โทรศัพท์ 1358
Advanced Search

Category
“ดีพร้อม” ดันเศรษฐกิจฐานราก เสิร์ฟโครงการปั้นอาชีพให้ดีพร้อม ชู 4 หลักสูตรเด็ด ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวฉะเชิงเทรา
“ดีพร้อม” ดันเศรษฐกิจฐานราก เสิร์ฟโครงการปั้นอาชีพให้ดีพร้อม ชู 4 หลักสูตรเด็ด ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา 26 พฤศจิกายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อผลักดัน ปั้นอาชีพให้ดีพร้อม ภายใต้โครงการ “ดีพร้อมผลักดัน ปั้นอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก” โดยมี นายลือชัย เย็นใจ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางเกลือ กล่าวต้อนรับ ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดบางเกลือ ตำบลบางเกลือ อำเกอบางปะกง โดยรูปแบบกิจกรรมเป็นการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อเพิ่มทักษะและองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการพัฒนาฝีมือด้านการประกอบอาชีพอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน พร้อมสอดแทรกด้วยภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ใน 4 หลักสูตร แบ่งเป็น อาหารคาว ของหวานและของทานเล่น 3 หลักสูตร ได้แก่ 1. น้ำพริกปลาสลิด สูตรพริกขิง 2. หมี่คลุกกอบโกย สูตรทำง่าย...ขายหมดเกลี้ยง 3. ขนมเปียกปูนใบเตยกะทิสด สูตรทำขาย และของใช้ในครัวเรือน 1 หลักสูตร คือ น้ำมันนวดสมุนไพรสุขเกษม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ “ดีพร้อม” ได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเพื่อต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ด้วยหลักสูตรฝึกอาชีพระยะสั้น ซึ่งสอดรับกับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐมีมาตรการในการช่วยเหลือหรือกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ได้ผลระยะยาว รวมถึงนโยบาย 4 มิติ ของกระทรวงอุตสาหกรรมในมิติที่ 4: “การกระจายรายได้” มุ่งเน้นการสร้างงาน สร้างอาชีพ และกระจายรายได้ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งนี้ “ดีพร้อม” คาดหวังว่าผู้เข้าร่วมฝึกอบรมจะนำทักษะที่ได้รับต่อยอดไปสู่การเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือนำไปปรับใช้กับธุรกิจเดิม หรืออาจทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในชุมชนจากการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและการจ้างงานภายในชุมชนได้อย่างยั่งยืนต่อไป
01 ธ.ค. 2025
เปิดฉากรอบปฐมทัศน์ My Century “ดีพร้อม” สร้างภาพยนตร์ สร้างคนทำอาหาร “ธนกร” การันตีความสนุก การันตีความอร่อย มอบ “พลอยลภัสร์” เปิด “สำรับ สลับศตวรรษ” : ดีพร้อม-หวังปลุกกระแส Thainess ไม่ใช่แค่หนัง! หากแต่เป็น “อาหาร” ที่ทำให้คนทั่วโลกคลั่งไคล้ประเทศไทย
เปิดฉากรอบปฐมทัศน์ My Century “ดีพร้อม” สร้างภาพยนตร์ สร้างคนทำอาหาร “ธนกร” การันตีความสนุก การันตีความอร่อย มอบ “พลอยลภัสร์” เปิด “สำรับ สลับศตวรรษ” : ดีพร้อม-หวังปลุกกระแส Thainess ไม่ใช่แค่หนัง! หากแต่เป็น “อาหาร” ที่ทำให้คนทั่วโลกคลั่งไคล้ประเทศไทย
กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 - นางสาวพลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดตัวภาพยนตร์ เรื่อง “สำรับสลับศตวรรษ My Century” ร่วมด้วย นายสุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวจิรัฐติกาล จันทราทิพย์ ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม นายรฤกฤกษ์ กัลย์จาฤก ผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ นายศรัณย์ ศิริลักษณ์ นักแสดงนำชาย นางสาวเฌออัณณ์ ฤชวีชุติชัยยุทธ์ นักแสดงนำหญิง และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ โรงภาพยนตร์ที่ 14 พารากอนซีนีเพล็กซ์ ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ปทุมวัน นางสาวพลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารให้เติบโตและต่อยอดผ่านการพัฒนาทักษะ ยกระดับมาตรฐานอาหารไทยควบคู่ไปกับการใช้วัตถุดิบและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ พร้อมถ่ายทอดผ่านเรื่องราวการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเผยแพร่เอกลักษณ์ของอาหารและความเป็นไทยไปสู่ระดับสากล โดยใช้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้ามาเป็นกลไกขับเคลื่อนและสร้างมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การเล่าเรื่องอาหารไทยผ่านภาพยนตร์ จะสามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้ เพราะทำให้ผู้ชมมีความรู้สึกอยากลอง อยากค้นหา หรืออยากตามรอย และนำไปสู่การใช้จ่ายจริง โดยธุรกิจอย่างร้านอาหาร วัตถุดิบไทย สินค้าอาหาร และคอนเทนต์ต่อยอดต่าง ๆ สามารถใช้กระแสจากภาพยนตร์ไปขยายตลาดได้ทันที นอกจากนี้ ยังทำให้อาหารไทยมีพื้นที่ในตลาดใหม่ ๆ ทั้งด้านภาพลักษณ์ของประเทศและโอกาสทางเศรษฐกิจในระยะยาว ด้านนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทย ผ่าน 3 กลไกสำคัญ คือ (1) สร้างสรรค์และต่อยอดด้วยความคิดและนวัตกรรม (2) โน้มน้าวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและยอมรับ และ (3) เผยแพร่เรื่องราวต่าง ๆในวงกว้าง โดยได้มีการพัฒนาเชฟผ่านเมนูที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นผสมผสานกับเทคนิคการทำอาหาร เพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ นอกจากนี้ ยังพัฒนาร้านอาหารผ่านเมนูแต่ละจานที่ปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อถ่ายทอดเสน่ห์ไทยในทุกมิติ สำหรับภาพยนตร์ “สำรับ สลับศตวรรษ My Century” สร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจที่อยากจะนำเสนอ "สำรับไทย" ที่ไม่ใช่เพียงแค่อาหาร แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ และสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ผ่านเมนูอาหารที่บ่งบอกอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thainess) และเป็นพลังที่ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักและอยากสัมผัส โดยใช้การบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองที่สนุกสนาน น่าตื่นเต้น และเชื่อมโยงรากเหง้าทางวัฒนธรรมเข้ากับยุคสมัยผ่านมิติของเรื่องเล่า ความทรงจำ และคุณค่าทางวัฒนธรรมที่อยู่เบื้องหลังของเมนูอาหาร ซึ่งล้วนเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การส่งต่อให้แก่คนรุ่นใหม่ได้รับรู้และภาคภูมิใจในความเป็นไทย (Thainess) ให้เติบโตไปสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน อธิบดีณัฏฐิญา กล่าวทิ้งท้าย ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถรับชมภาพยนตร์เรื่อง “สำรับสลับศตวรรษ My Century” ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สุขุมวิท ระหว่างวันที่ 28 - 30 พฤศจิกายน 2568 และผ่านช่องทางดิจิทัล หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ อาทิ YouTube Facebook TikTok รวมถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Viu ที่ครอบคลุม 16 ประเทศทั่วโลก โดยคาดว่าสามารถสร้างให้เกิดการรับรู้ไม่น้อยกว่า 300,000 ครั้ง และเกิดการมีส่วนร่วมไม่น้อยกว่า 500 ครั้ง อันจะเป็นการเผยแพร่ความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยในระดับประเทศ
28 พ.ย. 2025
“ปลัดณัฐพล” มอบหมาย “ดีพร้อม” เสิร์ฟงานไว - เงินไว สร้างอาชีพ เสริมเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนบางกรูด ตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ Quick Big Win “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” ตามนโยบาย รมต.ธนกร และ รมช.จ่าเอก ยศสิงห์ ณ เมืองแปดริ้ว
“ปลัดณัฐพล” มอบหมาย “ดีพร้อม” เสิร์ฟงานไว - เงินไว สร้างอาชีพ เสริมเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนบางกรูด ตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ Quick Big Win “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” ตามนโยบาย รมต.ธนกร และ รมช.จ่าเอก ยศสิงห์ ณ เมืองแปดริ้ว
จ.ฉะเชิงเทรา 26 พฤศจิกายน 2568 - จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ลงพื้นที่ชุมชนตำบลบางกรูด จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดคอร์สฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น หลักสูตรพื้นฐานที่จำเป็นในการประกอบอาชีพผ่าน “โครงการ ดีพร้อม ผลักดัน ปั้นอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก” โดย นางสาวหนึ่งหทัย ธรรมพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 (DIPROM CENTER 9) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม ร่วมด้วยคณะผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรในพื้นที่ และประชาชนเข้าร่วม ณ ศาลาอเนกประสงค์ วัดผาณิตาราม ตำบลบางกรูด อำเภอบ้านโพธิ์ การจัดกิจกรรมฝึกอบรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อให้เห็นผลภายใน 120 วัน ผ่านมาตรการเชิงรุก “ดีพร้อมเสิร์ฟ” (DIPROM Serve) : เสิร์ฟงานไว เสริมแกร่งเศรษฐกิจฐานรากด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ ผ่านการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้เกิดประสบการณ์จริง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะตามบริบทของศักยภาพอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ ให้สามารถนำองค์ความรู้ไปต่อยอดในการสร้างอาชีพ โดยอาศัยจุดเด่นทั้งเอกลักษณ์และความโดดเด่นของสินค้าเกษตร ด้วยการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่าสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน ต่อยอดเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน ยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก่อให้เกิดการสร้างรายได้ด้วยตนเอง เกิดการสร้างงานและสร้างอาชีพในชุมชน ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโตและมีความเข้มแข็ง โดยมีประชาชนในพื้นที่ตำบลบางกรูด อำเภอบ้านโพธิ์ และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ชุมชนบางกรูดได้เข้าร่วมฝึกอบรมเรียนรู้ทักษะอาชีพใหม่ผ่านหลักสูตร “น้ำพริกปลานิลกรอบ” และ “ยำผลไม้น้ำปลาหวาน” แล้วยังสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยมาตรการ “เสิร์ฟเงินไว” ผ่าน “สินเชื่อเงินทุนหมุนไว ไฮซีซั่น” ภายใต้ โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย หรือดีพร้อมเปย์ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันยังมีการนำผู้ประกอบการต้นแบบของดีพร้อม (DIPROM) ที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจมาร่วมโชว์เคส รวมทั้งมีการอำนวยความสะดวกในการให้บริการของศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม (Business Service Center: BSC) เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและวิเคราะห์ปัญหาการประกอบธุรกิจเบื้องต้น และศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (Industrial Information Center: ITC) ที่ร่วมจัดแสดงนวัตกรรมการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรการผลิต รวมถึงบูธของหน่วยงานภาคีเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ร่วมจัดแสดงในการจัดกิจกรรมครั้งนี้อีกด้วย ถือเป็นการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมจากทุกหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมในการทำงานร่วมกันเป็น ทีม ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น สร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจชุมชน แต่ได้ผลระยะยาว เกิดกระจายตัวไปสู่ฐานรากของระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง
28 พ.ย. 2025
“ธนกร” สั่งการ “ดีพร้อม” เปิดศูนย์ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 เป็นพื้นที่พักพิงให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยในพื้นที่สงขลา พร้อมผนึกกำลังอุตสาหกรรมรวมใจลำเลียงเครื่องอุปโภค - บริโภคส่งตรงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
“ธนกร” สั่งการ “ดีพร้อม” เปิดศูนย์ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 เป็นพื้นที่พักพิงให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัยในพื้นที่สงขลา พร้อมผนึกกำลังอุตสาหกรรมรวมใจลำเลียงเครื่องอุปโภค - บริโภคส่งตรงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
กรุงเทพฯ 26 พฤศจิกายน 2568 - นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง โดยเร่งเปิดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว รองรับประชาชนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่กว่า 100 คน พร้อมรวมพลังอุตสาหกรรมรวมใจ ลำเลียงเครื่องอุปโภค - บริโภค เพื่อนำส่งไปยังประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ภาคใต้ โดยมี นายสุรพงศ์ นำชัยรุจิพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากกระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ ร่วมกันลำเลียงสิ่งของ ณ บริเวณชั้น 1 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องหลายวันทำให้มีปริมาณฝนสะสมสูง ประกอบกับเกิดน้ำหลากเข้าท่วมชุมชนและที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาซึ่งบางพื้นที่มีระดับน้ำสูงถึง 3 เมตร ส่งผลต่อที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพของประชาชนทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังส่งผลต่อผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้สั่งการให้ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งติดตามสถานการณ์และเปิดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 (ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11) เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนและผู้ที่อพยพ พร้อมผนึกกำลังความช่วยเหลือจากชาวอุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยประสบภัยพิบัติ เร่งลำเลียงเครื่องนอน หมอน มุ้งนมพร้อมดื่ม และน้ำดื่ม ส่งตรงถึงดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือกับประชาชนและผู้อพยพ พร้อมทั้งติดตามความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังเตรียมมาตรการต่าง ๆ รองรับสถานการณ์หลังน้ำลด ทั้งนี้ ดีพร้อม (DIPROM) ขานรับนโยบายเร่งด่วนจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมอบหมายให้ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 จัดเตรียมพื้นที่ เพื่อเปิดอาคารเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีพื้นที่สามารถรองรับผู้อพยพชั่วคราวได้กว่า 100 คน พร้อมประสานงานร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง อาทิ จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการจัดหาและรวบรวมเครื่องอุปโภค – บริโภค สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัยผ่านถุงยังชีพของอุตสาหกรรมรวมใจ ประกอบด้วย สิ่งของเครื่องใช้จำเป็น เครื่องอุปโภค-บริโภค และยารักษาโรค นอกจากนี้ “รมว.ธนกร” ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดจัดทำมาตรช่วยเหลือ การเยียวยา และฟื้นฟูผู้ประกอบการ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบผ่าน 3 แนวทางหลัก คือ เยียวยาเร่งด่วน สนับสนุนเงินทุน และฟื้นฟูธุรกิจ โดยจะเร่งดำเนินการ ให้ความช่วยเหลือครอบคลุมทุกมิติและครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป พร้อมเน้นย้ำ อุตสาหกรรมรวมใจ ส่งมอบกำลังใจไปให้ผู้ที่ประสบอุทกภัยให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปด้วยดี
27 พ.ย. 2025
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทีมดีพร้อมรวมพลังทำความดีด้วยหัวใจ อาสา “เปลี่ยนขยะให้เป็นบุญ” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทีมดีพร้อมรวมพลังทำความดีด้วยหัวใจ อาสา “เปลี่ยนขยะให้เป็นบุญ” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา
จ.สมุทรปราการ 25 พฤศจิกายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ “ร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ รวมใจดีพร้อม บริจาคขวดพลาสติกทำผ้าไตรจีวร ถวายเป็นพุทธบารมี” ร่วมด้วย นานสุรพล ปลื้มใจ นายดุสิต อนันตรักษ์ และนายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ณ วัดจากแดง บ้านจากแดง อ.พระประแดง สำหรับโครงการ “ร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ รวมใจดีพร้อม บริจาคขวดพลาสติกทำผ้าไตรจีวร ถวายเป็นพุทธบารมี” จัดขึ้นภายใต้กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันสวรรคต ครบ 100 ปี ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว และเนื่องในโอกาสวันประสูติ ครบ 100 ปี ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแสดงความจงรักภักดีและถวายเป็นพระราชกุศลแด่ทั้งสองพระองค์ โดย เจ้าหน้าที่ส่วนกลางของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) จากพระรามที่ 4 และ พระรามที่ 6 ได้พร้อมใจกันทำความดีด้วยหัวใจ โดยการรวบรวมขวดเปล่าพลาสติกที่เหลือจากการบริโภคน้ำดื่มแล้วนำไปบริจาคให้กับวัดจากแดง เพื่อรีไซเคิลเป็นผ้าไตรจีวรและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยขวดน้ำพลาสติกใส หรือขวดพลาสติก จำนวน 15 ขวด สามารถแปรรูปเป็นเส้นใยทอผ้าไตรจีวรได้ 1 ผืน และ 60 ขวด สามารถทอผ้าไตรจีวรได้ 1 ชุด ซึ่งถือเป็นกลไกที่ช่วยลดระยะเวลาการย่อยสลาย อีกทั้ง ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของขวดพลาสติกที่เหลือใช้อีกด้วย โดยกิจกรรมวันนี้ อธิบดีณัฏฐิญา ได้นำคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อมร่วมกันดูแลและบำรุงรักษาต้นไม้เนื่องในวันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ ปี 2568 หลังจากนั้น ได้ออกเดินทางไปยังวัดจากแดงเพื่อร่วมกันทำกิจกรรรมจิตอาสาและเปลี่ยนขยะให้เป็นบุญ พร้อมทั้งรับฟังบรรยายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยวิทยากรวัดจากแดง นายทิพากร จุลกทัพพะ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ประกอบด้วย (1) การเพาะปลูกต้นกล้า (2) เพนท์ถุงผ้าลดโลกร้อน (3) ทำอิฐตัวหนอนจากขยะโฟม (4) ร้อยพวงกุญแจรีไซเคิล และ (5) คัดแยกขวดพลาสติก ซึ่งมีคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อมจากส่วนกลางเข้าร่วมทำกิจกรรมตามกลุ่มต่าง ๆ จำนวน 110 คน ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว จะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการยกระดับจิตใจของบุคลากรดีพร้อมให้มีจิตสาธารณะ การปลูกฝังจิตสำนึกให้มีจิตอาสา รับผิดชอบต่อสังคม และเห็นถึงความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรดีพร้อมในการช่วยกันลดปริมาณขยะพลาสติกในองค์กร อีกทั้ง ยังตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยการนำขวดพลาสติกกลับไปรีไซเคิลเพื่อใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในการทำอิฐตัวหนอนจากขยะโฟม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในชุมชนโดยรอบวัด การร้อยพวงกุญแจรีไซเคิลและการเพนท์ถุงผ้าลดโลกร้อน เพื่อส่งมอบต่อให้โรงพยาบาลนำไปใช้แทนถุงพลาสติก และการเพาะปลูกต้นกล้าเพื่อนำไปปลูกป่าต่อไป
27 พ.ย. 2025
“รองอธิบดีสุรพล” ชื่นชมและแสดงความยินดีสุดยอดเชฟที่ผ่านการคัดสรรจาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ โชว์ศักยภาพความคิดสร้างสรรค์ ถ่ายทอดเสน่ห์และแสดงพลังของอาหารไทย สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต
“รองอธิบดีสุรพล” ชื่นชมและแสดงความยินดีสุดยอดเชฟที่ผ่านการคัดสรรจาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ โชว์ศักยภาพความคิดสร้างสรรค์ ถ่ายทอดเสน่ห์และแสดงพลังของอาหารไทย สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต
กรุงเทพฯ 23 พฤศจิกายน 2568 - นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรมคัดเลือก Success Case สุดยอดเชฟอาหารถิ่นไทยสู่สากล ระดับประเทศ โดยมี นายพิรุฬห์ รังสิตโยธิน ผู้แทนสมาคมเชฟประเทศไทย ดร.ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารและสตรีทฟู๊ดไทย นายชุมพล แจ้งไพร ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้าน Soft Power และทูตอาหารเพื่อความยั่งยืน ผศ.ดร.อานรรต ใจสาราญ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายจิระวุฒิ ทรัพย์คีรี เจ้าของร้านอาหารศรแดง เมธาวลัย และเจ้าหน้าที่ DIPROM เข้าร่วมกิจกรรมและเป็นกรรมการคัดเลือก ณ สถาบันการอาหารไทย ทีซีเอ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กิจกรรมคัดเลือก Success Case สุดยอดเชฟอาหารถิ่นไทยสู่สากล ระดับประเทศ ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพเชฟอาหารไทยทั่วประเทศ ให้มีทักษะและองค์ความรู้ด้านอาหารไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นแรงงานทักษะสูง โดยมีการการพัฒนาในด้านการนำเสนอเมนู และการใช้เทคนิคสมัยใหม่ในการประกอบอาหาร รวมถึงการรักษาอัตลักษณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่ไปกับความเป็นสากล ซึ่งมีการฝึกอบรมเชิงลึกกว่า 24 ชั่วโมง เพื่อพัฒนาทักษะทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ซึ่งเป็นสร้างเชฟไทยรุ่นใหม่ที่โดดเด่นบนเวทีโลก ในการคัดเลือกครั้งนี้ เป็นการค้นหาสุดยอดเชฟที่จะเป็น Success Case ระดับประเทศ จำนวน 5 คน จากผู้เข้าแข่งขัน 40 คน ใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และฝีมือที่ยอดเยี่ยม อันสะท้อนถึงพลังของอาหารไทยบนเวทีนานาชาติในระดับสากลต่อไป
27 พ.ย. 2025
“รมว.ธนกร” นำคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจฯ ณ DIPROM Center 7 จ.อุบลราชธานี สั่งการ “ดีพร้อม” เปิดศูนย์พักพิง ร่วมลำเลียงสิ่งของจำเป็น หนุนภารกิจทหารแนวหน้า ช่วยผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
“รมว.ธนกร” นำคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจฯ ณ DIPROM Center 7 จ.อุบลราชธานี สั่งการ “ดีพร้อม” เปิดศูนย์พักพิง ร่วมลำเลียงสิ่งของจำเป็น หนุนภารกิจทหารแนวหน้า ช่วยผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
จ.อุบลราชธานี - 22 พฤศจิกายน 2568 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ภายใต้ “ศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย ประสบภัยพิบัติ” ณ หอประชุม มณฑลทหารบกที่ 22 จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี ว่าที่ร้อยตรีกรกฎ ประเสริฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และพันเอก ฐาพล อ้อชัยภูมิ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด้วย นายธนกร กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ เพื่อให้กำลังใจและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งในมิติด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีระกุล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยและจะช่วยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้ “ศูนย์อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย ประสบภัยพิบัติ” มีเป้าหมายเพื่อมอบถุงยังชีพ สิ่งของอุปโภค บริโภค ทั้งอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นต่อการดำรงชีพ ให้แก่มณฑลทหารบกที่ 22 เพื่อนำไปช่วยเหลือ สนับสนุนกำลังพล หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้ง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางมนุษยธรรม และสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย อย่างไรก็ตาม หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับคืนสู่ความสงบ มีความมั่นคง สันติ และเป็นพื้นที่แห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เพื่อให้ประชาชนทุกครอบครัวสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว “ผมขอให้กำลังใจทหารทุกนายที่ยืนหยัดปกป้องแผ่นดินไทย ขอบคุณที่เสียสละทั้งแรงกายและแรงใจ เพื่อประชาชน ท่านไม่ใช่เป็นเพียงแค่ทหาร แต่ท่านคือเกราะกำบังของชาติ ขอให้ทหารกล้าทุกท่านมีกำลังใจที่เข้มแข็ง เชื่อว่าเราทุกคนในฐานะคนไทยจะไม่ทอดทิ้งกัน และจะก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว นายธนกร กล่าวอีกว่า กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมให้การสนับสนุนกำลังพลอย่างเต็มที่ โดยการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม “อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ” ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สามารถต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่นได้ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงในอนาคต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะ ยังถือโอกาสนี้เยี่ยมชมโรงงานผลิตหมูยอ ป.อุบล เพื่อให้กำลังใจและรับฟังปัญหาผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ จากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งมอบหมายกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ในการหาแนวทางการช่วยเหลือ การสนับสนุน ตลอดจนความต้องการของผู้ประกอบการในด้านต่าง ๆ อีกด้วย
24 พ.ย. 2025
“รองอธิบดีพลาวุธ” เปิดห้องติวเข้มทีมงานดีพร้อมเปย์ เร่งปล่อยสินเชื่อเงินทุนหมุนไว ไฮซีซั่น ตอบรับนโยบาย Quick Big Win ผ่านเงินไว by DIPROM เสริมสภาพคล่อง รองรับเทศกาลส่งท้ายปี
“รองอธิบดีพลาวุธ” เปิดห้องติวเข้มทีมงานดีพร้อมเปย์ เร่งปล่อยสินเชื่อเงินทุนหมุนไว ไฮซีซั่น ตอบรับนโยบาย Quick Big Win ผ่านเงินไว by DIPROM เสริมสภาพคล่อง รองรับเทศกาลส่งท้ายปี
กรุงเทพฯ 20 พฤศจิกายน 2568 - นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมชี้แจงรายละเอียดและแนวทางการดำเนินงานภายใต้โครงการสินเชื่อเงินทุนหมุนไว ไฮซีซั่น (เงินไว By DIPROM) โดยมี นายวีระพล ผ่องสุภา เลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ดีพร้อมที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการชี้แจงแนวทางการปฏิบัติในการดำเนินการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้สินเชื่อ “เงินทุนหมุนไว ไฮซีซั่น หรือ เงินไว by DIPROM” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย หรือ ดีพร้อมเปย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อย นำไปใช้ในการจัดซื้อวัตถุดิบรองรับการผลิต การจัดเตรียมหรือการเพิ่มสต็อกสินค้าให้พร้อมขาย และรองรับคำสั่งซื้อที่จะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาล (High Season) อาทิ ปีใหม่ ตรุษจีน วาเลนไทน์ สงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มสูงขึ้น “เงินไว by DIPROM” เป็นการดำเนินการตามนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ได้ผลในระยะยาว โดยดำเนินการกระจายตัวในพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้กรอบวงเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ใหม่ “เงินไว by DIPROM” คือ กรณีวงเงินกู้ไม่เกิน 500,000 บาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน (ใช้บุคคลค้ำประกันหรือหนังสือรับรองตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด) อนุมัติไว ทราบผลการอนุมัติภายใน 7 วันทำการ อัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.50 % ต่อเดือน ชำระหนี้ปิดบัญชีเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีค่าธรรมเนียมการปิดบัญชีก่อนกำหนด วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 2,000,000 บาท/ราย ผ่อนชำระคืนภายในระยะเวลา 2 ปี สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามขอรับบริการได้ที่กลุ่มบริหารเงินทุน สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ หรือ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 – 11 ทั่วประเทศ ทั้งนี้ สามารถยื่นขอรับบริการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึง 16 เมษายน 2569
24 พ.ย. 2025
“รองอธิบดีพลาวุธ” เชื่อมั่น พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมมาตรฐานการผลิตไทย เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินงาน พร้อมยกระดับ SMEs ไทยสู่สากล
“รองอธิบดีพลาวุธ” เชื่อมั่น พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรมมาตรฐานการผลิตไทย เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ร่วมกันกำหนดแนวทางการดำเนินงาน พร้อมยกระดับ SMEs ไทยสู่สากล
กรุงเทพฯ 20 พฤศจิกายน 2568 - ดร.พลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของพื้นที่ภาคใต้ ในกิจกรรมสร้างมาตรฐานรับรองการผลิตที่ดีสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (Good Manufacturing Thailand : GMT) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี นายฐานิต ปิยะศิริศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ความเป็นมา พร้อมด้วยผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ Microsoft Teams การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง และนำมาจัดทำเกณฑ์มาตรฐานรับรองการผลิต พร้อมทั้งเป็นมาตรฐานที่ดีให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและสร้างมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับของคู่ค้าและผู้บริโภคทั้งในระดับประเทศและระดับสากล อีกทั้งเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับ SMEs ที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้น การสร้างมาตรฐานรับรองการผลิตที่ดีให้กับ SMEs ไทย จึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี แต่ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ทำให้เกิดมาตรฐานการผลิตที่ดี มีธรรมภิบาลในการผลิตสินค้า พร้อมเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถทางธุรกิจอุตสาหกรรม จึงได้จัดกิจกรรมสร้างมาตรฐานรับรองการผลิตที่ดีเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (Good Manufacturing of Thailand for SMEs : GMT SMEs) โดยแบ่งการดำเนินงานโครงการออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 จัดทำเกณฑ์มาตรฐานการผลิตที่ดีของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย ระยะที่ 2 สร้างกลไกลการขับเคลื่อนการพัฒนาส่งเสริมให้ SMEs ไทย มีการผลิตที่ดีตามเกณฑ์มาตรฐานและรักษาความยั่งยืนในระยะยาว ระยะที่ 3 ต่อยอดขยายผล โดยการยกระดับการผลิตที่ดีให้กับ SMEs ไทย ให้มีมาตรฐานการผลิตที่เป็นเลิศ โดยในขณะนี้การดำเนินการอยู่ในระยะที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยการศึกษา สำรวจ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตที่ดีของ SMEs ไทย โดยคณะทำงานได้นำเสนอกรอบแนวคิดร่างมาตรฐาน ประกอบด้วย หมวดที่ 1 การจัดการคุณภาพของผลิตภัณฑ์ หมวดที่ 2 ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส หมวดที่ 3 ความรับผิดชอบต่อสังคมและแรงงาน หมวดที่ 4 การจัดการสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน หมวดที่ 5 การสร้างมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ จากการประชุมรับฟังความคิดเห็น ได้มีการให้ข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการยกระดับมาตรฐาน GMT ให้เป็นกลไกสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การใช้เป็นเอกสารยืนยันแหล่งกำเนิดสินค้า รวมถึงการเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์ทางการเงินในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังเน้นให้รูปแบบเกณฑ์มีความเรียบง่าย สามารถปรับให้เหมาะสมตามขนาดของกิจการ และลดความซ้ำซ้อนในการประเมิน โดยมีข้อเสนอให้มุ่งเน้นบทบาทการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอย่างแท้จริง รวมถึงการผลักดันให้มาตรฐาน GMT สามารถเทียบเคียงในระดับสากลได้ และสื่อสารให้ SMEs เห็นถึงประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ทั้งโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน การสนับสนุนด้านการตลาด หรือสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้ภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง
24 พ.ย. 2025
“รองอธิบดีพลาวุธ” ร่วมงาน FTI Outlook 2026 ถอดรหัสอุตสาหกรรมไทย อ่านเกมอนาคต
“รองอธิบดีพลาวุธ” ร่วมงาน FTI Outlook 2026 ถอดรหัสอุตสาหกรรมไทย อ่านเกมอนาคต
กรุงเทพฯ 19 พฤศจิกายน 2568 - นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการประจำปี “FTI Outlook 2026: DECODING THAILAND’S INDUSTRY FOR THE UPCOMING FUTURE ถอดรหัสอุตสาหกรรมไทย อ่านเกมอนาคต” ซึ่งจัดโดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยมี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติกล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "Policy Vision for Thailand's Economic Transformation นโยบายใหม่สู่การพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย" พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหารภาครัฐและภาคธุรกิจ เข้าร่วม ณ ห้อง Auditorium อาคาร 3 ชั้น 2 ปตท. สำนักงานใหญ่ โดยงานสัมมนาดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้รับทราบมุมมองทิศทางเศรษฐกิจและอุดสาหกรรมไทยในปี 2569 เพื่อใช้เป็นข้อมูลและแนวทางประกอบการวางแผน เตรียมความพร้อมในการปรับตัวเพื่อรองรับกติกาโลกใหม่ ตลอดจนยกระดับธุรกิจเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน เนื่องจาก เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทาย ทั้งผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ปัญหาภาษีสหรัฐฯ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยเองที่มีการพึ่งพาการส่งออกในสัดส่วนที่สูง จึงทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่น ดังนั้น ภายในเวลาการทำงานและงบประมาณจำกัด รัฐบาลจึงมีนโยบาย Quick Big Win เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ได้ผลในระยะยาว และมีการกระจายตัว โดยการที่จะพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยได้ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผ่านและให้ความสำคัญ ใน 3 ส่วน คือ (1) People โดยการพัฒนาและเพิ่มทักษะองค์ความรู้ผ่านการ Reskill - Upskill เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (2) Process เป็นการเร่งแก้ไขปรับปรุงกฎระเบียบ และขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน เพื่อให้เกิดการผลักดันเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเร่งด่วน และ (3) Technology โดยผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยี ผ่านโครงการลงทุนจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อช่วยขยายโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศ
21 พ.ย. 2025