โทรศัพท์ 1358
Advanced Search

Category
คิดเห็นแชร์ : ค้นหาเป้าหมายที่ใช่ ใส่แรงบันดาลใจ ปลุกไฟวัยทำงาน
คิดเห็นแชร์ : ค้นหาเป้าหมายที่ใช่ ใส่แรงบันดาลใจ ปลุกไฟวัยทำงาน
คอลัมน์ : คิดเห็นแชร์ (มติชนออนไลน์) ผู้เขียน : นายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ (ผู้อำนวยการกลุ่มสนับสนุนการจัดตั้งธุรกิจ กองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจในทุกวันนี้ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ไม่มีความแน่นอน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ข้าวปลาอาหารก็ปรับราคาสูงขึ้นตาม ส่งผลทำให้ค่าครองชีพในปัจจุบันสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว คนวัยทำงานต้องเผชิญกับความกดดันและเคร่งเครียด ครั้นจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวก็มีแต่ความเสี่ยงที่จะล้มเหลวและขาดทุน เรียกได้ว่า “จะกลับตัวก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึง” อย่างที่พี่เบิร์ด ธงไชย เคยร้องไว้ จนทำให้คนวัยทำงานอย่างพวกเราจะทำอย่างไรดีในสภาวะเช่นนี้ สวัสดีท่านผู้อ่านคอลัมน์คิดเห็นแชร์ทุกท่าน วันนี้ผมจะมาแชร์มุมมองถึงการค้นหาแรงบันดาลใจเพื่อปลุกไฟวัยทำงานกันนะครับ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมแรงบันดาลใจถึงสำคัญสำหรับคนวัยทำงานในยุคนี้ นั่นก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมนำไปสู่แนวคิดในการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม ปัจจุบันเทคโนโลยีหรือความเจริญที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนในสังคมมีความสะดวกสบายและมีมุมมองที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น จากเครื่องมือ อุปกรณ์ และสื่อต่างๆ รอบกายที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ในทางตรงกันข้าม สภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นส่งผลให้เกิดการเข้าถึงและรับข่าวสารข้อมูลได้หลากหลายมากเกินไป ทั้งที่กลั่นกรองและไม่กลั่นกรองจนทำให้ผู้ไม่หวังดีที่มีเจตนาปลุกปั่นหรือปลุกระดมใช้เป็นช่องทางในการก่อความไม่สงบหรือใช้หลอกลวงให้เสียทรัพย์อย่างที่เราได้เห็นตัวอย่างกันทางสื่อต่างๆ ทำให้เราต้องใช้วิจารณญาณในการคิดไตร่ตรองในการรับข้อมูลข่าวสารให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งคนยุคนี้เคยชินกับความรวดเร็ว ส่งผลให้ความอดทนของคนน้อยลง หงุดหงิดง่ายเพราะที่ผ่านมาในอดีตนั้น การรอคอยคือส่วนหนึ่งในกระบวนการของการฝึกความอดทนให้ดีขึ้นได้ เมื่อสภาพแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดโอกาสของธุรกิจใหม่มากขึ้น ธุรกิจบางประเภทไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากแต่สามารถสร้างรายได้มหาศาล หากสามารถจับทิศทางและแก้ปัญหาของกระแสสังคมได้ถูกต้อง เช่น การทำดิจิทัลคอนเทนต์ หรือการขายของออนไลน์ เป็นต้น ทำให้เกิดทางเลือกในการทำงานมากขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับการที่สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ส่งผลให้ตลาดแรงงานในปัจจุบันไม่ใช่ตลาดของนายจ้างอีกต่อไป การวัดผลลัพธ์ความสำเร็จที่เงิน ถึงแม้ว่าจะมีส่วนสำคัญแต่การที่สังคมเปลี่ยนแปลงไปทำให้ถึงแม้ว่านายจ้างจะทุ่มเงินในการจ้างมากเท่าไรก็ตาม หากตำแหน่งงานนั้นไม่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานที่มีความอดทนน้อยลงและมีข้อมูลทางเลือกจากสื่อต่างๆ ที่หลากหลายทั้งจากในและต่างประเทศมากขึ้น จนนำมาสู่แนวคิดของความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (Work Life Balance) ก็ไม่สามารถรักษาคนให้อยู่กับองค์กรนานๆ ได้ เนื่องจากเขามีทางเลือกที่ดีกว่าในการสร้างรายได้ที่เพียงพอกับการเลี้ยงชีพและรักษาสมดุลของงานและชีวิตส่วนตัวได้ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรุ่นใหม่เท่านั้น คนวัยเก๋าวัยทำงานที่สามารถรับข่าวสารและก้าวทันความเปลี่ยนแปลงก็เป็นไปเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าอยาก “จะออกไปแตะขอบฟ้า” ตามที่พี่ตูน บอดี้สแลม บอกในเพลงเรือเล็กควรออกจากฝั่งก็ตาม แต่ในสถานการณ์โควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเป็นดั่งพายุถาโถมเข้าใส่ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ หากยังไม่เจอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมในช่วงนี้ ประจวบกับอารมณ์ชั่ววูบจากการที่เราอดทนน้อยลงและสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ทำให้เราตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หากลาออกจากงานไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป และเมื่อเจอกับความเครียด ปัญหา ภาระและอุปสรรค ก็อาจเกิดอาการ “หมดไฟในการทำงาน” หรือ Burnout Syndrome ซึ่งวันนี้ผมมี 5 ข้อแนะนำที่ใช้ปลุกไฟในการทำงานมาให้พวกเราได้ลองนำไปปรับใช้กันครับ 1.) หาทางคลายเครียด ในการทำงานอย่างมุ่งมั่นทำให้เราเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว และหากสะสมเป็นเวลานานก็จะทำให้เกิดความล้าในการทำงานและอาจมีอาการซึมเศร้าได้ ดังนั้น จึงควรหาหนทางพักผ่อน คลายเครียดอยู่เสมอ เช่น การนอนพักผ่อน ดูโทรทัศน์ ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว หรือทำกิจกรรมในยามว่างกับครอบครัวให้สนุกสนานและเป็นประโยชน์ 2.) ตั้งเป้าหมายที่ใช่สำหรับตนเอง ในการทำงานหรือใช้ชีวิตโดยไร้จุดหมาย ทำให้เราไม่ทราบถึงความคืบหน้าหรือจุดสิ้นสุดของกิจกรรมหรืองานต่างๆ การกำหนดเป้าหมายสำหรับตนเองไม่ใช่เป้าหมายที่คนอื่นขีดกำหนดไว้ให้ จึงเป็นการสร้างความท้าทายให้เราก้าวเดินไปในชีวิตและการทำงานได้ 3.) สร้างแรงบันดาลใจที่ชอบ การคิดในเชิงบวก สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง เติมพลังในการทำงาน ความรักและความหลงใหลจะช่วยสร้างแรงผลักดันให้เราสามารถทำงานอย่างไม่ย่อท้อกับอุปสรรค มองเห็นสิ่งที่กำลังทำเป็นเรื่องสนุก จนสามารถหาทางออกให้กับปัญหาต่างๆ ได้ไม่ยากนัก 4.) รอจังหวะที่เหมาะสม ในการทำงานหรือการดำเนินธุรกิจ อุปสรรคและปัญหาที่เข้ามาถือว่าเป็นเรื่องปกติ ย่อมมีช่วงเวลาชีวิตทั้งขาขึ้นและขาลง การรอจังหวะที่เหมาะสมก็เป็นการเตรียมการที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าเมื่อโอกาสที่ดีมาถึง เปรียบเสมือนกับการลงทุนในหุ้นที่ต้องรอเวลาเพื่อให้หุ้นขึ้นไปถึงราคาที่ต้องการ และบางครั้งก็จำเป็นต้องตัดขาดทุนไปเมื่อไปผิดทางเช่นเดียวกัน 5.) อยู่ร่วมกับความแตกต่าง อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า สภาพแวดล้อมทางสังคมทำให้กรอบความคิดและทัศนคติของคนแตกต่างกัน ทั้งหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน การยืดหยุ่นยอมรับในความแตกต่าง และพยายามประสานการทำงานระหว่างความแตกต่าง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การทำงานในธุรกิจและองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ในสังคมยุคใหม่ที่การสร้างความอดทนแบบไร้เหตุผล ทนเป็นวัวเป็นควาย อย่างเพลงของวายน็อตเซเว่น ไม่สามารถยอมรับได้ จนเห็นว่ากิจกรรมในรูปแบบเดิม เช่น กิจกรรมรับน้อง ระบบโซตัส (SOTUS) ที่ถูกนำมาใช้ผิดๆ จนทำให้เริ่มเสื่อมถอยไป งานที่เสี่ยง สกปรก แสนลำบาก (Dangerous Dirty Difficult) นั้น ปัจจุบันแทบจะเป็นงานที่มีไว้สำหรับให้แรงงานต่างด้าวเป็นผู้ทำงานทั้งสิ้น ดังนั้น การสร้างความอดทน โดยใช้สมองหรือโดยแรงบันดาลใจ (Passion) จึงเข้ามาแทนที่ ตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จที่เห็นชัดที่สุดก็น่าจะเป็น สตีฟ จ็อบส์ แห่งบริษัท Apple ที่เคยกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดไว้ว่า “People with passion can change the world” ซึ่งนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของเขาก็สามารถเปลี่ยนโลกได้จริงๆ นอกจากนี้ แองเจล่า ดั๊กเวิร์ธ นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้ศึกษาคนที่ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จในหลากหลายวงการ ทั้งดนตรี กีฬา ธุรกิจ และวิทยาศาสตร์ จนพบว่ากุญแจสู่ความสำเร็จของพวกเขานั้นไม่ใช่พรสวรรค์ ฐานะ การศึกษา หรือประสบการณ์ที่พวกเขามี แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่า กริท (GRIT) ที่อาจแปลว่า วิริยะหรือความเพียร ซึ่งก็แตกต่างจากการอดทน ไม่ใช่อดทนแบบไร้เหตุผล ทนเป็นวัวเป็นควายเช่นเดียวกัน สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้คนวัยทำงานทุกท่าน สามารถค้นหาเป้าหมายที่ใช่ สร้างแรงบันดาลใจให้กับตนเอง สร้างพลังในการสู้ชีวิตทำงาน หรือเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้อย่างประสบความสำเร็จ ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนี้ไปได้ครับ พร้อมน้อมนำคาถาฝ่าวิกฤตตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า วิริเยนะ ทุกขะมัด เจติ คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร สำหรับวันนี้ผมต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า กับเรื่องราวและข้อคิดดีๆ ใน คิด เห็น แชร์ ครับ ที่มา : https://www.matichon.co.th/economy/eco-report/news_3443857
10 ก.ค. 2022
“อธิบดีณัฐพล” ปลื้มอัพสกิล ผปก. ผ่าน Creative Content ปี 2 ติวเข้มไอเดียสร้างสรรค์ ปั้นยอดขายโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 10
“อธิบดีณัฐพล” ปลื้มอัพสกิล ผปก. ผ่าน Creative Content ปี 2 ติวเข้มไอเดียสร้างสรรค์ ปั้นยอดขายโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 10
กรุงเทพฯ 6 กรกฎาคม 2565 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานมอบโล่รางวัล วุฒิบัตร และกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ชนะและผู้เข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาผู้นำเชิงสร้างสรรค์ด้านการผลิตรูปแบบรายการสร้างสรรค์อย่างดีพร้อม (DIPROM to Creative Content) พร้อมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้ประกอบการกว่า 40 คน เข้าร่วม โดยมี นางสาวนฤมล ศิริทรงธรรม นักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กล่าวรายงาน ณ โรงภาพยนตร์ House 4 ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะสร้างสรรค์สำหรับผู้ประกอบการในการผลิตและพัฒนาคอนเทนต์เพื่อกระตุ้นยอดขายของสินค้าและผลิตภัณฑ์ในรูปแบบรายการ (Creative Content) ผ่านการเล่าเรื่องผลิตภัณฑ์อย่างสร้างสรรค์ (Storytelling)โดยให้ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศไทย (Content Creator) ถ่ายทอดประสบการณ์ในมิติใหม่ที่สามารถพัฒนาให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์และธุรกิจของตนเองในเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงผู้ประกอบการสามารถนำแนวคิดไปขยายผลและต่อยอดการผลิตรายการเชิงสร้างสรรค์สู่เชิงพาณิชย์ได้ต่อไป ในปีนี้ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ขับเคลื่อนกิจกรรมภายใต้นโยบายดีพร้อมแคร์ (DIPROM CARE) ซึ่งมุ่งปรับรูปแบบการส่งเสริมให้เกิดผลลัพธ์กับผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ผลงานเป็นรายบุคคล ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนกว่า 100 บริษัท และผ่านการคัดเลือกจำนวนทั้งสิ้นกว่า 40 บริษัท เพื่อบ่มเพาะทักษะ การฝึกฝนปฏิบัติและผลิตผลงานจริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการออกแบบเนื้อหา การผลิตสื่อทางการตลาด รวมทั้งกิจกรรมการประกวดผลงาน ซึ่งผลงานทั้งหมดของผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ผ่านการพิจารณาโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและได้เผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมและร่วมโหวตผลงานที่ประทับใจ ผ่านช่องทาง YouTube และ Facebook Fan Page : Woody ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายร่วมโหวตผลงานที่ชื่นชอบจำนวนกว่า 40,000 ราย ทั้งนี้ จากผลสำเร็จของกิจกรรมนี้ คาดว่าผู้ประกอบการจะนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมไปต่อยอดในการดำเนินธุรกิจและสามารถเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางตลาดออนไลน์ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 และในโอกาสนี้ อธิบดีณัฐพลได้ ให้เกียรติมอบโล่รางวัลและวุฒิบัตรแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 3 รางวัล ได้แก่ 1) นางสาวเกศกมล จันทร์โภคาไพบูลย์ จาก บริษัท ศิกมล เอลเดอร์ลี่ พลัส จำกัด ผลงาน อากงอาม่า ผิวดี มีความสุข 2) นายดาวิด สุระเสรี จากร้านหอมพร้าว ผลงาน HOM PRAO (หอมพร้าว) น้ำตาลดอกมะพร้าวแท้ 100% และ 3) นางสาวกมลชนก แสวงการ จากร้าน เคลิ้ม แลนด์ ผลงาน KLERMLAND เที่ยวเกาะกูดง่าย ๆ กับเคลิ้มแลนด์ ###PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
07 ก.ค. 2022
ดีพร้อม ติวเข้ม เสริมความรู้ พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ นำความรู้ต่อยอดการทำงาน
ดีพร้อม ติวเข้ม เสริมความรู้ พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ นำความรู้ต่อยอดการทำงาน
กรุงเทพฯ 6 กรกฎาคม 2565 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “แนวทางการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารและสิทธิการได้รู้ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 แก่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประจำปีงบประมาณ 2565” ร่วมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) จากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคกว่า 100 คน โดยมี นางเกษราภรณ์ โกวิทลวากุล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุม 1-2 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom Meeting งานสัมมนาเชิงปฏิบัติการดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ดีพร้อม และประชาชนผู้สนใจ ในส่วนของพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ให้สามารถนำความรู้ ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงาน การให้บริการข้อมูลข่าวสารของราชการได้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย และเกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยกิจกรรมจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ด้านการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร พ.ศ. 2540 รวมถึงทักษะต่าง ๆ ได้แก่ แนวทางการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารและสิทธิการได้รู้ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการสู่การเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการโดดเด่น และจัดให้มีการสอบเพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร พ.ศ. 2540 ในส่วนที่สอง ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนาฯ จะได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเป็นเลิศด้านศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการและได้รับรางวัล ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการโดดเด่น 5 ปีซ้อน (พ.ศ. 2560 – 2564) จากสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้เข้าร่วมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สามารถประยุกต์ใช้องค์ความรู้ต่าง ๆ ในการพัฒนาต่อยอดการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ###PRDIPROM (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
07 ก.ค. 2022