวมถึงให้ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคเหนือมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านความร่วมมือ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. ด้านบุคลากรมีความรู้ความสามารถ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการให้ความรู้ทักษะด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์แก่นักศึกษาของศูนย์ลำปาง และ 2. ด้านสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เทคโนโลยี และสถานที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในการฝึกภาคปฏิบัติสำหรับนักศึกษา รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาการออกแบบและการผลิตอุตสาหกรรมแก่คณาจารย์และนักศึกษาของศูนย์ลำปาง นอกจากนี้ ยังจะใช้ประโยชน์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ในการเพิ่มประสิทธิภาพวัตถุดิบและการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัด โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของการเป็น “นครแห่งเซรามิกและเครื่องปั้นดินเผา” ให้เป็นที่ยอมรับในบริบทใหม่ ๆ ต่อไป ทั้งนี้ เป้าหมายของความร่วมมือดังกล่าว เป็นการสนับสนุนแผนพัฒนาจังหวัดลำปางและภูมิภาค รวมถึงให้ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคเหนือเกิดการต่อยอดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Innovation Drive Economy) และนโยบายสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมมีผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมรูปแบบใหม่ ๆ อีกทั้ง ยังเป็นการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมีการพัฒนานวัตกรรมและวัสดุอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่า และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการต่อยอดการผลิตเชิงพาณิชย์ต่อไป ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
03 ก.พ. 2565
อธิบดีณัฐพล นำทีมเช็คความพร้อมพื้นที่จัดพิธีลงนาม MOU ร่วมกับ ม.ธรรมศาสตร์ และ "DIPROM MOTOR SHOW 2022"
อธิบดีณัฐพล นำทีมเช็คความพร้อมพื้นที่จัดพิธีลงนาม MOU ร่วมกับ ม.ธรรมศาสตร์ และ "DIPROM MOTOR SHOW 2022"
จ.ลำปาง 2 กุมภาพันธ์ 2565 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม เยี่ยมชม และตรวจตราความเรียบร้อยของสถานที่จัดงาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ การส่งเสริมและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และหัตถอุตสาหกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2565) และสำรวจพื้นที่สำหรับจัดงาน "DIPROM MOTOR SHOW 2022" ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ อำเภอเกาะคา โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นก้าวแรกภายใต้นโยบายดีพร้อมแคร์ ผ่านความร่วมมือทางวิชาการ การส่งเสริมและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และหัตถอุตสาหกรรมในการส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน โดยเน้นการ สร้างความร่วมมือ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. ความร่วมมือด้านบุคลากร การถ่ายทอดความรู้ความสามารถ ทักษะ ความชำนาญและประสบการณ์ในด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ 2.ความร่วมมือ ด้านสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เทคโนโลยี และสถานที่ในการฝึกภาคปฏิบัติ การวิจัยและพัฒนาการออกแบบและการผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งจะมุ่งเน้นการสนับสนุนแผนพัฒนาจังหวัดลำปางและภูมิภาค รวมถึงกระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคเหนือเกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังได้สำรวจความพร้อมของพื้นที่จัดงาน "DIPROM MOTOR SHOW" อาทิ ป้ายชื่อศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกภายในงานดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมต่อไป ### PRDIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
03 ก.พ. 2565
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม เปิดแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและธุรกิจภาคอุตสาหกรรมผ่านนโยบาย “ดีพร้อมแคร์”
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม เปิดแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและธุรกิจภาคอุตสาหกรรมผ่านนโยบาย “ดีพร้อมแคร์”
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม เปิดแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและธุรกิจภาคอุตสาหกรรมผ่านนโยบาย “ดีพร้อมแคร์” โดยเป็นการยกระดับและฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ตรงกับทุกปัญหาและความต้องการ ด้วย 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การเจาะลึกและเข้าถึงปัญหาของผู้ประกอบการด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ, การเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงเครื่องมือและโครงการของดีพร้อม,การปฏิรูปศูนย์และโครงการต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการพัฒนาการผลิตและการดำเนินธุรกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการเชื่อมโยงพันธมิตรในทุกระดับเพื่อบูรณาการทำงานจากทั้งในและต่างประเทศ คาดพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการกว่า 16,000 ราย สร้างมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 หลายธุรกิจอุตสาหกรรมเริ่มมีการฟื้นตัวและส่งสัญญาณการเติบโตที่ดีขึ้น โดยกลุ่มที่สำคัญอย่าง MSMEs พบว่าวิสาหกิจขนาดย่อย (Micro) มีการฟื้นตัวค่อนข้างเร็วประมาณร้อยละ 8 เนื่องด้วยมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐ ขณะที่กลุ่มวิสาหกิจขนาดย่อม (SEs) ยังคงฟื้นตัวได้ช้า โดยมีปัจจัยสำคัญคือขาดเงินทุนหมุนเวียน ส่วนในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง (MEs) ยังคงฟื้นตัวได้แต่เป็นไปอย่างช้า ๆ ที่ร้อยละ 2.2 ซึ่งมีแรงบวกจากภาคการส่งออก และเงินทุนหมุนเวียนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทางด้านอุตสาหกรรมในภาพรวมพบว่า GDP ภาคอุตสาหกรรมสามไตรมาสแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 5.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่หดตัวร้อยละ 7.4 และภาคการผลิตกำลังกลับมาฟื้นตัวเนื่องด้วยตลาดส่งออกขยายตัวจากมาตรการทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยประเภทของอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงการผลิตในภาคการเกษตรเนื่องด้วยอัตราความต้องการในการบริโภคที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ทั้งนี้จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น กรมส่งเสริมอุตสาหกกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม ได้เล็งถึงโอกาสในการเร่งฟื้นฟูและพัฒนาผู้ประกอบการหลังจากได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมา และดีพร้อมได้ทราบถึงปัญหาที่แท้จริงจากการสำรวจปัญหา ความต้องการ และการรับฟังความคิดเห็นของเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้ตอบโจทย์ความต้องการในทุกมิติและสอดรับกับบริบททั้งในชิงเศรษฐกิจและสังคมผ่านแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2565 ภายใต้ นโยบาย “DIProm CARE: ดีพร้อม แคร์” ดังนี้ Customization – การวิเคราะห์ผลกระทบ ความเสี่ยง หรือปัจจัยโดยรวมที่มีผลต่อการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อทำให้ผู้ประกอบการและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริง โดยจะนำศาสตร์ Shindan ซึ่งเป็นศาสตร์การวินิจฉัยจากญี่ปุ่นมาช่วยในการเจาะลึกต้นตอของปัญหาธุรกิจ พร้อมทั้งช่วยออกแบบหรือ สรรหาเครื่องมือ เทคโนโลยี ที่เหมาะสมกับระดับของสถานประกอบการ ตลอดจนวิเคราะห์และช่วยทำแผนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในเชิงพื้นที่ เพื่อให้เป็นไปตามบริบทที่แท้จริง Accessibility – เนื่องด้วยการกระจุกตัวของของหน่วยงานด้านความช่วยเหลือภาคธุรกิจ และการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่ยังคงอยู่ในส่วนกลาง ตลอดจนการเริ่มกระจายตัวของผู้ประกอบการที่ขยายไปสู่ระดับภูมิภาคมากขึ้น ดีพร้อมจึงได้ขยายช่องทางการเข้าถึงทั้งที่เป็นเครื่องมือบุคลากรในการให้คำปรึกษา รวมถึงโครงการและศูนย์การส่งเสริมไปสู่ระดับภูมิภาคเพื่อให้ทุกกลุ่มธุรกิจ และวิสาหกิจชุมชนสามารถเข้าถึงการสนับสนุนได้อย่างเท่าเทียม โดยมีตัวอย่างเช่น Diprom E-service หรือการนำระบบ Online มาใช้ในการให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายทั้งในเรื่องการส่งเสริมองค์ความรู้ การให้คำปรึกษาทางไกล ฯลฯ ตลอดจนการจัดมหกรรมในด้านธุรกิจที่จะขยายไปสู่ระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง Reformation – เนื่องด้วยบริบทการดำเนินธุรกิจในยุค New Normal ที่ส่งผลให้การประกอบธุรกิจต้องตระหนักและมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัญหาที่พบเจอของผู้ประกอบการ เช่น เทคโนโลยี การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับแต่ละตลาด หรือแม้แต่กระทั่งความสามารถของแรงงานในแต่ละภูมิภาคที่กลับคืนถิ่น ดีพร้อมจึงตระหนักและได้ปฏิรูปกลไกการดำเนินงานในภาพรวมของทุกโครงการ และการดำเนินงานศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคให้มีรูปแบบการทำงานที่สอดคล้องกับยุค New Normal หรือเศรษฐกิจวิถีใหม่ ตลอดจนเพิ่มบทบาทของศูนย์ฯ เพื่อทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ามาใช้บริการได้อย่างครบวงจร Engagement – เป็นการอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีความโดดเด่นในแต่ละด้านทั้งภาครัฐและเอกชน มาช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจอุตสาหกรรม วิสาหกิจชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการใหม่ให้มีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้นในรูปแบบแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างหน่วยงานเครือข่าย ตลอดจนการเชื่อมโยงพันธมิตรเพื่อจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านรูปแบบการจับคู่ธุรกิจ การทดสอบตลาด อีกทั้งยังได้ดึงความร่วมมือจากนานาชาติมาร่วมพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทย เช่น สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI) รวมถึงมีแผนจะขยายความสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไปประเทศอื่น ๆ อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐฝรั่งเศส และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้ผลผลิตทางอุตสาหกรรมของไทยได้มีโอกาสก้าวสู่ตลาดโลกที่กำลังจะมีการเปิดประเทศมากขึ้น ในอนาคต นอกจากนี้ภายใต้นโยบายดังกล่าวดีพร้อมได้วางรูปแบบและโปรแกรมสนับสนุนภาคธุรกิจ 4 ด้านประกอบด้วย ด้านการสนับสนุนปัจจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประกอบด้วย โครงการ CIV+ การยกระดับสินค้าและบริการในชุมชนท่องเที่ยวให้มีมูลค่าและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศรวมถึงสามารถดึงดูดการจ้างงานได้ โครงการถุงดีพร้อมช่วยธุรกิจชุบชีวิตชุมชน ซึ่งเป็นการทดสอบตลาดผ่านถุงดีพร้อมและช่วยผู้ได้รับผลกระทบในวิกฤต การส่งเสริม E-Commerce 3.0 ในการยกระดับการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ พัฒนาผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมทั้งโครงการ Logistics-for-เกษตรอุตสาหกรรม เป็นการพัฒนาระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเกษตรตั้งแต่ต้นทางสู่ปลายทาง อีกทั้งยังจะมีการดึงเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจด้วยการนำ Digital SI-for-SME โดยการเชื่อมโยงผู้ประกอบการที่มีศักยภาพด้านออโตเมชั่นมาสนับสนุนการประกอบการของเอสเอ็มอีเพื่อเป็นการสร้างธุรกิจที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตภายใต้ S curve-for-SME ด้านการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน จะมีการยกระดับ ITC-2-OEM ศูนย์ปฏิรูปเกษตรอุตสาหกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ OEM โดยจะเชื่อมโยงผู้รับจ้างผลิตเพื่อให้ผู้ประกอบการที่พัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ผ่านศูนย์ ITC สามารถนำไปผลิตเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้จริง รวมถึงการขยายเครือข่าย IDC-2-Thai เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์สู่เชิงพาณิชย์ทั่วประเทศ ตลอดจนศูนย์ทดสอบคุณภาพมาตรฐานและรับรองแหล่งกำเนิดในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ อาหาร สินค้าฮาลาล กาแฟ ผลิตภัณฑ์พืชเศรษฐกิจใหม่ 3ก (กัญชง กัญชา กระท่อม) เครื่องเรือน และเซรามิก การสนับสนุนมาตรฐานและสินเชื่อ ผ่าน 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการส่งเสริมธุรกิจในไทย ในโครงการ MIT และ SME-GP เพื่อทำให้กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมมีโอกาสเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และโครงการ Thailand Textile Tag ซึ่งเป็นการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ผ้าที่ผลิตในประเทศไทย รวมถึงสินเชื่อดีพร้อมเปย์เพื่อให้ธุรกิจ SME มีเงินทุนหมุนเวียน และปรับปรุงคุณภาพของสินค้าและบริการ และด้านสุดท้ายคือ การสนับสนุนศักยภาพบุคลากร ผ่านการปั้นนักธุรกิจวิถีใหม่ในโครงการ NEC วิถีใหม่ โครงการ “ปลูกปั้น” คอร์สอบรมคนดีพร้อม และโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม หรือ คพอ. : Diprom mini MBA อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 จะดำเนินงานภายใต้งบประมาณการทำงาน 527.68 ล้านบาท โดยตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพบุคลากรในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่า 16,000 ราย และคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 7,000 ล้านบาท นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย
02 ก.พ. 2565
“อธิบดีณัฐพล” เข้าร่วมฟังปาฐกถาพิเศษ “รมว.กระทรวงอุตฯ” มุ่งเน้นพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสู่ศักยภาพใหม่: Thailand 2022 ในงานสัมมนาก้าวสู่ปีที่ 45 มติชน
“อธิบดีณัฐพล” เข้าร่วมฟังปาฐกถาพิเศษ “รมว.กระทรวงอุตฯ” มุ่งเน้นพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสู่ศักยภาพใหม่: Thailand 2022 ในงานสัมมนาก้าวสู่ปีที่ 45 มติชน
กรุงเทพฯ 31 มกราคม 2565 – ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมงานสัมมนาก้าวสู่ปีที่ 45 ของหนังสือพิมพ์มติชน โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน และคำกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “สู่ศักยภาพใหม่ : Thailand 2022” ร่วมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ บริษัทเอกชนชั้นนำของประเทศ และสื่อมวลเข้าร่วมงานดังกล่าว ณ ชั้น G อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 จตุจักร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาและความท้าทายใหม่ ๆ มากมาย โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขและมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภาครัฐผนวกกับความร่วมมือของทุกฝ่าย ทำให้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เห็นได้จากการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พบว่า ปี 2565 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI ขยายตัวร้อยละ 4.0-5.0 เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคอุตสาหกรรม หรือ GDP ภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวร้อยละ 2.5-3.5 สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมจำเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงภายหลังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและแสวงหาโอกาสจากการปรับตัวไปสู่รูปแบบชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal ด้วยการปรับทิศทางกลยุทธ์ในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม รวมทั้งอาศัยจุดแข็งของประเทศไทย ในหลาย ๆ ด้าน เพื่อสร้างความได้เปรียบและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในอนาคต ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังได้สร้างปัจจัยแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการพัฒนา ซึ่งมุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจและเร่งขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไปเป็นการมุ่งสู่การปรับโครงสร้างภาคเศรษฐกิจเพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่รัฐบาลให้ความสำคัญ คือ การส่งเสริมการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) ตลอดห่วงโซ่อุปทานที่เข้มแข็ง รวมถึงทำให้เกิดเม็ดเงินสู่ระบบแรงงานไทยอย่างยั่งยืน สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรม มีแนวทางการส่งเสริมการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศด้วยอุตสาหกรรมชุมชนผ่านการยกระดับอุตสาหกรรมชุมชนให้มีความเข้มแข็งผ่านการพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ หมู่บ้าน CIV ภายใต้ แนวคิดหลัก คือ การสร้างหมู่บ้านแห่งความสมดุลที่นำทุนวัฒนธรรมวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ชุมชนมาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เชื่อมโยงกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ก่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ยกระดับกระบวนการดำเนินงานให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ตรงประเด็น สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจอุตสาหกรรม สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วในทุกช่องทาง รวมทั้งได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานให้เหมาะสมกับยุคของ Next Normal อีกทั้ง ยังบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายใต้ตัวอย่างนโยบาย “DIProm CARE” ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม ขณะเดียวกัน ยังเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเท่าทันการเปลี่ยนแปลงและมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างมูลค่าที่เติบโตบนฐานนวัตกรรม องค์ความรู้ เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงมีการพัฒนาที่ยั่งยืนตามโมเดลอุตสาหกรรมรายสาขาและอุตสาหกรรมที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านการพัฒนาสำคัญ 6 ด้าน ได้แก่ 1. การส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรม โดยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในภาคเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สนับสนุนการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อเพิ่มผลิตภาพ พัฒนาการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยนวัตกรรมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพิ่มความหลากหลายสินค้าเกษตร และนำ Internet of Things (IoT) มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการการผลิต 2. การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ (S Curve) 3. การพัฒนาผู้ประกอบการและภาคการผลิตไปสู่ 4.0 โดยสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะ ส่งเสริม SMEs และวิสาหกิจชุมชนให้มีผลิตภาพ เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์อย่างสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและดิจิทัล รวมทั้งการพัฒนาปัจจัยเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมควบคู่กับการเพิ่มโอกาสทางการตลาดและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทุกระดับ 4. การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG 5. การจัดตั้งและส่งเสริมการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และ 6. การยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการที่สะดวกรวดเร็ว บูรณาการและเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการพัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างประเทศอีกด้วย ### PRDIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
02 ก.พ. 2565
เตรียมพบกับมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ของจังหวัดลำปาง DIPROM Motor Show 2022
เตรียมพบกับมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ของจังหวัดลำปาง DIPROM Motor Show 2022
เตรียมพบกับมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ของจังหวัดลำปาง DIPROM Motor Show 2022 ยกทัพค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่กว่า 12 ค่าย รถจักรยานยนต์กว่า 5 ค่ายชั้นนำของประเทศ มารวมกันในงานนี้ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษแบบไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้ ภายในงานยังมีงานเปิดบ้าน คพอ. Business Matching และมีสินค้าอุปโภคบริโภคอีกมายมากให้เลือกสรรในราคาประหยัด พบกันระหว่างวันที่ 9 – 16 กุมภาพันธ์นี้ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ ห้ามพลาด!!! กับงาน DIPROM Motor Show 2022 ที่เดียวจบครบเครื่องเรื่องยานยนต์กับดีพร้อม
31 ม.ค. 2565
ดีพร้อม เสริมทัพสู้ภัย COVID-19 เดินหน้าต่อยอดต้นแบบ 2 ผลงานเครื่องมือแพทย์ พร้อมส่งมอบความห่วงใยสู่บุคลากรทางการแพทย์ 23 แห่ง ทั่วประเทศ
ดีพร้อม เสริมทัพสู้ภัย COVID-19 เดินหน้าต่อยอดต้นแบบ 2 ผลงานเครื่องมือแพทย์ พร้อมส่งมอบความห่วงใยสู่บุคลากรทางการแพทย์ 23 แห่ง ทั่วประเทศ
กรุงเทพฯ 28 มกราคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายวิจักขณ์ รัตนสุวรรณ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม นางเกษสุดา ดอนเมือง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ กองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ดีพร้อม ร่วมส่งมอบต้นแบบเครื่องมือแพทย์ 2 ผลงาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 30 ชิ้น ให้แก่โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน 23 แห่ง ทั่วประเทศ โดยมี ผู้แทนจากสถานพยาบาลดังกล่าวเป็นผู้รับมอบในครั้งนี้ ณ ห้องธารกำนัล พระราชวังพญาไท เขตราชเทวี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การส่งมอบต้นแบบเครื่องมือแพทย์ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการส่งเสริมการขยายผลงานต้นแบบเครื่องมือแพทย์ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ รองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเป็นการพัฒนาและต่อยอดต้นแบบเครื่องมือแพทย์ ซึ่งมุ่งเน้นการประยุกต์เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว รวมทั้งสำรวจความต้องการจากบุคลากรทางการแพทย์และได้ปรับปรุงประสิทธิภาพ ซึ่งได้คัดเลือกต้นแบบเครื่องมือแพทย์ 2 ผลงาน มาปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานจากข้อเสนอแนะของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง จนได้เครื่องมือแพทย์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง ประกอบด้วย 1. เครื่อง Distancing Stethoscope หูฟังทางการแพทย์ โดยสามารถใช้งานได้ทั้งในรูปแบบ Acoustic Stethoscope ที่แพทย์มีความคุ้นเคย หรือรูปแบบ Bluetooth Wireless ที่สามารถส่งสัญญาณได้ไกลกว่า 5 - 10 เมตร เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างแพทย์ผู้ตรวจและผู้รับการตรวจ และ 2. เครื่องติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาเหมาะสำหรับการใช้งานในหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือ หน่วยบริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินและสามารถใช้ร่วมกับรถพยาบาลหรือพาหนะฉุกเฉินทางการแพทย์ เพราะมีน้ำหนักเบา มีแบตเตอรี่ในตัวสามารถใช้งานได้กว่า 2 ชั่วโมงต่อเนื่อง รวมทั้งมีหน้าจอระบบ touch screen สามารถขยายหรือลดขนาดคลื่นไฟฟ้าและหยุดหน้าจอชั่วขณะ เพื่อทำการวินิจฉัยอาการได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากกิจกรรมดังกล่าว ได้มีการขยายผล เพื่อจัดเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการและผู้สนใจด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งานต้นแบบโดยบุคลากรทางการแพทย์ การสาธิตและแนะนำการใช้งานต้นแบบและบรรยายเกี่ยวกับองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องมือแพทย์ โดย ดีพร้อม เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำไปสู่การใช้งานในสถานพยาบาลต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการแพทย์และสุขภาพสู่การใช้งานจริงในกลุ่มสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนการยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทยให้มีมาตรฐานในระดับสากล สามารถแข่งขันกับต่างประเทศและเกิดความยอมรับในสายตานานาชาติต่อไปได้ในอนาคต ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน /ภาพข่าว
31 ม.ค. 2565