กรุงเทพฯ 22 พฤษภาคม 2568 - นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรหัตถอุตสาหกรรมไทย “ภายใต้โครงการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น (Fashion Alliance) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” โดยมี ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ นายวิวัฒน์ หิรัญพฤกษ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น นางสาวกฤษณา รวยอาจิน อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และที่ปรึกษาสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ดร.นันท์ บุญยะฉัตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ผู้ประกอบการด้านแฟชั่น และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ห้อง Sapphire ชั้น 2 โรงแรมเซ็นจูรี่

นายสรุพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการจัด “กิจกรรมการพัฒนาบุคลากรหัตถอุตสาหกรรมไทย” ภายใต้โครงการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น (Fashion Alliance) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเดิม (Upskill) เพิ่มเติมทักษะใหม่ (Reskill) ให้กับบุคลากรในสาขาหัตถอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยใช้แนวทาง 4 ให้ 1 ปฏิรูป คือ ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน และปฏิรูปดีพร้อมสู่องค์กรที่ทันสมัย ร่วมกับกลไกการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ ด้วยการ “สร้างสรรค์และต่อยอด” ให้เกิดเสน่ห์ คุณค่า และเพิ่มมูลค่า พร้อมกับ “โน้มน้าว” ให้เกิดการยอมรับ เปิดใจ และต้องการ รวมถึง “เผยแพร่” ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อสร้างโอกาสและยกระดับหัตถอุตสาหกรรมไทย หรือที่รู้จักในชื่อ “งานคราฟต์” ให้เติบโต สามารถสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของประเทศ สอดรับตามนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่ของโลก ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

หัตถอุตสาหกรรมไทย นับเป็นหนึ่งในพลัง Soft Power ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของไทย ทั้งในด้านมูลค่า การจ้างงาน และการสื่อสารอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมสู่สากล ซึ่งอุตสาหกรรมคราฟต์ของไทยมีภาพรวมการส่งออกในปี 2567 เป็นมูลค่า 379,198.64 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 11.34% จากปีก่อนหน้า โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐอเมริกา และสินค้าส่งออกสำคัญ คือ เครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องประดับทอง 

โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรในสาขาหัตถอุตสาหกรรมไทย จำนวน 100 คน ซึ่งครอบคลุมสาขางานผ้าพื้นเมือง งานปัก เครื่องหนัง เซรามิก เครื่องจักสาน และอื่น ๆ ซึ่งจะมุ่งเน้นการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับการออกแบบร่วมสมัย เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและระดับสากล พร้อมทั้งสร้างเรื่องราวแบรนด์ (Storytelling) และอัตลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ไทย ผ่านการฝึกอบรมเชิงลึกทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต การศึกษาดูงาน และการใช้กลยุทธ์การตลาด การสื่อสาร นำไปสู่การเพิ่มยอดขายสินค้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 สามารถต่อยอดงานหัตถอุตสาหกรรม ร่วมเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย สร้างให้โอกาสโตไกล และเชื่อมโยงสู่ตลาดโลก THAI Craft to the WORLD” คาดสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท