โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
"รสอ.วาที" ลงพื้นที่เยี่ยมชมกลุ่มศรียะลาบาติก และกลุ่มผลิตภัณฑ์สีมายา
จ.ยะลา 23 สิงหาคม 2566 - นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ลงพื้นที่เยี่ยมชมและพบปะกลุ่มศรียะลาบาติก พร้อมด้วย นางสาววรรณี พุฒแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 นายโดม ถนอมบูรณ์ อุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส นายสมบัติ สุวรรณมณี อุตสาหกรรมจังหวัดยะลา คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นายปิยะ สุวรรณพฤกษ์ ผู้นำกลุ่มศรียะลาบาติก ให้การต้อนรับ ณ กลุ่มศรียะลาบาติก ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา กลุ่มศรียะลาบาติก เป็นกลุ่มที่ได้อนุรักษ์ภูมิปัญญาและกรรมวิธีการผลิตผ้าพื้นเมืองลายโบราณและต่อยอดภูมิปัญญาดั้งเดิมของชุมชน ตลอดจนการสร้างสรรค์กระบวนการผลิตผ้าบาติก ให้มีรูปแบบที่ทันสมัยเข้ากับความต้องการในตลาดปัจจุบัน รวมถึงการต่อยอดการตลาดในอนาคต นอกจากนี้ รสอ.วาที ยังได้เข้าเยี่ยมชมกลุ่มชุมชนหน้าถ้ำ ผู้ผลิตภัณฑ์ผ้าสีมายาที่ได้มีการสร้างลวดลายมัดย้อมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยดีพร้อมได้ส่งเสริมและพัฒาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้กับกลุ่ม โดยการนำผ้ามาแช่ไว้ใน ‘น้ำดินมายา’ ที่ได้มาจากการสกัดดินพิเศษจากถ้ำ ทำให้เกิดอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ## PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
24 ส.ค 2566
"รสอ.วาที" ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงงาน Hand in Hand เพื่อการสร้างงานที่ยั่งยืนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
จ.นราธิวาส - จ.ยะลา 22 สิงหาคม 2566 - นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการอุตสาหกรรมเพื่อการสร้างงานที่ยั่งยืนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (Hand in Hand) ร่วมด้วย นางสาววรรณี พุฒแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 นายโดม ถนอมบูรณ์ อุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส นายสมบัติ สุวรรณมณี อุตสาหกรรมจังหวัดยะลา คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) และภาคีเครือข่าย ณ โรงงานแฮนด์อินแฮนด์ อำเภอรือเสาะ และอำเภอรามัน โครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่ดีพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การจัดการ และการตลาดของโรงงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะการผลิตแรงงานการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป ทำให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อันเป็นปัจจัยในการสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้กับเศรษฐกิจชุมชนและท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืนต่อไป ## PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
24 ส.ค 2566
Brand Awareness สร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ ให้มีความโดดเด่น และน่าจดจำ
Brand Awareness สร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ สีไม่ได้เป็นสิ่งที่ให้สีสันความสดใส หรือความสวยงามได้เพียงเท่านั้น แต่สียังมีความสามารถในการสร้าง Brand Awareness ให้มีความโดดเด่น และน่าจดจำในแง่ของการตลาดได้อีกด้วย วันนี้ ดีพร้อมจะมาแบ่งปันทริคการเลือกใช้สีให้เป๊ะ ให้ปัง และสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดีแต่ก่อนนั้นเราต้องรู้ก่อนว่าสีแต่ละสีนั้นมีความสามารถที่จะสื่อความหมาย หรืออารมณ์อย่างไรได้บ้าง มาดูกันเลย สีแดง กระตุ้นอารมณ์ให้รู้สึกถึงความตื่นเต้น ท้าทาย ร้อนแรง สีเหลือง สื่อได้ถึงความสดใส สนุกสนาน และพลังอำนาจ สีน้ำเงิน บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ สุขุม สง่า สีเขียว สัญลักษณ์ของความเป็นธรรมชาติ สุขภาพดี ความปลอดภัย สีม่วง ให้ความรู้สึกหรูหรา ทันสมัย สีขาว บ่งบอกถึงความสะอาด บริสุทธิ์ ความสงบ สีดำ แสดงถึงความมีพลัง น่าหลงไหล สง่างาม ชวนลุ่มหลง นอกจากนี้ สีขาวกับสีดำยังเป็นสีสุดคลาสสิกที่สามารถนำมาใช้ได้กับสินค้าทุกประเภท เมื่อเรารู้ว่า สีต่าง ๆ นั้นสามารถสื่ออารมณ์แบบไหนได้บ้างแล้ว ทีนี้ เราก็ไปดูวิธีการใช้สีให้เกิด Brand Awareness ได้เลย ที่มา : เว็บไซต์ business.ais
24 ส.ค 2566
โครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ปี 2567
โครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ปี 2567 (City &Community Innovation Challenge 2024) หลักการและเหตุผล ในปัจจุบันแนวโน้มการสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองและชุมชน (Innovation for urbanization) จะมีแนวคิดมาจากการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างหน่วยงานด้านการปกครอง องค์กรเอกชน องค์กรภาคสังคม และภาคประชาชน เป็นแนวคิดในกาทำงนร่วมกันหรือเรียกว่า "การร่วมรังสรรค์" (Co-creation) ทำให้ สำนักงานแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้ดำเนินการ การเปิดรับข้อเสนอโครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน ประจำปี 2567 (City & Community Innovation Challenge 2024) ที่สามารถผลักดันไปสู่การใช้งานจริง เพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นท้าทายที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของเมืองและชุมชน โดยเปิดรับข้อเสนอแนวคิดการพัฒนาในหลากหลายมิติ จากนั้นจะมีการตัดสินแนวคิดที่ดีและมีโอกาสในการขยายผล ซึ่งองค์กรที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับเงินสนับสนุนเพื่อนำไปดำเนินการจริงในพื้นที่ตามหลักเกณฑ์ที่ สนช. กำหนด ภายในระยะเวลา 12 เดือนของการดำเนินงาน ซึ่งเมื่อดำเนินโครงการนำร่องแล้วเสร็จ สามารถขยายผลแนวคิด เทคโนโลยี โอกาสทางสังคม และธุรกิจ ไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไป โดยมีหัวข้อที่เปิดรับสมัครประจำปีงบประมาณ 2567 ดังนี้ นวัตกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Innovation) นวัตกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Wellness Tourism Innovation) นวัตกรรมการเที่ยวเชิงประสบการณ์อย่างสร้างสรรค์ (Local Experiential Tourism Innovation) นวัตกรรมความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว (Safe and Secure Tourism Innovation) นวัตกรรมการท่องเที่ยวด้านอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น (lingredients Tourism นวัตกรรมการท่องเที่ยวด้ารอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น (Gastronomic and locali ingredients Tourism Innovation) นวัตกรรมการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมและความบันเทิง (Cultural and Entertainment Tourism Innovayion) นวัตกรรมเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม (Innovation for Environmental Management) น้ำจืด, ทะเลและชายฝั่ง, มหาสมุทร (Freshwater, Marine and Coastal, Ocean) ฝุ่น, ควัน และการจัดการไฟป่า (Dust, Smoke, and Forest Fire management) การจัดการขยะและของเสีย (Waste management) วัสดุหมุนเวียน (Circular Materials) พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) นวัตกรรมที่สร้างความเสมอถาคและสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ (Innovation for Gender Equality and Diversity Support) การสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศ (Women and LGBTQ+'s Empowerment) การลดต้นทุนด้านความปลอดภัย และการป้องกันปัญหาความรุนแรงบนฐานเพศภาวะ (Gender-based Security Cost Reduction and Violence Prevention) การเข้าถึงบริการสุขภาพ สุขภาวะทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ (Healthcare Service Access and Sexual and Reproductive Health) การส่งเสริมสภาพแวล้อมที่เป็นมิตรกับทุกเพศ (Encouraging All-gender-friendly Environment) การเปลี่ยนแปลงบรรทัดฐนทางวัฒนธรรมและสังคมเพื่อลดอคติทางเพศ (Change of Cultur and Social Norms for Reducing Gender Bias) คุณสมบัติของผู้เสนอโครงการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีการทำงานร่วมกับภาคเอกชนหรือภาคมหาวิทยาลัย เพื่อขับเคลื่อนพันธกิจขององค์กรปกครองนั้นด้วยนวัตกรรม องค์กรเอกชน หรือ มหาวิทยาลัย ที่มีส่วนร่วมกับเมืองหรือชุมชน มีการทำงานร่วมกับคนในพื้นที่เพื่อสร้างรายได้หรือประโยชน์ให้กับพลเมือง โดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน มูลนิธิ สมาคม วิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์ ที่ดำเนินการพัฒนานวัตกรรมในระดับพื้นที่ และส่งผลกระทบอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ช่องทางการติดต่อ city.social@nia.or.th 02 017 5555 ต่อ 542, 546-548, 550-552 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) 73/2 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
23 ส.ค 2566
“อธิบดีใบน้อย” นำประชุมบอร์ดบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ ครั้งที่ 5/2566 เดินหน้าเคาะ 3 แผนทำงาน ยิงยาวถึงปี 69
กรุงเทพฯ 22 สิงหาคม 2566 - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ ครั้งที่ 5/2566 พร้อมด้วย นางสุชาดา โพธิ์เจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรรมการจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น Zoom Meeting การประชุมครั้งนี้ เป็นการพิจารณาแผนการดำเนินงานด้านเงินทุนหมุนเวียนฯ ทั้งหมด 3 แผน ทั้งรูปแบบแผนระยะยาว พ.ศ. 2567 – 2569 และรูปแบบแผนปฏิบัติการประจำปีบัญชี 2567 ได้แก่ 1. แผนปฏิบัติการเงินทุนหมุนเวียนฯ 2. แผนการบริหารทรัพยากรบุคคลเงินทุนหมุนเวียนฯ และ 3. แผนปฏิบัติการดิจิทัลเงินทุนหมุนเวียนฯ นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติแผนและประมาณการรายรับรายจ่ายเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย ประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในส่วนของรายรับ-รายจ่าย และการจัดสรรประมาณการรายจ่ายประจำปีและวงเงินให้กู้ยืม ให้แก่หน่วยปฏิบัติตามความจำเป็นและความเหมาะสมภายในวงเงินประมาณการรายจ่ายประจำปีที่กระทรวงการคลังอนุมัติ ## PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
23 ส.ค 2566
"แม่ทัพดีพร้อม" ตั้งโต๊ะรับฟังความเห็นแนวทางการส่งเสริมเอสเอ็มอี เมืองสองทะเล
จ.สงขลา 22 สิงหาคม 2566 - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการดำเนินงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ครั้งที่ 3 พื้นที่ภาคใต้ ร่วมด้วย นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางจันทร์จิรา บางเสน อุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) กลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้อง สมิหลา ชั้น 2 โรงแรมหาดใหญ่ซิกเนเจอร์ และในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น Zoom Meeting ุการประชุมในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหา และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ภาคใต้ ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนของดีพร้อม ประกอบด้วย ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มวิสาหกิจชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน อาทิ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสตูล ศูนย์ให้บริการ SMEs จังหวัดสงขลา หอการค้าจังหวัดสงขลาและยะลา สมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยสาขาจังหวัดสงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และกระบี่ และสถาบันอาหาร รวมถึงสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ภาคใต้ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและความพร้อมที่หลากหลายทั้งในเชิงของเกษตรอุตสาหกรรม ที่มีการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมไปถึงสาขาอุตสาหกรรมในประเภทต่าง ๆ อาทิ ถุงมือยาง แปรรูปไม้ยางพารา แปรรูปอาหารทะเล และการประมง รวมถึงการท่องเที่ยวที่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษกิจสูงที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ ในเชิงของศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และภูมิปัญหาท้องถิ่น ถือได้ว่ามีเอกลักษณ์ความโดดเด่น และมีเสน่ห์ทั้งในเรื่องของ อาหาร การแต่งกาย ศิลปะการแสดงท้องถิ่น ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจชุมชน ให้สามารถขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจวิถีใหม่ โดยอาศัยการร่วมด้วยช่วยกันจากทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนให้ภาคใต้ฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคง พร้อมทั้งขยับออกจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ "กระจุกตัว และมูลค่าเพิ่มน้อย" ไปสู่เศรษฐกิจ "มูลค่าสูงและยั่งยืน" อธิบดีใบน้อยฯ ได้นำประเด็นปัญหาความต้องการมาร่วมกันกำหนดทิศทางการส่งเสริมพัฒนา ที่จะนำไปสู่การจัดทำโครงการของดีพร้อมที่ตอบโจทย์ตามความต้องการ ตลอดจนเป็นแนวทางในการปรับบทบาทของดีพร้อมให้สอดรับกับสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งและเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
23 ส.ค 2566
ปลัดฯ ณัฐพล ลงพื้นที่สระบุรี กำชับจี้โรงงานลงทะเบียนข้อมูลการประกอบการอุตสาหกรรมให้ครบ 100% ย้ำกำกับดูแลเหมืองแร่ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ
จ.สระบุรี 20 สิงหาคม 2566 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี (สอจ.สระบุรี) โดยมีนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิษณุ ทับเที่ยง หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมด้วย โดยมีนายนพดล ชีวะอิสระกุล อุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี เป็นผู้นำเสนอข้อมูล ณ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรีเป็นเมืองหน้าด่านจากภาคกลางไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหนาแน่น มีโรงงานอุตสาหกรรม 1,484 โรงงาน และเป็นที่ตั้งกลุ่มผลิตปูนซีเมนต์จำนวนสูงสุดของประเทศ ซึ่งมีการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศอย่างเข้มงวด โดยโรงงานในพื้นที่ต้องมีการจัดการตามแผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมี SME อีกเกือบ 3 หมื่นราย และมีเหมืองแร่ที่มีประทานบัตรมากที่สุดในประเทศไทย จำนวน 210 แปลง ด้านการรายงานข้อมูลการประกอบกิจการผ่านระบบรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม (iSingle Form) ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 68% โดย สอจ.สระบุรี ได้มีช่องทางการติดต่อประสานงานให้เจ้าหน้าที่และผู้ประกอบการร่วมกันแก้ไขปัญหาในการกรอกข้อมูล นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมแผนการตรวจโรงงานแบบสุดซอยในทุกมิติของการรายงานตามข้อกำหนดของกฎหมายด้วย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของ สอจ.สระบุรีในการติดตามการรายงานข้อมูลในระบบ iSingle Form ทั้งนี้ ขอให้สร้างความเข้าใจร่วมกันในเป้าหมายหลักของการรายงานข้อมูลเป็นการดำเนินการในเรื่อง Digital Government และทบทวนสถานะการประกอบกิจการได้จากผู้ประกอบการมีปฏิสัมพันธ์กับกระทรวงฯ รวมถึงสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มความสะดวกในการรับบริการจากกระทรวงอุตสาหกรรมในอนาคต เช่น การขอใบอนุญาตต่าง ๆ การชำระค่าธรรมเนียม เป็นต้น จึงเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการต้องเป็นผู้กรอกข้อมูลเอง เพื่อความถูกต้อง อีกทั้งให้ถือเป็นหน้าที่ของโรงงานที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี ในการกรอกข้อมูลฯ ต้องให้แล้วเสร็จ 100% ภายในเดือนสิงหาคมนี้ หากเลยกำหนดจะถือว่าเป็นความผิดและมีโทษปรับ ทั้งนี้ ขอให้ สอจ. ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจโรงงานแบบเข้มข้น เพื่อตรวจสอบสาเหตุโรงงานที่ไม่กรอกข้อมูล พร้อมเร่งสำรวจตรวจสอบในทุกมิติของการรายงานตามข้อกำหนดของกฎหมาย หากพบโรงงานที่ผิดกฎหมายขอให้ดำเนินการตามระเบียบอย่างจริงจัง พร้อมทั้งเพิ่มเงื่อนไขในใบอนุญาตเพื่อการกำกับดูแลให้มากขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม หากพบโรงงานที่มีการหยุดการดำเนินการมาเป็นเวลานาน ขอให้พิจารณาทบทวนการยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการต่อไป ในส่วนการกำกับดูแลเหมืองแร่ในจังหวัดซึ่งมักเกิดการข้อร้องเรียนจากปัญหาฝุ่นละออง ขอให้บูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาเพื่อดูแลชุมชนและสังคมโดยรอบ ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างยั่งยืน รปอ.ณัฏฐิญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ สอจ.สระบุรี มีการชี้เป้าอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้ชัดเจนว่าอุตสาหกรรมใดมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสระบุรี เพื่อวางแผนการสนับสนุน ดูแล และกำหนดมาตรการส่งเสริมด้านต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด โดยมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ช่วยชี้เป้าอุตสาหกรรมที่เหมาะสมในเชิงพื้นที่ต่อไป สำหรับในด้านการพัฒนาแอปพลิเคชัน (Super App) สำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจโรงงานของเจ้าหน้าที่ ระบบจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเก็บข้อมูลด้วยอุปกรณ์ Smart Phone เช่น การถ่ายรูป การอัดเสียง การอัดวิดีโอ และการกำหนดโลเคชั่น เป็นต้น เพื่อให้เกิดความสะดวกในการตรวจโรงงาน ซึ่งระบบนี้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการอัพเดทข้อมูลของโรงงานอุตสาหกรรมให้มีความเป็นปัจจุบันอย่างต่อเนื่องกระทรวงฯ ได้เร่งดำเนินการและคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
22 ส.ค 2566
"ดีพร้อม" พาตะลุยย่านเมืองเก่าจังหวัดสงขลา หวังขยายชุมชนดีพร้อม ให้โตได้โตไกลแบบยั่งยืน
จ.สงขลา 21 สิงหาคม 2566 - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ลงพื้นที่และเยี่ยมชมสถานประกอบการชุมชนดีพร้อมบริเวณย่านเมืองเก่าจังหวัดสงขลา ร่วมด้วย นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางจันทร์จิรา บางเสน อุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) โดยมี นางสาววรรณี พุฒแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ดีพร้อมเซ็นเตอร์ 11 (DIPROM CENTER 11) พาเยี่ยมชม ณ ย่านเมืองเก่าจังหวัดสงขลา ย่านเมืองเก่า จังหวัดสงขลา มีประวัติความเป็นมาและมีอายุยืนยาวกว่า 200 ปี มีถนนที่สำคัญด้วยกัน 3 สาย คือ ถนนนางงาม ถนนนครใน นครนอก เป็นถนนเล็ก ๆ ตึก และบ้านเรือนร้านค้าในละแวกนี้สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบจีนปนยุโรป มีลวดลายปูนปั้นประดับที่กรอบหน้าต่างและหัวเสาสวยงาม นอกจากนี้ ถนนนางงามนี้มีสถานที่สำคัญ คือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ศาลเจ้าพ่อกวนอู ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมือง ของชาวสงขลาและบริเวณนี้ยังเป็นย่านอาหารพื้นเมืองของสงขลา ในพื้นที่ดังกล่าวยังมี ดีพร้อมฮีโร่ คือ คุณปาริชาด สอนสุภาพ เจ้าของธุรกิจ บ้าน “สงขลาสเตชั่น“ ที่รับซื้อวัตถุดิบในชุมชนย่านเมืองเก่าจังหวัดสงขลามารังสรรค์เป็นเมนูอาหารต้อนรับแขกผู้มาเยือน เพื่อคงความอัตลักษณ์ของจังหวัดสงขลา พร้อมทั้ง ยังได้สนับสนุนการท่องเที่ยวในชุมชน โดยมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในทะเลสาบสงขลาผ่านการนั่งเรือหางยาวไปกับชาวประมง ร่วมให้อาหารปลา ชมทิวทัศน์อันงดงาม และลิ้มรสเมนูอาหารพื้นเมืองแท้ ๆ ริมทะเลสาบสงขลาอีกด้วย นอกจากนี้ อธิบดีใบน้อยฯ ยังได้แนะนำการให้ดีพร้อมมีส่วนช่วยเหลือในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีหลากหลายรูปแบบโดยเชิญชวนผู้ประกอบการเข้าโครงการของศูนย์ Thai-idc การแปรรูปหัวปลาอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าโดยการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจ ลูกค้าอยากซื้อกลับไปเป็นของฝาก และที่สำคัญคือยกระดับย่านเมืองเก่าที่มี 8 หมู่บ้าน 11 ชุมชน ให้เป็นจุดโชว์ "เมนูเด็ดชุมชนดีพร้อม" เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนในชุมชนย่านเมืองเก่าสามารถสร้างรายได้ยกระดับคุณภาพชีวิตให้เพิ่มขึ้นต่อไป ### PR.DIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
22 ส.ค 2566
The Way To Success EP.2 : เนทีฟ ฟู้ด
ติดตามเรื่องราวการรวมกันของ “อาหารพื้นบ้าน” กับ “วิทยาศาสตร์การอาหาร” จนกลายเป็น “น้ำปลาร้า” ที่มีมาตรฐานใน The Way To Success สร้างธุรกิจด้วยแนวคิดใหม่
22 ส.ค 2566
The Way To Success EP.1 : ตี๋เล็ก ฟู้ดส์
ติดตามเรื่องราวของแบรนด์ “ตี๋เล็ก ซาลาเปา” เมนูติ่มซำหลากหลาย คุณภาพดี การันตีความอร่อยใน The Way To Success สร้างธุรกิจด้วยแนวคิดใหม่
22 ส.ค 2566
chatbot