โทรศัพท์ 1358
"รสอ.ดุสิต" มอบนโยบาย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศฯ ย้ำความสำคัญเทคโนโลยีดิจิทัล ขับเคลื่อนดีพร้อม ยุคใหม่ ตามแนวนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 24 เมษายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมรับมอบนโยบาย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ศส.กอส.) โดยมีนายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ผอ.ศส.กสอ.) พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อมในสังกัด ศส.กสอ. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อติดตามผลการดำเนินงาน และวางแนวทางการปฏิบัติงานของ ศส.กสอ. ในปี 2568 โดยหน่วยงานได้นำเสนอภาพรวมแผนการดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด BCDE ซึ่งประกอบด้วย Business Service Center (DIPROM BSC) การให้บริการข้อมูลและคำปรึกษาธุรกิจเบื้องต้น, Computer & Communications Technology ดูแลครุภัณฑ์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์, Digital Government การเตรียมความพร้อมสู่รัฐบาลดิจิทัล และ Ecosystem การพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม “รสอ.ดุสิต” ได้ให้แนวคิดและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มงานของ ศส.กสอ. โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการปรับแนวทางการทำงานให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว เช่น การใช้อุปกรณ์พกพาอย่างโน้ตบุ๊ค และแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานได้ทุกที่ทุกเวลา การเสริมสร้างจุดแข็งในการแบ่งปันข้อมูล ตามแนวทางของ I-industry เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลอย่างคุ้มค่าสูงสุด พร้อมทั้งการตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลให้มีความถูกต้องและทันสมัย ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบที่คำนึงถึง “User Friendly" หรือ การออกแบบที่ใช้งานง่าย เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งานเข้าถึง และช่วยให้การตอบสนองต่อข้อสั่งการของผู้บริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการวางแผนและออกแบบโครงการในอนาคต ซึ่งหากมีการบริหารจัดการข้อมูลที่ดี จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพสูงสุดของการดำเนินงานโดยรวม การดำเนินการของ ศส.กสอ. ดังกล่าว ถือเป็นการทำงานตามกรอบนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ภายใต้กลยุทธ์ “4 ให้ 1 ปฏิรูป” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่เน้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือที่จำเป็น เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ พร้อมกับการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้ ความสามารถ ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย สู่ความแข็งแกร่งในยุคดิจิทัล
28 เม.ย. 2568
“ดีพร้อม” ปั้นสตาร์ตอัพแฟชั่น ต่อยอดเศรษฐกิจ 3.9 แสนล้าน ติดอาวุธผู้ประกอบการ พร้อมเชื่อมโยงแหล่งทุนจัดตั้งธุรกิจตามนโยบาย รวอ.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 24 เมษายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม แถลงเปิดตัวกิจกรรมการพัฒนาและบ่มเพาะผู้เริ่มต้นทำธุรกิจแฟชั่น" (Soft Power Startup : Ignite the Future of Fashion) ร่วมด้วย นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ผู้แทนจากสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ผู้แทนจากเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่น และสื่อมวลชน ณ Gaysorn Urban Resort ชั้น 19 อาคารเกษตร ทาวเวอร์ ปทุมวัน นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายเรือธงสำคัญในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ด้านแฟชั่น ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งในด้านมูลค่าและการจ้างงาน โดยปี 2564 สามารถสร้างรายได้ราว 3.9 แสนล้านบาท การส่งออกสินค้าแฟชั่นมีมูลค่ากว่า 2.2 แสนล้านบาท และเกิดการจ้างงานราว 8 แสนคน ซึ่งดีพร้อมรับลูกต่อนโยบายดังกล่าวผ่านการดำเนินงานกิจกรรมการพัฒนาและบ่มเพาะผู้เริ่มต้นทำธุรกิจแฟชั่น "Soft Power Startup : Ignite the Future of Fashion" ที่มุ่งพัฒนาและยกระดับศักยภาพผู้เริ่มต้นทำธุรกิจด้านแฟชั่น (Startup) จำนวน 4 สาขา ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและความงาม หัตถอุตสาหกรรมไทย และอัญมณีและเครื่องประดับ โดยการพัฒนาและสร้างทักษะที่จำเป็นในการเริ่มต้นประกอบธุรกิจแฟชั่น การบริหารจัดการ การเขียนและวางแผนธุรกิจ การสร้างโมเดลธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายและสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับจัดตั้งและยกระดับธุรกิจแฟชั่น โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะทักษะทางธุรกิจและการตลาดอย่างเข้มข้น จำนวน 16 หลักสูตร พร้อมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายกับผู้ผลิตคอนเทนต์ เพื่อปั้นเทรนด์อุตสาหกรรมให้สร้างสรรค์ สามารถตอบโจทย์และเข้าถึงช่องทางการตลาดใหม่ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก โดยที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (Mentor) ที่จะช่วยเสริมทักษะที่จำเป็น ก่อนเข้าสู่กระบวนการนำเสนอโมเดลธุรกิจต่อแหล่งทุนในกิจกรรม Pitching Day ต่อไป ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจะสามารถยกระดับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพด้านแฟชั่นให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงยกระดับองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม ดิจิทัล การบริหารจัดการธุรกิจ ตลอดจนสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้ก้าวไกลได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ที่มุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุกด้านผ่านกลไก Soft Power ของดีพร้อม ประกอบด้วย การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การโน้มน้าวผ่าน Storytelling และการเผยแพร่ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งสอดรับกับนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ พัฒนาทักษะบุคลากร รวมถึงสร้างความเท่าเทียมให้เอสเอ็มอีไทยให้สามารถนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต ออกแบบผสมผสานความร่วมสมัย คงอัตลักษณ์ความเป็นไทยรักษาไว้ซึ่งภูมิปัญญา และความเป็นไทยให้ก้าวสู่ Soft Power ในระดับสากลได้อย่างยั่งยืน
28 เม.ย. 2568
“อธิบดีณัฏฐิญา” ระดมทีมดีพร้อม รับฟังความเห็นจากภาคเอกชน เพื่อหาแนวทางรับมือการขึ้นภาษีสหรัฐฯ เน้นตรวจสอบแหล่งกำเนิดในไทย ป้องกันการสวมสิทธิส่งออก พร้อมเซฟ ผปก.ไทย ให้ปรับตัวทุกมิติ ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไทย ร่วมด้วย นายสุรพล ปลื้มใจ และ นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์สมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุน สมาคมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สถาบันยานยนต์ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) ถ.พระรามที่ 6 ราชเทวี การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกาในกลุ่มประเทศที่ทำการค้าเกินดุล จำนวน 60 ประเทศ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่มีผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ จำนวน 15 รายการ ใน 5 อุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าเกษตร และอัญมณีและเครื่องประดับ โดยผู้แทนจากเอกชนร่วมกันเสนอข้อคิดเห็นและสะท้อนมุมมองความต้องการที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อเสริมความเข็มแข็งให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย รวมถึงลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว อาทิ การกำหนดมาตรการ กฎหมาย และบทลงโทษอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสาระสำคัญในกระบวนการผลิต การยืนยันแหล่งที่มาของสินค้าว่ามีแหล่งกำเนิดในไทยเพื่อป้องกันการสวมสิทธิส่งออก การกำหนดมาตรฐานสินค้าเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าราคาถูกแต่ไม่ได้คุณภาพ การส่งเสริมและเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยให้สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ การทบทวนหลักเกณฑ์ในการส่งเสริมการลงทุน เพื่อกลั่นกรองประะเภทอุตสาหกรรมจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน การเป็นคนกลางเพื่อเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกในการเจรจาคู่ค้าทางธุรกิจในสหรัฐฯ เพื่อรักษาตลาดส่งออก รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อการป้องกันสินค้าจีนเข้ามาแย่งพื้นที่ส่วนแบ่งตลาดสินค้าของไทย นอกจากนี้ มีการเสนอให้รัฐบาลบูรณาการการทำงานเชิงนโยบาย รวมถึงการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ - เอกชน เพื่อปรับแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ทันท่วงที ตลอดจนการสนับสนุนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐให้มีสัดส่วนการใช้สินค้าของไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ “ดีพร้อม” ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทและภารกิจในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย จะเร่งนำข้อมูลและความคิดเห็นในการประชุมฯ ไปใช้ในการกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทยที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการออกมาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ โดยการใช้กลไกและเครื่องมือต่าง ๆ ของดีพร้อม คือ 1) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก 2) การนำเทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ 3) การสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน 4) การเชื่อมสิทธิประโยชน์ 5) การเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร และ 6) การผลักดันธุรกิจสู่สากล โดยใช้กลไก 4 ให้ 1 ปฏิรูป ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมเน้นการพัฒนาให้ผู้ประกอบการของไทยมีขีดความความสามรถและศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือและสามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในทุกมิติ สอดรับกับตามนโยบาย "สู้ เซฟ สร้าง" ภายใต้แนวทาง "ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส" ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ควบคู่กับการปกป้องเอสเอ็มอีไทยโดยการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทาน และสร้างโอกาส และความเท่าเทียมในการแข่งขัน เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
28 เม.ย. 2568
“อธิบดีณัฏฐิญา” มอบแนวทางการส่งเสริมข้าราชการดีพร้อมที่รับทุนรัฐบาล (ทุน ก.พ.) มุ่ง "ปฏิรูป" การพัฒนาศักยภาพและการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณารับทุนรัฐบาลตามความต้องการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2568 พร้อมด้วยนายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น Zoom Meeting การประชุมในครั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ ได้รายงานผลการคัดเลือกข้าราชการเพื่อรับทุนรัฐบาลตามความต้องการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ซึ่งคณะกรรมการมีมติพิจารณาจัดสรรทุนรัฐบาล (ทุน ก.พ.) ของ ดีพร้อม จำนวน 2 ทุน คือ 1. ทุนศึกษา (ปริญญาโท) หน่วยทุนที่ 113 Social and Behavioural sciences สาขา Economics และ 2. ทุนฝึกอบรม หน่วยทุนที่ 205 Natural Sciences, Mathematics and Statistics สาขา Climate change and industrial development โดยมีเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการเพื่อรับทุนรัฐบาลดังกล่าวโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ ซึ่งผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะต้องได้รับคะแนนเฉลี่ยรายข้อไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และคะแนนเฉลี่ยภาพรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดย “อธิบดีณัฏฐิญา” ได้ให้แนวทางในที่ประชุมว่า ควรมีการกำหนดกรอบแนวทางในการหมุนเวียนการปฏิบัติงาน สำหรับข้าราชการที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับทุนรัฐบาล เพื่อให้มีโอกาสได้นำความรู้และทักษะที่ได้จากการเรียนหรืออบรมมาปฏิบัติงานอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยให้คณะกรรมการฯ พิจารณากำหนดการหมุนเวียนการปฏิบัติงานต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปดีพร้อม ภายใต้นโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้"
28 เม.ย. 2568
“รสอ.สุรพล” ร่วมประชุมกับคณะอนุฯ ของบปี 69 เน้นยกระดับทักษะ ผปก.ไทย รับเศรษฐกิจใหม่ ตามนโยบาย “อธิบดีณัฏฐิญา”
กรุงเทพฯ 24 เมษายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มอบหมายให้นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายพลาวุธ วงศ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน (กง.กสอ.) เข้าร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ CB 401 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมเข้าประชุมด้วย ในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาคำของบประมาณด้านการพัฒนาทักษะ (Reskill) และการส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำรายงานเสนอรัฐสภา โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ได้เสนอคำของบประมาณโครงการพัฒนาทักษะ ความรู้ และศักยภาพของประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ มุ่งเน้นการ ยกระดับทักษะเดิม (Upskill) สร้างทักษะใหม่ที่จำเป็นต่อการทำงาน (Reskill) และทักษะใหม่ที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยุคใหม่ (New Skill) ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้เสนอแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมเดิมสู่เศรษฐกิจใหม่ ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของอธิบดีณัฏฐิญา เนตยสุภา
28 เม.ย. 2568
“ดีพร้อม” ร่วมประชุมคณะกรรมการจริยธรรมฯ มุ่งส่งเสริมการสร้างคุณธรรม จริยธรรมในองค์กรให้ยั่งยืน ผลักดันการทำงานด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใสตาม "นโยบาย รมว.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 24 เมษายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการจริยธรรม ประจำกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2568 ร่วมด้วย นางบุญเจือ วงษ์เกษม และนายเพทาย ล่อใจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และนายติณห์ เจริญใจ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมี นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการประชุม ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) ถนนพระรามที่ 6 การประชุมครั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พร้อมแจ้งที่ประชุมทราบ เรื่อง คำสั่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มีการแต่งตั้งนางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นผู้บริหารด้านการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม (Chief Ethic Promotion Officer - CEPO) แทนนายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567 และคัดเลือกนายติณห์ เจริญใจ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 4 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นกรรมการของคณะกรรมกรรมการจริยธรรม ประจำกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม แทนนายวัชรุน จุ้ยจำลอง ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณารายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2567 - มีนาคม 2568)โดยมีกิจรรม/โครงการที่ต้องดำเนินการตามแผนทั้งสิ้น 22 กิจกรรม ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ 11 กิจกรรม คิดเป็นร้อยละ 50 ของแผนฯ อาทิ กิจกรรมเชิดชูคนดี ศรี กสอ. กิจกรรมรางวัลอุตสาหกรรม 2567 กิจกรรมประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนการเป็นองค์กรคุณธรรม 2568 เป็นต้น โดยกิจกรรมตามแผนฯ มุ่งเน้นสร้างเสริมและยกระดับคุณธรรม จริยธรรมให้กับบุคลากรทุกระดับ และสร้างสภาพแวดล้อมขององค์กรให้ดีพร้อม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปดีพร้อมให้เป็นองค์กรที่ทำงานด้วยความสะอาด โปร่งใส ทั้งนี้ ที่ประชุมให้ข้อสังเกตและเสนอแนะแนวทางการดำเนินกิจกรรม "DIPROM จิตอาสาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สังคม และสิ่งแวดล้อม แนวกันไฟป่า” โดยมอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคทั้ง 11 ศูนย์ของดีพร้อม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการ และมีหน่วยงานส่วนกลางเป็นหน่วยร่วม เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการทำงานจิตอาสาเพื่อสังคม และส่งเสริมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ดีพร้อม นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้เน้นย้ำให้มีการดำเนินกิจกรรมการขับเคลื่อนคุณธรรม จริยธรรมขององค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืน และสร้าง DNA ด้านคุณธรรม จริยธรรมให้บุคลากรของดีพร้อม รวมถึงให้นำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะองค์กรในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามแนวทางมาตรฐานองค์กรแห่งความสุข (SMEs Happy and Productive Workplace : SHAP) ไปสอดแทรกการดำเนินงานร่วมกับสถานประกอบการและหน่วยงานภายในองค์กร เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามเกณฑ์การประเมินองค์กรคุณธรรม
25 เม.ย. 2568
ดีพร้อม เร่งยกระดับบุคลากร "Front Desk" สู่การเป็นผู้วินิจฉัยสถานประกอบการ มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจอุตสาหกรรมไทยให้เติบโต ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 22 เมษายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร "ทักษะการวินิจฉัยสถานประกอบการและการให้คำปรึกษาแนะนำเบื้องต้น" โดยมีนายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ร่วมด้วยวิทยากรและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม ณ ห้องโมโนเคิล ชั้น 1 โรงแรมกราฟ ห้วยขวาง กรุงเทพฯ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร "ทักษะการวินิจฉัยสถานประกอบการและการให้คำปรึกษาแนะนำเบื้องต้น" เป็นหนึ่งกลไกในการดำเนินงานของ "ศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม หรือ DIPROM BSC" โดยมีวัตถุประสงค์ให้บุคลากรได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ที่จำเป็น อาทิ ด้านการเงิน การบัญชี และการตลาด เพื่อสามารถเป็น Front Desk หรือหน้าต่างบานแรกในการให้บริการของดีพร้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ของผู้ประกอบการที่เข้ามาขอรับบริการในด้านต่าง ๆ ทั้งกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจ ผ่านการให้คำแนะนำด้วยทักษะการวินิจฉัยสถานประกอบการที่แม่นยำ ซึ่งจะต้องมีทักษะในการเชื่อมโยงพื้นฐานองค์ความรู้เกี่ยวกับสถานประกอบการนั้น ๆ ร่วมกับข้อมูลภาพรวมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้คำแนะนำในการประกอบธุรกิจที่เหมาะสม เช่น ผลกระทบด้านต้นทุนจากการส่งออกนำเข้า หรือการปรับตัวจากผลกระทบต่อเนื่องจากธุรกิจในประเทศคู่แข่งที่เป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชน ทั้งนี้ การนำองค์ความรู้มาใช้ในการวินิจฉัยสถานประกอบการ จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนให้เกิดระบบมาตรฐาน ผลิตภาพ และนวัตกรรมให้ไปในทิศทางเดียวกัน จึงจำเป็นที่ต้องมีความเข้าใจระบบการทำงานภายในของธุรกิจหรือโรงงาน ทั้งด้านแรงงาน บุคลากร และเครื่องจักรในการผลิต เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับกำหนดแนวทางการส่งเสริม สนับสนุน หรือพิจารณาให้ความช่วยเหลือสถานประกอบผ่านโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของดีพร้อม เช่น ด้านโลจิสติกส์ ด้านความยั่งยืน ด้านการพัฒนาเชิงธุรกิจ เป็นต้น รวมถึงการนำเครื่องมือสมัยใหม่ เช่น AI และ IoT เข้ามาช่วยในการวินิจฉัยและให้คำปรึกษา ตลอดจนการพัฒนาแนวทางการทำงานในรูปแบบ "คอมมูนิตี้" ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ตามกรอบนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นาวสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ภายใต้กลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป ซึ่งเป็นการผนึกเครื่องมือที่จำเป็นมาใช้ในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดการเติบโต สามารถสร้างรายได้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนสอดคล้องกับนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
25 เม.ย. 2568
“รสอ.ดวงดาว” ติดตามการขับเคลื่อน การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) แผนปฏิบัติการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริต ประจำปี 68
กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะทำงานการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (ITA) และขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนบริหารความเสี่ยงการทุจริต กสอ. ครั้งที่ 2/2568 พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว ฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ ได้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data Integrity and Transparency Assessment: OIT) ให้ที่ประชุมได้รับทราบ ซึ่งได้มีการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการคัดเลือกโครงการที่เป็นการดำเนินงานตามภารกิจหลักของดีพร้อม เพื่อดำเนินการจัดเก็บข้อมูลการประเมินแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (External Integrity and Transparency Assessment : EIT) ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนด รวมทั้งมีการรายงานแผนการประเมินความเสี่ยงการทุจริต ทั้ง 4 ประเด็น ได้แก่ 1) การอนุมัติ อนุญาต ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 2) การใช้อำนาจตามกฎหมายหรือการให้บริการตามภารกิจ 3) การจัดซื้อจัดจ้าง และ 4) การบริหารงานบุคคล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมติที่ประชุม เพื่อยกระดับผลการประเมิน ITA ของดีพร้อม ให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงสร้างความความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน ซึ่งสอดรับตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งปฏิรูปดีพร้อมให้เป็นองค์กรที่ทำงานด้วยความสะอาด โปร่งใส และเปิดเผยข้อมูลได้
25 เม.ย. 2568
“รสอ.ดวงดาว” เปิดงาน “JGAB 2025” เวทีอัญมณีและเครื่องประดับอาเซียน ค้นหาดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการค้าและการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับระดับโลก ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 (JGAB 2025) งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแห่งภูมิภาคอาเซียน โดยมี นายมนู เลียวไพโพจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นางอภิรดี ขาวเธียร รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ฮอลล์ 5-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ งาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 คือ เวทีระดับอาเซียนที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้เติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการเชื่อมโยงตลาดระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ผลิต ผู้ออกแบบ ผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก โดยมีผู้ประกอบการชั้นนำจากหลากหลายประเทศร่วมออกงานแสดงสินค้ารวมกว่า 400 บริษัท จาก 15 ประเทศ อาทิ จีน ฮ่องกง อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และตุรกี เป็นต้น นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนและผู้ประกอบการได้พบปะเจรจาธุรกิจ สร้างโอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพสินค้าที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ สามารถเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรายได้และสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ตามนโยบาย "ปฏิรูปอุตสาหกรรม ไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส" ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ “ดีพร้อม” เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาอุตสาหกรรมซอฟท์พาวเวอร์ด้านแฟชั่น ผ่านการพัฒนาและสร้างทักษะ (Up-Re Skill) ที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการ รวมถึงการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายและสามารถสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับจัดตั้งและยกระดับธุรกิจแฟชั่น ซึ่งสอดรับกับนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมอีกด้วย งาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 มีกิจกรรม hi light ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ - การสัมมนาระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ นักวิเคราะห์การตลาด และผู้ประกอบการชั้นนำ เพื่อร่วมกันวิเคราะห์และเจาะลึกแนวโน้มธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับในอนาคต ตลอดจนกำหนดกลยุทธ์การทำตลาดดิจิทัล และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น AI และ Blockchain ที่เข้ามามีบทบาทในการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับ - The ASEAN’s Masterpieces Gallery การจัดนิทรรศการพิเศษที่นำเสนอผลงานเครื่องประดับอันล้ำค่าจากทั่วอาเซียน สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และงานฝีมืออันประณีต - The Next Gem Awards 2025 เวทีเฟ้นหานักออกแบบเครื่องประดับรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ ให้ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานสู่ตลาดระดับโลก นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแฟชั่นโชว์เครื่องประดับสุดอลังการ เพื่อถ่ายทอดศิลปะและความงดงามผ่านเครื่องประดับที่สะท้อนวัฒนธรรมและแนวโน้มแฟชั่นแห่งอนาคต โดยงาน Jewellery & Gem ASEAN Bangkok 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 - 26 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีนักธุรกิจและผู้ประกอบการผลิตและออกแบบในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับให้ความสนใจเข้าร่วมงานมากกว่า 10,000 ราย และคาดว่าจะสามารถเกิดการเจรจาทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการจากทั่วโลกและเกิดการซื้อขายต่อไปในอนาคต
25 เม.ย. 2568
“ดีพร้อม” หารือ “เมืองโยโกฮาม่า” เตรียมกระชับความร่วมมือ ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่น มุ่งเน้น  "Decarbonization (การลดคาร์บอน)" และ "Biofuel Vehicles (ยานยนต์เชื้อเพลิงชีวภาพ)" ส่งเสริมอุตสาหกรรม BCG ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏฯ
กรุงเทพฯ 23 เมษายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมาย จากนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับคณะผู้บริหารจากเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น นำโดย นายโอริอิ เรียวอิจิโระ ผู้อำนวยการสำนักงานต่างประเทศ พร้อมคณะทำงานจากเมืองโยโกฮาม่า ร่วมด้วย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อมที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อหารือถึงทิศทางการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่น และเป็นการสานต่อความสัมพันธ์อันดี ระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) กับเมืองโยโกฮาม่า โดยได้มีการกล่าวถึงประเด็นความร่วมมือเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "Decarbonization" ที่สอดรับตาม BCG Economy Model และสอดคล้องกับทิศทางของโลก อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve Industries) และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น รวมถึงแนวคิดของ รัฐบาลญี่ปุ่นในการผลักดันให้ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นผลิตและใช้ “ยานยนต์เชื้อเพลิงชีวภาพ” (Biofuel Vehicles) โดย “ดีพร้อม” หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมที่สอดรับและเกี่ยวข้องใน Supply Chain นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงแนวทางในการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมในมิติอื่น ๆ อาทิ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในเรื่องของระบบการกำจัดกากอุตสาหกรรม ซึ่งประเทศญี่ปุ่นได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย "สู้ เซฟ สร้าง" ภายใต้แนวทาง "ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส" ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดย “ดีพร้อม” ได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวผ่านการส่งเสริม สนับสนุนให้ SMEs มีการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีมาตรฐานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้กลไกต่าง ๆ ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้ ของนางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
24 เม.ย. 2568