โทรศัพท์ 1358
“รองอธิบดีดุสิต” เดินเกมนโยบาย “อธิบดีณัฏฐิญา” งัดกลยุทธ์ 2 ให้ ติดอาวุธ ผปก.อุตฯ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยกระดับศักยภาพสู่ห่วงโซ่อุปทานอุตฯ ระบบราง ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
“รองอธิบดีดุสิต” เดินเกมนโยบาย “อธิบดีณัฏฐิญา” งัดกลยุทธ์ 2 ให้ ติดอาวุธ ผปก.อุตฯ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยกระดับศักยภาพสู่ห่วงโซ่อุปทานอุตฯ ระบบราง ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 6 สิงหาคม 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “พลิกโอกาสอุตสาหกรรม ยานยนต์สู่ระบบรางแห่งอนาคต” โดยมี ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ นายมนตรี วงค์มั่นกิจการ ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทน จากเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐ-เอกชน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าว ณ ห้อง Jubilee Ballroom ชั้น 11 โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ งานสัมมนา “พลิกโอกาสอุตสาหกรรมยานยนต์สู่ระบบรางแห่งอนาคต” จัดขึ้นเพื่อเปิดตัวกิจกรรมยกระดับศักยภาพผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เข้าสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมระบบราง พร้อมสร้างการรับรู้ถึงบทบาทภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมระบบราง และการขนส่งทางราง โดยภายในงานได้จัดให้มีการบรรยายพิเศษในหัวข้อต่าง ๆ ได้แก่ (1) “นโยบายและแนวทางภาครัฐต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมระบบรางอย่างยั่งยืน” โดย รศ.ดร.โชติชัย เจริญงาม ประธานกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) (2) “อุตสาหกรรมระบบรางไทย : ห่วงโซอุปทานและโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย” โดย ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ และ (3) “การปรับตัวและความท้าทายของผู้ประกอบการสู่อุตสาหกรรมระบบราง โดย ผู้แทนจากบริษัท อาเคโบโน เบรก (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทดำรงศิลป์ ซัพพลายส์ จำกัด รองอธิบดีดุสิต เปิดเผยว่า ในช่วงการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า มีผู้ผลิตชิ้นส่วน ยานยนต์ไทยจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้เล็งเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการผลิตรถไฟ จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม ในการยกระดับระบบคมนาคมขนส่งทางรางและการสร้างฐานการผลิตรถไฟมาตรฐานสากลภายในประเทศ เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ และพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค ทั้งนี้ ดีพร้อม ในฐานะหน่วยงานส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการ มองว่า “อุตสาหกรรมระบบราง” เป็นหนึ่งโอกาสทางธุรกิจ จึงได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ให้สามารถปรับตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมระบบราง ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ด้วยกลยุทธ์ 2 ให้ คือ ให้ทักษะใหม่และให้เครื่องมือที่ทันสมัย รวมถึงสร้างโอกาสและเชื่อมโยงธุรกิจให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมระบบรางและการผลิตรถไฟที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งสอดรับกับนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร และสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล
14 ส.ค 2568
“ดีพร้อม” ร่วมชมนวัตกรรมเครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ในงาน Vietfood & Beverage - Propack 2025 เพื่อใช้ต่อยอดบรรจุภัณฑ์ไทย ใช้ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์อาหาร ให้โตไกลสู่เวทีสากล ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
“ดีพร้อม” ร่วมชมนวัตกรรมเครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ในงาน Vietfood & Beverage - Propack 2025 เพื่อใช้ต่อยอดบรรจุภัณฑ์ไทย ใช้ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์อาหาร ให้โตไกลสู่เวทีสากล ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
ประเทศเวียดนาม 7-9 สิงหาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน (กช.กสอ.) เยี่ยมชมนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหาร การรักษาสภาพอาหาร ภายในงาน Vietfood & Beverage - Propack 2025 ณ นครโฮจิมินห์ “Vietfood & Beverage - Propack 2025” เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและบรรจุภัณฑ์ระดับนานาชาติของเวียดนาม โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ SECC Saigon ประเทศเวียดนาม มีผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 600 ราย พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต เทรนด์นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ การแปรรูปอาหารบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ เครื่องจักรแปรรูป และผลิตภัณฑ์ OEM เพื่อการส่งออก โดยงานนี้จะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาสินค้าให้สอดรับกับตลาดและความต้องการของผู้บริโภคในตลาดสากลมากยิ่งขึ้น ภายในโซนการจัดแสดงเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ในงาน มีบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรและบรรจุภัณฑ์จากหลากหลายประเทศเข้าร่วมจัดแสดง โดยมีการนำเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์อาหาร ที่มีการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิตที่ร่วมจัดแสดงจะได้รับประโยชน์ในการขยายเครือข่ายธุรกิจภายในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ที่เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการเติบโตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่เริ่มมีการเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์แบบยืดหยุ่น การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “ดีพร้อม” เห็นถึงความสำคัญและโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ จึงดำเนินตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการของไทย โดยการให้ความรู้และพัฒนาทักษะ พร้อมสนับสนุนเครื่อมือที่ทันสมัยในการพัฒนากระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่สร้างความปลอดภัยและสามารถยืดอายุให้สินค้า รวมถึงการเลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recycled Materials) หรือวัสดุที่มีความสามารถในการย่อยสลาย (Biodegradable Materials) พร้อมปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ AI หุ่นยนต์และระบบการผลิตอัตโนมัติ (Automation) มาช่วยคำนวณการใช้ทรัพยากร พลังงานและการลดต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ การเติบโตของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยังสามารถรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ในสาขาอาหารและเครื่องดื่มไทยให้สามารถเพิ่มโอกาสในการเขาถึงตลาดในระดับสากล ตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้อีกด้วย
13 ส.ค 2568
“อธิบดีดีพร้อม” สานภารกิจต่อเนื่อง นำทัพ ผู้ประกอบการไทย บุกตลาดเวียดนามในงาน Vietfood & Beverage 2025 หวังพัฒนาศักยภาพธุรกิจไทยสู่เวทีสากล ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
“อธิบดีดีพร้อม” สานภารกิจต่อเนื่อง นำทัพ ผู้ประกอบการไทย บุกตลาดเวียดนามในงาน Vietfood & Beverage 2025 หวังพัฒนาศักยภาพธุรกิจไทยสู่เวทีสากล ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
ประเทศเวียดนาม 7-9 สิงหาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน (กช.กสอ.) ชูธงนำเหล่าผู้ประกอบการไทยเดินทางทดสอบและเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง ในงาน Vietfood & Beverage - Propack 2025 ณ นครโฮจิมินห์ “Vietfood & Beverage - Propack 2025” เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและบรรจุภัณฑ์ระดับนานาชาติของเวียดนาม โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ SECC Saigon ประเทศเวียดนาม มีผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 600 ราย พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต เทรนด์นวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ การแปรรูปอาหารบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ เครื่องจักรแปรรูป และผลิตภัณฑ์ OEM เพื่อการส่งออก โดยงานนี้จะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาสินค้าให้สอดรับกับตลาดและความต้องการของผู้บริโภคในตลาดสากลมากยิ่งขึ้น “ดีพร้อม” โดย กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม (กอ.กสอ.) ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จจากการนำผู้ประกอบการไทยบุกตลาดญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ ในครั้งนี้ ได้ยกทัพเดินหน้าพา 10 ผู้ประกอบการ ที่ผ่านการพัฒนาทักษะ และองค์ความรู้ ในด้านการบริหารธุรกิจ การเจรจาการค้า และการเตรียมความพร้อมในการส่งออกสินค้าไปตลาดต่างประเทศ พร้อมให้โอกาสโตไกล นำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพไปจัดแสดงสินค้าเพื่อทดสอบตลาด ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เจรจาจับคู่ธุรกิจ รวมทั้งสร้างเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศที่กว้างไกลไร้ขีดจำกัด ตามแนวทาง 4 ให้ 1 ปฏิรูป ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ยังเป็นการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่สินค้าซอฟต์พาวเวอร์อาหารและเครื่องดื่มไทยสู่สายตาชาวโลก สอดรับนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป
13 ส.ค 2568
“ดีพร้อม” โชว์ 20 ต้นแบบ Premium หนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ ตามแนวทางคอมมูนิตี้ ของ ”อธิบดีณัฏฐิญา“ ผลักดันแฟชั่นมุสลิมไทยสู่สากล สอดรับนโยบาย รมว.เอกนัฏ คาดสร้างมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
“ดีพร้อม” โชว์ 20 ต้นแบบ Premium หนุนพลังซอฟต์พาวเวอร์ ตามแนวทางคอมมูนิตี้ ของ ”อธิบดีณัฏฐิญา“ ผลักดันแฟชั่นมุสลิมไทยสู่สากล สอดรับนโยบาย รมว.เอกนัฏ คาดสร้างมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
กรุงเทพฯ 8 สิงหาคม 2568 - นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รักษาการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติมอบรางวัลแก่ผู้ชนะสุดยอดชุดมุสลิม Premium ภายใต้ กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายมุสลิมให้เป็น Premium สู่สากล (Muslim Fashion to Global) พร้อมกล่าวแสดงความยินดีและปิดกิจกรรมดังกล่าว ร่วมด้วย ดร.นันท์ บุญยฉัตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ดร.ปรารถนา คงสำราญ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม ณ ลานชั้น 1 ศูนย์การค้าเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก “กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายมุสลิมให้ เป็น Premium สู่สากล (Muslim Fashion to Global)” จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด "Our Culture Muslims" เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการแฟชั่นมุสลิมไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากล ผ่านการพัฒนาสินค้าเชิงวัฒนธรรมให้เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่นระดับพรีเมี่ยม ด้วยการฝึกอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ และการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก ทั้งในด้านการออกแบบลวดลายและการวางแพทเทิร์น การตัดเย็บ การยกระดับกระบวนการผลิตสู่มาตรฐานพรีเมี่ยม วางแผนธุรกิจ การตลาด และการสร้างแบรนด์ รวมถึงการเชื่อมโยงตลาดภายในและต่างประเทศ และเครือข่ายทางธุรกิจอย่างครบวงจร ตลอดจนสนับสนุนการใช้ภูมิปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อยกระดับสินค้าทั้งด้านมาตรฐานและดีไซน์ให้ทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการของตลาด อีกทั้ง ยังส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์สินค้าแบรนด์เครื่องแต่งกายมุสลิมให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งสอดรับกับนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่นสาขาเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยสู่ตลาดแฟชั่นมุสลิม โดยการใช้กลไกของซอฟต์พาวเวอร์ผนวกกับกลยุทธ์ 4 ให้ ไม่ว่าจะเป็น ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล และให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน สำหรับกิจกรรมดังกล่าว มีผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วม 26 กิจการ และผ่านการคัดเลือกจำนวน 20 กิจการ โดยดีพร้อมได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบใหม่ จำนวน 20 ผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมทั้งแฟชั่นมุสลิมชายและหญิง นอกจากนี้ ยังมีการคัดเลือก 5 รางวัลสุดยอดชุดมุสลิม Premium ประกอบด้วย 1) รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ คุณคนึงนิตย์ ภัทรพงษ์นพกูล จากร้านยาริง บาติก 2) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ คุณบรรเทา กูลหลัง จากร้านไฑบาติก 3) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ คุณนันท์นภัส เขียวทอง จากร้านบาติก เดอ นารา 4) รางวัลชมเชย ได้แก่ คุณอาหาหมัดดลยาลี หะยีด๊ะ จากร้านนาราบาติก และ 5) รางวัลชมเชย ได้แก่ คุณฟารีดา กล้าณรงค์ จากร้าน บาราโหม บาร์ซาร์ ทั้งนี้ การพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายมุสลิมให้เป็น Premium สู่สากลในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งพลังซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่สะท้อนพลังสร้างสรรค์ของ “แฟชั่นมุสลิมไทย” ที่พร้อมก้าวสู่ระดับสากลต่อไป สอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล โดยคาดว่าจะสามารถกระตุ้นทางเศรษฐกิจได้กว่า 70 ล้านบาท
13 ส.ค 2568
“รองอธิบดีดวงดาว” ลุยนโยบาย “อธิบดีณัฏฐิญา” ติดอาวุธการเงินการคลังบุคลากร ปฏิรูปดีพร้อมสู่องค์กรยุคใหม่ ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
“รองอธิบดีดวงดาว” ลุยนโยบาย “อธิบดีณัฏฐิญา” ติดอาวุธการเงินการคลังบุคลากร ปฏิรูปดีพร้อมสู่องค์กรยุคใหม่ ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
ชลบุรี 7 สิงหาคม 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร “การเสริมสร้างสมรรถนะบุคลากรด้านการเงินการคลัง” โดยมี นายวีระพล ผ่องสุภา เลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กล่าวรายงาน ร่วมด้วย ข้าราชการ พนักงานราชการ และเจ้าที่หน้าผู้ปฏิบัติงานด้านการเงินและบัญชีของดีพร้อม ทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค จำนวน 92 ท่าน เข้าร่วมอบรมฯ ระหว่างวันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรม พัทยา โมดัส บีชฟร้อนท์ รีสอร์ท อ.บางละมุง การฝึกอบรมหลักสูตร “การเสริมสร้างสมรรถนะบุคลากรด้านการเงินการคลัง” จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับงานด้านการเงินการคลังให้กับบุคลากรที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงทั้งส่วนกลางและภูมิภาคของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ให้สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการทำงานได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงลดข้อคลาดเคลื่อนจากการปฏิบัติงาน และการตั้งข้อสังเกตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการฝึกอบรมครั้งนี้มีหัวข้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ หลักและสาระสำคัญของกฎหมายว่าด้วยความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐ การตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติงานอย่างสร้างสรรค์และเป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ อย่างเคร่งครัด อีกทั้ง ยังจัดกิจกรรมกลุ่ม Team Building เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ความสามัคคี และการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทุกระดับอีกด้วย การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกลไกพัฒนาบุคลากรของดีพร้อม ภายใต้กลยุทธ์การปฏิรูป ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ที่จะปฏิรูปบุคลากรของดีพร้อมให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการเงินและการคลัง เพื่อสร้างบุคลากรด้านการเงินการคลังให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมืออาชีพ สอดรับกับนโยบาย “สู้ เซฟ สร้าง ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ให้ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
13 ส.ค 2568
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทีมดีพร้อม “เช็คอิน : โฮจิมินห์ เปิดเส้นทางเวียดนาม ผ่าน Logistic ข้ามแดน“ พร้อมแชร์ประสบการณ์กับ CAC Vietnam ผู้บุกเบิก Logistics ให้โอกาสผู้ประกอบการไทยโตไกลในตลาดเวียดนาม
“อธิบดีณัฏฐิญา” นำทีมดีพร้อม “เช็คอิน : โฮจิมินห์ เปิดเส้นทางเวียดนาม ผ่าน Logistic ข้ามแดน“ พร้อมแชร์ประสบการณ์กับ CAC Vietnam ผู้บุกเบิก Logistics ให้โอกาสผู้ประกอบการไทยโตไกลในตลาดเวียดนาม
ประเทศเวียดนาม 7 สิงหาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน เข้าเยี่ยมชม CAC (Capital Advance Company) Vietnam CAC (Capital Advance Company) Vietnam เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ ที่นับเป็นผู้บุกเบิกการนำเข้าและกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ของไทยในประเทศเวียดนาม ครอบคลุมพื้นที่ 65 จังหวัด โดยมีการสร้างเครือข่ายในการกระจายสินค้าแบบครบวงจรทั้ง Modern Trade, General Trade และออนไลน์ โดยมีความพร้อมด้านทีมงาน และมีการนำระบบเทคโนโลยี เครื่องมือดิจิทัล (Salesforce) เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการ ซึ่ง CAC เป็นแหล่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวเร็ว หรือ Fast-Moving Consumer Goods : FMCG ที่สำคัญของไทย เช่น เบนโตะ, Jele Beautie, Imperial, Soy Secretz, Dutch Mill ฯลฯ พร้อมทั้งมีการขยาย SKU จนเกิน 350 รายการ “อธิบดีณัฏฐิญา” ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ร่วมกับ CAC Vietnam ในประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้ (1) ระบบ Logistic ของ CAC Vietnam มีจุดรับสินค้าที่ท่าเรือ ทั้งโฮจิมินห์และไฮฟอง จากเมืองท่าก็จะมีคลังสินค้าหลัก (Main Warehouse) ในการจัดเก็บ ซึ่งบริษัทมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหาร Supply Chain จัดการขนส่งและกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ประชาชนของเวียดนามสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีได้ไว เรียนรู้เร็ว (2) การบริหารบุคคลภายในองค์กร ต้องเป็นการสื่อสาร 2 ทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ฃในองค์กรใหญ่ การสื่อสารทางเดียวแบบ Top Down จะไม่สามารถตอบโจทย์ ซึ่ง CAC Vietnam มี HR ทั้งที่เป็นคนเวียดนามและคนไทย เพื่อพูดคุยสอบถามความต้องการของพนักงานทุกคน เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และวางแผนการฝคกอบรมพัฒนาพนักงาน เพื่อให้มีเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยสิ่งสำคัญ คือ การสื่อสารปรับความคิด และการชี้แจงนโยบายด้านบุคลากรให้ชัดเจน (3) กลยุทธ์การสร้างธุรกิจไทยให้เติบโตในเวียดนาม ได้แก่ 3.1 สินค้าต้องตอบโจทย์ผู้บริโภค อย่าคิดว่าสินค้าที่คนไทยใช้คนเวียดนามก็จะใช้ จำเป็นต้องศึกษาตลาดให้ถ่องแท้ ว่าผู้บริโภคกลุ่มไหนต้องการสินค้าอะไร จึงจะสามารถตีโจทย์การตลาด วางแผนการขาย ทำแพ็คเกจจิ้ง และตั้งราคาได้ 2) ต้องให้ความสำคัญกับการทำ Logistics เพราะพื้นฐานการกระจายสินค้าในเวียดนามยังไม่ดี เนื่องจากภูมิศาสตร์ประเทศมีลักษณะเป็นทางยาว โดยมี 3 เมืองใหญ่สำคัญ คือ โฮจิมินห์ (ทางใต้) ฮานอย (ทางเหนือ) ดานัง (ตอนกลาง) ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละภาคแตกต่างกัน มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เหมือนในประเทศไทย ที่มีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลาง ดังนั้น การเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคและแผนการทำโลจิสติกส์จึงสำคัญมาก 3) นักธุรกิจไทยมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับลักษณะนิสัยของคนเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันค่าครองชีพในเมืองใหญ่ของเวียดนามใกล้เคียงกับของไทย ถ้าจะมาลงทุนธุรกิจที่ใช้แรงงาน (Labor Intensive) ควรออกไปที่นอกเมืองใหญ่ แต่ถ้าเป็นธุรกิจบริการ ทีต้องแข่งขันเรื่องการตลาดออนไลน์ หรือการขาย จะต้องอยู่ในเมืองใหญ่ แต่ค่าจ้างแรงงานสำหรับคนเวียดนาม จะต้องมีความชัดเจนเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการที่จะได้รับ เช่น การฝึกอบรม Business Trip การดูงาน ฯลฯ ถ้าหากไม่ได้รับตามที่ตกลงกันไว้ หรือไม่สามารถบริหารจัดการได้ จะทำให้ Turnover Rate สูง จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้เห็นว่า การศึกษาตลาดและกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายให้ชัดเจน ถือเป็นหนึ่งในโอกาสในการโตไกล ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” พร้อมกันนั้น การนำระบบดิจิทัลเข้าไปปรับใช้ในธุรกิจ เพื่อการวิเคราะห์ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการวางกลยุทธ์การขายอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการทำการตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างพื้นที่ให้สินค้าแบรนด์ไทย เติบโตไปไกลในตลาดต่างประเทศ สอดรับนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป
13 ส.ค 2568
“ดีพร้อม” ผลักดัน "Thailand Textiles Tag" เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สร้างมาตรฐานความเป็นไทยสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน ดันมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 50 ล้านบาท สอดรับนโยบาย รมว. เอกนัฎ
“ดีพร้อม” ผลักดัน "Thailand Textiles Tag" เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน สร้างมาตรฐานความเป็นไทยสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน ดันมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 50 ล้านบาท สอดรับนโยบาย รมว. เอกนัฎ
จ.นนทบุรี 6 สิงหาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวแสดงความยินดี พร้อมมอบวุฒิบัตรในพิธีปิดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม (DIPROM Thailand Textiles Tag) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 เซ็นทรัล เวสต์เกต การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สิ่งทอเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม (DIPROM Thailand Textiles Tag) ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยการบูรณาการความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทยตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ อาทิ ผู้ผลิตเส้นด้าย ผ้าผืน เสื้อผ้าสำเร็จรูป เคหะสิ่งทอ และสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีสิ่งทอเป็นองค์ประกอบ ซึ่งเครื่องหมาย Thailand Textiles Tag มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อผ้า ความคงทนของสี และความปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง รวมถึงวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย (Made in Thailand) นับได้ว่าเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมาตรฐานความเป็นไทยให้กับสินค้าสิ่งทอ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างโอกาสในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศแล้ว ยังเป็นการรณรงค์ให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและตระหนักถึงการเลือกซื้อสินค้าคุณภาพที่ผลิตในประเทศ และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 36 กิจการ รวม 57 ผลิตภัณฑ์ จากหลากหลายประเภท อาทิ ผ้าผืน ผ้าพิมพ์ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 50 ล้านบาท เมื่อรวมการดำเนินงานทั้งหมด 6 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองรวมทั้งสิ้น 187 กิจการ 328 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 180 ล้านบาท นอกจากนี้ “ดีพร้อม” ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ด้วยกลยุทธ์ 2 ให้ คือ ให้ทักษะใหม่และให้เครื่องมือที่ทันสมัย ด้วยการเสริมทักษะและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี และการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงและยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิต รวมถึงการวิเคราะห์และวางแผนการตลาด นอกจากนี้ ยังเตรียมผลักดันมาตรฐานสิ่งทอที่มีองค์ประกอบของวัสดุรีไซเคิลเพิ่มเติมในปีหน้า เพื่อตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน และมุ่งหวังให้ผลิตภัณฑ์สิ่งทอไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งมั่นจะ "ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย" โดยเน้นการสร้างคุณภาพ มาตรฐาน และความยั่งยืน เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างแข็งแกร่งและแข่งขันได้ในเวทีโลกต่อไป
10 ส.ค 2568
“ดีพร้อม” เปิดหลักสูตร ติวเข้ม บริหารความเสี่ยงโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ให้พร้อมรับมือโลกผันผวน เน้นเสริมแกร่งธุรกิจไทย ยกระดับศักยภาพสู่ความยั่งยืน ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
“ดีพร้อม” เปิดหลักสูตร ติวเข้ม บริหารความเสี่ยงโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ให้พร้อมรับมือโลกผันผวน เน้นเสริมแกร่งธุรกิจไทย ยกระดับศักยภาพสู่ความยั่งยืน ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพ ฯ 6 สิงหาคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การบริหารจัดการความเสี่ยงในระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจอย่างยั่งยืน” ภายใต้โครงการบริหารจัดการความเสี่ยงในระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ร่วมด้วย นายอาทิตย์ พัฒนพงศ์ชัย ผู้อำนวยการกองโลจิสติกส์ นางสาวนันท์ บุญยฉัตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ห้องคริสตัลบอลรูม โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพ ปัจจุบันที่สถานการณ์โลกมีการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรงยิ่งขึ้นโดยเฉพาะสงครามการค้า การทุ่มตลาด ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุค 4.0 ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิ เทคโนโลยี Internet of Things (loT) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) สนับสนุนโดยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ควบคู่กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมอื่นๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของภาคธุรกิจ และพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากธุรกิจมีการเตรียมความพร้อมต่อการรับมือความเสี่ยงดังกล่าว จะสามารถป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มีโอกาสเกิดขึ้นในการดำเนินงานได้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เป็นหน่วยงานหลักที่มุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน โดยมีความตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญในประเด็นดังกล่าว จึงดำเนินการจัดกิจกรรมฝึกอบรม “การบริหารจัดการความเสี่ยงในระบบโลจิสติกส์ และโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจอย่างยั่งยืน" เพื่อส่งเสริมสถานประกอบการให้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการเพิ่มขีดความสามารถ ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบการมีการประเมินและจัดทำแผนรองรับความเสี่ยงในซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการทบทวนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเหมาะสม โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก และมีสถานประกอบการเข้าร่วมทั้งสิ้น 67 กิจการ ซึ่งเนื้อหาของกิจกรรมครอบคลุมตั้งแต่การวิเคราะห์แนวโน้มระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เทคนิคการคาดการณ์อนาคต (Foresight Technique) การประเมินและจัดลำดับความเสี่ยงด้วยเครื่องมือต่าง ๆ โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรสามารถเตรียมความพร้อมในการรับมือ และฟื้นฟูการดำเนินงานในภาวะฉุกเฉินได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเสริมสร้างทักษะเชิงรุก และเตรียมความพร้อมขององค์กรให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล
10 ส.ค 2568
"ดีพร้อม" บุกเมืองขามแก่น เปิดห้องปฐมนิเทศ หลักสูตร Master Thai Chef Program ภาคอีสานตอนบน เตรียมพร้อม สร้างเชฟอาหารไทยสู่เชฟมืออาชีพ ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
"ดีพร้อม" บุกเมืองขามแก่น เปิดห้องปฐมนิเทศ หลักสูตร Master Thai Chef Program ภาคอีสานตอนบน เตรียมพร้อม สร้างเชฟอาหารไทยสู่เชฟมืออาชีพ ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
จ.ขอนแก่น 6 สิงหาคม 2568 - นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมปฐมนิเทศเตรียมความพร้อมสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม หลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) โดยมี นายติณห์ เจริญใจ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 (DIPROM Center 4) และ นางสาวจินดา ธนาดำรงค์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 5 (DIPROM Center 5) เข้าร่วม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ห้องประชุม Meeting Room 3 ชั้น 1 อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 (จังหวัดขอนแก่น) กิจกรรมดังกล่าว เป็นการดำเนินการภายใต้นโยบาย One Family One Soft Power (OFOS) ของรัฐบาล สำหรับโครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (งบกลาง) ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร ซึ่งนับเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่จะผลักดันการนำเอาทุนทางวัฒนธรรมของไทย มาใช้เป็นกลไกหลักในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผ่านการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของพื้นที่ให้มีอัตลักษณ์และภูมิปัญญา เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมทั้งต่อยอดไปสู่การขยายโอกาสในการตลาดทั้งในและต่างประเทศ สอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล สำหรับกิจกรรมการอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนนี้ มีเป้าหมายในการพัฒนาประชาชนให้เป็นเชฟอาหารไทยมืออาชีพ ไม่น้อยกว่า 2,000 คน ซึ่งต้องผ่านเกณฑ์การฝึกอบรมทั้งในรูปแบบออนไลน์ (Online) จำนวนชั่วโมงเรียน 90 ชั่วโมง และ ภาคปฏิบัติ ณ สถานที่จริง (Onsite) จำนวนชั่วโมงเรียน 150 ชั่วโมง โดยมีพื้นที่ดำเนินงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี เลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร สกลนคร และนครพนม โดยดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายในพื้นที่ที่มีความเชี่ยวชาญในการส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในระดับภูมิภาคผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้จากทีมวิทยากรผู้มีความเชี่ยวชาญ ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมุ่งหวังที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศผ่านการใช้วัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม “รองอธิบดีสุรพล” ได้เน้นย้ำเรื่องแนวทางการพัฒนาต่อยอดกิจกรรม และการกระจายโอกาสในการเข้าถึงโครงการให้กับประชาชนได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่
10 ส.ค 2568
“รองอธิบดีดวงดาว” ร่วมถกคณะอนุกรรมการบริหาร 2 พิจารณาวงเงินดีพร้อมเปย์ เสริมสภาพคล่องธุรกิจ พร้อมเร่งรัดติดตามการดำเนินงาน ช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
“รองอธิบดีดวงดาว” ร่วมถกคณะอนุกรรมการบริหาร 2 พิจารณาวงเงินดีพร้อมเปย์ เสริมสภาพคล่องธุรกิจ พร้อมเร่งรัดติดตามการดำเนินงาน ช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
กรุงเทพฯ 4 สิงหาคม 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ 2 ครั้งที่ 4/2568 พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อมที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น Zoom Meeting การประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาคำขอกู้สินเชื่อเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้ดีพร้อม (Working Capital for SMEs) ในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 1 ราย ซึ่งประกอบกิจการประเภทเครื่องดื่ม (เมล็ดกาแฟคั่ว) อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 1 (DIPROM Center 1) โดยผู้ขอกู้มีวัตถุประสงค์ในการยื่นขอรับบริการเงินทุนหมุนเวียนฯ เพื่อนำไปใช้ในการสำรองวัตถุดิบ เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น และเป็นเงินทุนสำรองในการหมุนเวียนสภาพคล่องภายในกิจการ โดยคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้ว เห็นชอบการอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ขอกู้ในวงเงิน 960,000 บาท โดยมีเงื่อนไข นอกจากนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานเบิกจ่ายเงินกู้ให้ผู้ประกอบการ ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ในการประชุมครั้งก่อน จำนวน 2 ราย วงเงิน 2,500,000 บาท โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ได้ดำเนินการจัดทำนิติกรรมสัญญาและเบิกจ่ายเงินกู้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการรายงานความก้าวหน้า การดำเนินการจัดทำมาตรการบรรเทา ฟื้นฟู และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ทั้งจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และสถานการณ์ความไม่สงบในเขตชายแดนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อช่วยลดภาระทางการเงิน เสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ให้กับลูกค้ารายเดิมของเงินทุนหมุนเวียนฯ และผู้ประกอบการที่สนใจรับบริการ โดยมีแนวทางช่วยเหลือ อาทิ สิทธิการขอกู้เพิ่มเติม การพักชำระหนี้ไม่เกิน 4 เดือน และหากได้รับผลกระทบซ้ำซ้อนสามารถขยายเวลาออกไปอีก 4 เดือน การลดค่างวดผ่อนชำระรายเดือนลงร้อยละ 50 เป็นเวลาไม่เกิน 4 เดือน การขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ได้ไม่เกิน 2 ปี โดยรวมแล้วไม่เกินระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาเดิม ทั้งนี้ “รองอธิบดีดวงดาว” ได้กำชับให้หน่วยงานปฏิบัติเร่งติดตามการดำเนินงานเรื่องการรับชำระคืนเงินกู้ยืม ของลูกหนี้ที่มีประวัติการค้างชำระ พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยเน้นย้ำให้ติดตาม บริหารจัดการ รวมถึงหามาตรการในการให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถอยู่รอด และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อีกด้วย
10 ส.ค 2568