จังหวัดชลบุรี 11 มิถุนายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเผยแพร่ผลสำเร็จของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้กิจกรรมยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารชุมชนประจำถิ่นโดยใช้เทคโนโลยี เครื่องจักร นวัตกรรมที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ประจำถิ่น (ภาคตะวันออก) โครงการยกระดับศุนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ร่วมด้วย นางสาวศิริลักษณ์ วิศวรุ่งโรจน์ อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี นายสุริวัฒน์ เริ่มกิจการ สภาชิกสภาเมืองพัทยา นายจิตรเทพ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมี นางสาวหนึ่งหทัย ธรรมพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 9 เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ (DIPROM) ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 พัทยา การจัดงานในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการส่งเสริมวิสาหกิจให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแปรูปวัตถุดิบเป็นผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิด Soft Power ด้านอาหาร โดยการนำอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การตลาดเนื้อหา (Content Marketing) เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ SME วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออกจำนวน 10 ราย ผ่านการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญตลอด 12 Man/day ซึ่งจะไม่ใช่เพียงการส่งเสริมและพัฒนาในตัวของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาคนในชุมชน ผ่านการฝึกฝนและสร้างอาชีพให้เกิดการสร้างรายได้ ผ่านการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาต่อยอด เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชนออกมาในผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมถึงการนำกลไก Soft Power มาใช้ในการสร้างเรื่องราว บอกต่อ และโน้มน้าวให้เกิดการเผยแพร่เข้าสู่ตลาด สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ในเกิดยอดขาย มีการกระจายรายได้ในชุมชน เพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง โดย “อธิบดีณัฏฐิญา” ได้ให้เกียรติมอบวุฒิบัตรและโล่รางวัลให้กับ 10 กิจการที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว พร้อมเยี่ยมชมสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพัฒนา ซึ่งนำมาจัดแสดงเพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จ รวมถึงเป็นการทดสอบตลาด จัดจำหน่าย และรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภค เพื่อนำไปพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจระดับชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สอดรับตามนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล

กรุงเทพฯ 10 มิถุนายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดงาน “อุตสาหกรรมแฟร์” ร่วมด้วย นายวัชรุน จุ้ยจำลอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสุชาดา โพธิ์เจริญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (สปอ.) และเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมในครั้งนี้ เป็นการติดตามความคืบหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน “อุตสาหกรรมแฟร์” ที่กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 3 สิงหาคม 2568 ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งจะเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม และ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือสหพัฒน์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยการนำสินค้าที่มีคุณภาพมาจัดจำหน่ายให้ประชาชนในราคาพิเศษเพื่อลดภาระค่าครองชีพ และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ สอดรับกับนโยบายของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เน้นการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ให้ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย อีกทั้งเป็นการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บางซื่อ ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคม ส่งผลต่อการพัฒนาระบบรางและอุตสาหกรรมต่อเนื่องในอนาคต ที่ประชุม ร่วมกันกำหนดแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ และมหบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายในพื้นที่บริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ดังนี้ (1) มหกรรมสินค้าอุปโภค บริโภค (สหพัฒน์แฟร์) โดย เครือสหพัฒน์ (2) มหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ โดย สมอ. (3) มหกรรมรถยนต์ โดย สปอ. (4) มหกรรมสินค้า SMEs และ OTOP โดย กสอ. ร่วมกับ สปอ. (5) มหกรรมอาหาร Food Court / Food Truck โดย กสอ. (6) มหกรรมสร้างงานสร้างอาชีพ อบรมฝึกทักษะ SMEs และประชาชน โดย กสอ. (7) MOU ร่วมระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนาคม การพัฒนาอุตสาหกรรมระบบราง โดย กสอ. และ การรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ “อธิบดีณัฏฐิญา” ให้ข้อแนะนำในการวางแผนการบริหารจัดการพื้นที่ การกำหนดรูปแบบ (Theme) ของงาน การประชาสัมพันธ์การจัดงานในภาพรวม เพื่อให้การเตรียมงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวมาจำหน่ายในงาน สำหรับในส่วนของพื้นที่ในความรับชอบของดีพร้อม (DIPROM) ได้มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้กำกับดูแลรับผิดชอบในการตัดเลือกผู้ประกอบการเข้าร่วมการแสดงและจำหน่ายสินค้าเป็น 3 หมวด คือ หมวดที่ 1 : เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย มอบหมาย กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (กส.กสอ.) และ กองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม (กข.กสอ.) หมวดที่ 2 : อาหาร มอบหมาย กองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน (กช.กสอ.) กองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ (กม.กสอ.) และ กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม (กอ.กสอ.) และ หมวดที่ 3 : ของตกแต่ง (Craft) มอบหมาย กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (กส.กสอ.) และ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (ศว.กสอ.) ซึ่งเป็นการให้โอกาสในด้านการตลาด รวมทั้งผลักดันและสนับสนุนการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ Supply Chain ของอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทย ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงาน 4 ให้ 1 ปฏิรูป ที่มุ่งส่งเสริม พัฒนา และยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุก ๆ ด้านอย่างตรงจุด นอกจากนี้ ในบริเวณเวทีกลางจะมีการจัดพิธีเปิดงาน และพิธีลงนาม MOU ร่วมระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของการจัดงาน และขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันกำหนดกิจกรรมที่จะใช้พื้นที่บริเวณเวทีกลางในแตละช่วงเวลาตลอดการจัดงาน อาทิ การจัดสัมมนา สันทนาการการแสดงดนตรี/คอนเสิร์ต การจัดพิธีเปิด พิธีปิด การมอบวุฒิบัตร การประกวดแข่งขันต่าง ๆ ตลอดจน การจัดกิจกรรมกีฬา เดิน - วิ่ง Strides for the Ozone : Protecting Every Step บริเวณถนนโดยรอบอาคารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่ง กรอ. เป็นผู้รับผิดชอบ

กรุงเทพ ฯ 12 มิถุนายน 2568 - นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานแถลงข่าวโครงการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่นไทย (Local Chef Restaurant) ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ร่วมด้วย ดร.พลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน นางสาวสุวิมล จินตรัตน์ รักษาการนักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ กองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน ทีมที่ปรึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) และสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ณ ห้องธนบุรี บอลล์รูม โรงแรมมิลเลนเนียน ฮิลตัน เจริญนคร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) แถลงเปิดตัวโครงการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่นไทย (Local Chef Restaurant) ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ภายใต้โครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้ในชุมชนด้วยการต่อยอดวัฒนธรรมอาหารถิ่นอาหารไทย สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวผ่านการยกระดับร้านอาหารชุมชนด้วยการนำเสนออาหารยอดนิยมและพัฒนาบุคลากรของชุมชนในการทำธุรกิจร้านอาหารแบบมืออาชีพที่สามารถพัฒนาสู่ธุรกิจอื่น ๆ อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้าง 1 ครอบครัว 1 ทักษะ Soft Power ไทย รวมถึงเป็นการปูพื้นฐานและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนกลายเป็นแหล่งผลิตของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อาหารพื้นถิ่นได้อย่างดี สอดรับกับกลไก OFOS (One Family One Soft power) ) หรือ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งตามแนวนโยบายเรือธงสำคัญในการเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล สำหรับโครงการดังกล่าว “ดีพร้อม” ได้นำกลไกของ Soft Power มาเป็นเครื่องมือในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศของอุตสาหกรรมอาหารในการสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าที่โดดเด่น แตกต่าง และตอบโจทย์ตลาดผ่าน 3 แนวทาง คือ 1. สร้างสรรค์และต่อยอดทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ 2. โน้มน้าวให้เปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด หรือพฤติกรรมความชอบผ่านการเล่าเรื่องราวที่มีคุณค่าและมีความหมาย (Storytelling) และ 3. เผยแพร่ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มุ่งส่งเสริม พัฒนา และยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารในทุก ๆ ด้านอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพให้กับร้านอาหารชุมชน (HiddenGem) ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก จำนวน 30 กลุ่ม และบุคลากรด้านอาหาร จำนวน 120 คน ผ่านการเพิ่มทักษะและองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ อาทิ การคำนวณต้นทุน การบริหารจัดการของเสีย เทคนิคการประกอบอาหารและสร้างสรรค์เมนูใหม่ (เมนูอาหารถิ่น Amazing Thai Taste) รวมถึงการพัฒนาเมนูอาหารถิ่นยอดนิยมให้เกิดมูลค่าเพิ่มทั้งด้านรสชาติ รูปลักษณ์ และการสื่อสารเรื่องราว การให้คำปรึกษาเชิงลึกและการเชื่อมโยงมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหาร ตลอดจนยกระดับร้านอาหารเชฟชุมชนสู่ร้านอาหารระดับพรีเมียม การเตรียมความพร้อมร้านอาหารซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากล และการเพิ่มช่องทางการตลาดผ่านเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศ สอดรับกับนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล

จ.นนทบุรี 9 มิถุนายน 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุม ร่วมด้วยนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเจษฎา ถาวรศักดิ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข การประชุมดังกล่าว เป็นไปตามแนวทางและนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นให้การส่งเสริม พัฒนาผลิตผลของสมุนไพรไทยให้มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ (Care and Wellness Economy) และบริการทางการแพทย์ (Medical Hub) ที่จะยกระดับสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยก้าวสู่เศรษฐกิจสุขภาพและการแพทย์ โดยการนำเอานวัตกรรมมาใช้เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งในปี พ.ศ. 2567 ประเทศไทยมีมูลค่าค้าปลีกสมุนไพรกว่า 44,700 ล้านบาท นับเป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าและสืบทอดโดยผ่านกระบวนการเรียนรู้และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมฯ ได้เสนอเรื่องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาแอลกอฮอล์ เพื่อสนับสนุนการแปรรูปสมุนไพร โดยมีกลไกการแก้ปัญหาแบบถาวร ด้วยการกำหนดนิยามของเภสัชเคมีภัณฑ์ในการเตรียมสารสกัดและยา ยกร่างกฎหมายของตัวทำละลายสารสกัดสมุนไพร เพื่อให้แอลกอฮอล์เภสัชเคมีภัณฑ์อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 และมีกลไกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการสนับสนุนเงินทุน ผ่านโครงการสนับสนุนเงินอุดหนุนสำหรับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ตัวทำละลายสารสกัดสมุนไพร และได้เสนอให้ที่ประชุมฯ พิจารณาเกี่ยวกับแนวทางในการนำแอลกอฮอล์ไปผลิตในอุตสาหกรรมอื่น ตามมติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียว (Bio – Circular – Green Economy : BCG Model) ซึ่งรัฐบาลต้องการเร่งส่งเสริมอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมสมุนไพร อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงอุตสาหกรรม S-Curve ด้วยการอนุญาตให้นำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมได้ในระยะแรก และหลังจากนั้นจึงพิจารณาส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพในระยะต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับแผนการขับเคลื่อนสมุนไพร Herb of the year ได้แก่ ไพล กระชายดำ และกระท่อม รายงานความก้าวหน้าแผนงานบูรณาการนำสมุนไพรสู่การสร้างเศรษฐกิจ แผนการส่งเสริมสมุนไพรในตลาดต่างประเทศ และแผนการดำเนินการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทย อีกด้วย

กรุงเทพฯ 11 - 12 มิถุนายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2568 ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ ครั้งที่ 2/2568 โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในครั้งนี้ ณ ห้องประชุมชั้น 6 ณ ดีพร้อม พระราม4 (DIPROM Rama IV Campus) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting ในการประชุมครั้งนี้ คณะทำงาน ฯ ร่วมกันพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติพร้อมสอบถามและลงคะแนน 14 สถานประกอบการที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกในเบื้องต้นมานำเสนอผลงาน (รอบที่ 1) โดยฝ่ายเลขาฯ ได้มีการรายงานสรุปจำนวนผู้สมัครรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2568 ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ มีผู้สมัครทั้งหมด 25 ราย โดยมีสถานประกอบการที่สละสิทธิ์ 8 ราย สถานประกอบการผ่านคุณสมบัติ 14 ราย แบ่งเป็น อุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ 3 ราย อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง 3 ราย อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป 3 ราย อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน 1 ราย อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 1 ราย และอุตสาหกรรมอื่น ๆ 3 ราย และสถานประกอบการที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ 3 ราย ซึ่งในส่วนของสถานประกอบการที่ไม่ผ่านเกณฑ์ในปีนี้ แต่มีความสามารถที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ ทางฝ่ายเลขาฯ จะส่งที่ปรึกษาเข้าไปช่วยให้คำแนะนำเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการสมัครเข้าสู่การชิงรางวัลอุตสาหกรรมในปีถัดไป โดยภายหลังจากที่คณะทำงานฯ ได้ข้อสรุปผลคะแนนแล้ว จะมีการนัดหมายลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการที่ผ่านการเกณฑ์การคัดเลือกเบื้องต้น เพื่อยืนยันข้อมูล ความเหมาะสม ดี และให้ความมั่นใจว่าสถานประกอบการมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์อย่างแท้จริง ก่อนรับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ เพื่อเป็นแบบอย่างให้สถานประกอบการอื่น ๆ ในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนใน 4 มิติ ตามนโยบาย MIND ของ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

กรุงเทพฯ 12 มิถุนายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "เสริมสร้างการรู้คิด สิทธิการได้รู้ เพราะดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้ ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 แก่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประจำปี 2568" ร่วมด้วย คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ (DIPROM) และวิทยากร โดยมี นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ ห้องเดซี่ ชั้น 9 โรงแรม ทีเค. พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ การสัมมนาฯ ครั้งนี้ มีเป้าหมายในการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้เจ้าหน้าที่ดีพร้อมทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้เข้าใจสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ภายใต้หลัก “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น” พร้อมส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ทั้งการเปิดเผย การเข้าถึง และการจัดการข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปปรับใช้ในการให้บริการแก่ประชาชน ผ่านศูนย์ข้อมูลข่าวสารของ ดีพร้อม ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ อันเป็นรากฐานสำคัญของการบริหารราชการที่ดี และเป็นกลไกขับเคลื่อนธรรมาภิบาล พร้อมป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน โดยได้รับเกียรติจากผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นวิทยากรในการถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ รวมถึงทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการฯ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมยังได้เรียนรู้การสาธิตระบบงานห้องสมุดอัตโนมัติ ELIB เพื่อพัฒนาศักยภาพในการให้บริการข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ถือเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สู่การเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสารที่โดดเด่น ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

จ.นนทบุรี 9 มิถุนายน 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมเปิดงาน OTOP MIDYEAR 2025 โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวรายงาน ร่วมด้วย คณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต ผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ผู้แทนภาคีเครือข่าย ผู้ประกอบการสินค้าโอทอป และสื่อมวลชน ณ เวทีกลาง อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี งาน OTOP MIDYEAR 2025 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7 - 15 มิถุนายน 2568 โดย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ภายใต้แนวคิด “ทันโลก ทันสมัย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน” ถือเป็นการขยายผลโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป พัฒนาผู้ผลิต และยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับ 3-5 ดาว โดยภายในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าโอทอปกว่า 2,000 บูธ มีการทดสอบตลาดของสินค้าและผลิตภัณฑ์โอทอป ทั้งนี้ คาดว่าการจัดงานดังกล่าวจะเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้กลับสู่ชุมชน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงกลางปี ให้เติบโต เข้มแข็ง และเชื่อมโยงไปยังเศรษฐกิจระดับภูมิภาคต่อไป กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการและนำผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนเข้าร่วมทดสอบตลาดภายในงาน โดยโซนนิทรรศการ ได้นำเสนอผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอปของดีพร้อม ภายใต้แนวคิด “A Modern Twist on Thai Products ปรับภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยสู่สากล” ซึ่งสะท้อนผ่าน 2 มุมมอง คือ ผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของไทยที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน (Thai Traditional Products) และผลิตภัณฑ์สมัยใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ (Modern Twist on Thai Products) รวม 22 ผลิตภัณฑ์ และโซนการจำหน่ายสินค้าโอทอป ได้คัดสรรผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยจากสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ประจำปี 2567 ระดับ 3 – 5 ดาว จำนวน 36 รายอาทิ ผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ซึ่งคาดว่าตลอด 9 วันของการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ จะสามารถสร้างยอดขายให้กับผู้ประกอบการของดีพร้อมได้กว่า 7 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม DIY (Do It Yourself) ถ่ายทอดความรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์และการประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้จากวัสดุเหลือใช้และวัสดุอื่น ๆ มีการประชาสัมพันธ์แนวทางการดำเนินงานและการพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป ของกระทรวงอุตสาหกรรมแบบครบวงจร โดยการออกบูธให้บริการคำปรึกษาแนะนำด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ ของเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย พร้อมกับการให้คำปรึกษาแนะนำด้านธุรกิจ ผ่านศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม (DIPROM Business Service Center : DIPROM BSC)

กรุงเทพฯ 10 มิถุนายน 2568 - นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะทำงานพิจารณาคัดเลือกอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายอาทิตย์ พัฒนพงศ์ชัย รองประธานคณะทำงานฯ พร้อมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) พระรามที่ 6 และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting การประชุมในครั้งนี้ มีการชี้แจงข้อมูลให้ที่ประชุมได้รับทราบถึงรายชื่อคณะทำงาน กระบวนการพิจารณาคัดเลือก รวมถึงหลักเกณฑ์การคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ประจำปี พ.ศ. 2568 พร้อมทั้งแจ้งรายชื่อผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกอุตสาหกรรมดีเด่น และกำหนดการตรวจประเมินสถานประกอบการรอบที่ 1 โดยมีสถานประกอบการเข้ารับการตรวจประเมินจำนวน 8 บริษัท โดยรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานนี้ เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ประกอบการที่โดดเด่นในด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน รวมถึงมีการประกอบการเป็นอุตสาหกรรมที่ดี เติบโตและอยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นให้ภาคอุตสาหกรรมมีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้สามารถปรับตัวเข้าสู่โลกอนาคต และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมให้ชุมชนรักโรงงาน โรงงานรักชุมชน และสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชน ตามนโยบาย MIND ในการเติบโตอย่างยั่งยืนใน 4 มิติ ของ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกแบ่งออกเป็น 5 หมวด ได้แก่ หมวดที่ 1 การกำหนดกลยุทธ์การบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานที่ยั่งยืน หมวดที่ 2 การวางแผนการบริหารจัดการโลจิสติกส์แสะโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน หมวดที่ 3 การวัดประสิทธิภาพการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน หมวดที่ 4 การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน และ หมวดที่ 5 ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานกับองค์กรภายนอก ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มีการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น พร้อมกับให้คะแนนจากการตรวจประเมินในรอบที่ 1 เพื่อคัดเลือกสถานประกอบการที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เพื่อดำเนินการตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการต่อไป

จ.เชียงใหม่ 9 มิถุนายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (รสอ.) พร้อมด้วย นายสิทธิรงณ์ เร่งเงียบ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากดีพร้อม โดยมี นายปรเมศร์ สายอุปราช เจ้าของกิจการให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมการดำเนินงาน ณ บริษัท ลีฟ ครีเอชั่น จำกัด ต.สันกลาง อ.สันกำแพง นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะฯ ได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ บริษัท ลีฟ ครีเอชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากใบตองตึงและวัสดุธรรมชาติเหลือใช้ในท้องถิ่น อาทิ ของชำร่วย กระเป๋าต่าง ๆ หมวก ร่ม รูปภาพติดผนัง กรอบรูป โคมไฟ เสื้อ รองเท้า เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ สไตล์มินิมอลภายใต้แบรนด์ “Mr.Leaf” โดยมีแรงแรงบันดาลใจและแนวคิดที่จะต่อยอดวัสดุจากธรรมชาติในท้องถิ่นอย่าง “ใบตองตึง” จึงมุ่งมั่นคิดค้น พัฒนาวัสดุ และสร้างผลิตภัณฑ์งานฝีมือที่ออกแบบโดยการใช้นวัตกรรมที่เป็นวัสดุทางเลือกที่ทำจากพืชแทนหนังสัตว์ผสมผสานคุณค่าทั้งเรื่องราว ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านวัฒนธรรม ด้านภูมิปัญญาทางกสิกรรมของไทยเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีลวดลายสวยงามจากพื้นผิวของใบตองตึง และมีคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน อีกทั้ง ยังเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับรางวัลมากมาย อาทิ ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ประจำปี 2560 Best OTOP สัญลักษณ์ตัว G ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เป็นอย่างมาก โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีการส่งออกมากกว่า 95% ไปยัง 17 ประเทศทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง ยุโรป อเมริกา เป็นต้น และด้วยคุณภาพ ความสวยงาม ทำให้ “Mr. Leaf” ติด Top 10 ในเว็บไซต์ Amazon ของอเมริกาอีกด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากโครงการพัฒนาระบบการจัดการโครงสร้างธุรกิจ รวมถึงแหล่งทุนจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทยของดีพร้อมด้วย

กรุงเทพฯ 11 มิถุนายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานการเปิดงาน Asia DigiCommerce Services Expo 2025 (ADSX 2025) โดยมี นางสาวอาบี ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเอ็กซ์ เอ็กซโป จำกัด ผู้บริหารการจัดงาน ADSX 2025 กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน และนายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต รองผู้อำนวยการและรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวสนับสนุนการจัดงานดังกล่าว ร่วมด้วย ผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ และสื่อมวลชน ณ ฮอลล์ 8 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คลองเตย นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า งาน Asia DigiCommerce Services Expo 2025 (ADSX 2025) จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 11 – 13 มิถุนายน 2568 เพื่อเป็นเวทีกลางในการขับเคลื่อนระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการในระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซจาก 15 ประเทศ กว่า 200 บริษัท เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ดิจิทัลเพย์เมนต์ โลจิสติกส์ หรือบริการ AI อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงเป็นการแสดงศักยภาพด้านการค้า โลจิสติกส์ ดิจิทัล และบริการข้ามพรมแดน ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจที่จะผลักดันภูมิภาคเอเชียให้กลายเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัลของโลกในอนาคต “ดีพร้อม“ เชื่อมั่นว่า การจัดงานในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ และซัพพลายเชนเท่านั้น หากแต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับการเจรจาธุรกิจ การจับคู่ทางการค้า (Business Matching) และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับพันธมิตรจากนานาประเทศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของ “ระบบนิเวศทางธุรกิจ” ที่กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งหวังจะผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม” กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ได้มุ่งส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ ให้มีขีดความสามารถในการประกอบการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันให้ผู้ประกอบการ SME ก้าวสู่การเป็น “SME ดิจิทัล”อย่างแท้จริง อีกทั้งยังมุ่งสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจอุตสาหกรรมที่เอื้อต่อการเติบโตแบบบูรณาการ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเข้าถึงแหล่งทุน การจับคู่ธุรกิจ และการส่งออกผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งเป็นการเปิดประตูให้ผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สอดรับกับนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปอุตสาหกรรมด้วยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SMEs ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทยสู่สากล ภายในงาน ADSX 2025 ”ดีพร้อม“ ได้นำผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ มาร่วมออกบูธ อาทิ ซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการ การตลาด การบัญชีและการเงิน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญบริการให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม โดยนำโปรแกรมด้านการจัดการ โลจิสติกส์ อาทิ WMS (warehouse managemen system) การบริหารการจัดการคลังสินค้าออนคลาวด์ การจัดการคิวรถในการขนถ่ายสินค้า และการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับการขนส่ง ซึ่งจะทำให้สถานประกอบการและผู้ที่สนใจสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปประยุกต์ใช้ หรือพัฒนาสถานประกอบการให้มีประมิทธิภาพเพิ่มขึ้นต่อไป