โทรศัพท์ 1358

“อธิบดีดีพร้อม” ถกบอร์ดเงินทุนหมุนเวียนฯ นัดแรกไตรมาส 1 ปี 68 ชูนโยบาย "เอกนัฏ" เร่งเดินเครื่องสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน
“อธิบดีดีพร้อม” ถกบอร์ดเงินทุนหมุนเวียนฯ นัดแรกไตรมาส 1 ปี 68 ชูนโยบาย "เอกนัฏ" เร่งเดินเครื่องสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน
กรุงเทพฯ 20 พฤศจิกายน 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย ครั้งที่ 7/2567 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting การประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ ประจำไตรมาสที่ 1 ประจำปีงบฯ 68 เพื่อพิจารณาประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ 1) ให้หน่วยตรวจสอบภายในของดีพร้อมเป็นหน่วยตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ รวมทั้งการนำกฎบัตรว่าด้วยการตรวจสอบภายในของดีพร้อมมาใช้ในการตรวจสอบการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนฯ ประจำปีงบฯ 68 ควบคู่กับประกาศคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ เพื่อให้มีระบบการตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องและเป็นแนวทางเดียวกันกับดีพร้อม 2) ปรับกรอบอัตรากำลังลูกจ้างชั่วคราว เพื่อทดแทนอัตรากำลังที่ว่างลง พร้อมอนุมัติให้จัดสรรประมาณการรายจ่ายงบฯ 68 งบบุคลากร (ลูกจ้างชั่วคราว) ให้กับ ศภ.1 กสอ. ทั้งนี้ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำกรอบอัตรากำลังของแต่ละหน่วยปฏิบัติ พร้อมวางแผนการเสนอกรอบอัตรากำลังเพื่อขอรับจัดสรรพนักงานทุนทดแทนลูกจ้างประจำที่เกษียณอายุราชการและนำเสนอคณะกรรมการบริหารฯ พิจารณาต่อไป 3) กำหนดให้ผู้ประกอบการที่ขอรับบริการเงินทุนหมุนเวียนฯ สามารถนำเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ห้องชุดมาเป็นหลักประกันได้ พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ทั้งนี้ มอบหมายฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการศึกษารายละเอียดการนำหลักประกันทางธุรกิจมาใช้เป็นหลักประกันวงเงินกู้ และนำเสนอคณะกรรมการพิจารณา เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุนให้กับผู้ประกอบการรายย่อยต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานต่าง ๆ ดังนี้ 1) กระทรวงการคลังอนุมัติแผนการดำเนินงานเงินทนหมุนเวียนฯ ประจำปีงบฯ 68 2) รายงานงบการเงินโตรมาสที่ 4/2567 ของเงินทุนหนุนเวียนฯ 3) รายงานผลการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนฯ ประจำปีบัญชี 68 4 ) การนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ประจำปีบัญชี 67 5) กรอบอัตรากำลังของเงินทุนหมุนเวียนฯ ที่ได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลาง และ 6) รายงานผลการประชุมติดตามการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนฯ ของหน่วยปฏิบัติ ประจำปีบัญชี 67-68
14 ม.ค. 2025
"ปลัดณัฐพล" นำทีมดีพร้อมหารือแนวทางผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ สร้างพลังพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สาขาอาหารและแฟชั่น
"ปลัดณัฐพล" นำทีมดีพร้อมหารือแนวทางผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ สร้างพลังพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สาขาอาหารและแฟชั่น
กรุงเทพฯ 19 พฤศจิกายน 2567 – ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สาขาอาหารและแฟชั่น ร่วมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายวัชรุน จุ้ยจำลอง นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การประชุมดังกล่าว ดีพร้อมได้นำเสนอร่างแผนการดำเนินงานตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผนวกกับการผลักดันนโยบายการเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือซอฟต์พาวเวอร์ ดีพร้อมจึงเร่งขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ สาขาแฟชั่น ประกอบด้วย 1) การพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่นให้มีองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ในอุตสาหกรรมแฟชั่น 4 สาขา ได้แก่ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย อัญมณีและเครื่องประดับไทย หัตถอุตสาหกรรมไทย เครื่องสำอางและความงามไทย 2) การส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity) ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่นให้มีองค์ความรู้และสามารถนำอัตลักษณ์ที่มีเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์สินค้า และยกระดับผลิตภัณฑ์สู่การเป็น Hero Brand และ 3) การเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แฟชั่นและหัตถกรรมสิ่งทอระหว่างประเทศ ระหว่างช่างฝีมือ นักออกแบบ และผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้ง ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่นสายมูมงคลเชื่อมโยงซอฟต์พาวเวอร์ไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการผลิต ผ่านความเชื่อ ความศรัทธา ศาสตร์แห่งความมงคลที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ สาขาอาหาร ประกอบไปด้วย 1) การยกระดับหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย ด้วยการส่งเสริมองค์ความรู้ และพัฒนาคุณภาพอาหาร พร้อมได้ใบรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพผู้ปรุงอาหารมืออาชีพ (เชฟ) ได้ 2) การพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย ด้วยการคัดเลือกชุมชนเพื่อนำมาเสริมองค์ความรู้สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน เพื่อให้มีศักยภาพสู่การเป็น 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ต่อไปในอนาคต 3) การยกระดับศูนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ และส่งเสริมให้ชุมชนใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่าให้แก่อาหารชุมชน รวมถึงส่งเสริมการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรแต่ละภูมิภาคในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่า และ 4) การส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาศักยภาพธุรกิจอาหาร ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี มาตรฐาน ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล
28 พ.ย. 2024
"ดีพร้อม" เผยกลไกการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมตามเทรนด์ และทิศทางของโลกผ่านการส่งเสริม พัฒนา และเชื่อมโยงด้วยกิจกรรมดีพร้อม เร่งประเมินผลงานและเร่งเครื่องโครงการปฏิรูปอุตสาหกรรม ตามนโยบาย "รมต.เอกนัฏ"
"ดีพร้อม" เผยกลไกการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมตามเทรนด์ และทิศทางของโลกผ่านการส่งเสริม พัฒนา และเชื่อมโยงด้วยกิจกรรมดีพร้อม เร่งประเมินผลงานและเร่งเครื่องโครงการปฏิรูปอุตสาหกรรม ตามนโยบาย "รมต.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 18 พฤศจิกายน 2567 – นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมวิพากษ์รายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการของ กสอ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ร่วมด้วย นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 6 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และระบบออนไลน์ Zoom Meeting การประชุมดังกล่าว เป็นการรายงานผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการต่อคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม โดย ทีมงานบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อให้รับทราบรายงานและนำไปปรับปรุง พัฒนางานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นแนวทางเตรียมพร้อมในการปฏิบัติงานในอนาคตต่อไป ซึ่งในที่ประชุมได้มีการรายงานผลการดำเนินงานของดีพร้อมตามแนวนโยบายปี 2567 ประกอบด้วย 1) ด้านยกระดับศักยภาพภาคอุตสาหกรรม เช่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ การสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป 2) ด้านการส่งเสริมมูลค่าเพิ่มและโอกาสด้านการตลาด ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลบริหารจัดการธุรกิจ การนำ BCG Model มาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมสาขาต่าง ๆ และ 3) ด้านการพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ทั้งนี้ ดีพร้อมมีแนวทางการดำเนินงานตามนโยบาย "ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส" ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในด้านต่าง ๆ อาทิ 1) Digital Transformation ในการใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เช่น การนำ AI หรือ IoT เข้ามาช่วยปรับกระบวนการทำงาน เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจให้กับเอสเอ็มอี 2) BCG Model ด้วยส่งเสริมการใช้นวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) การพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากความหลากหลายทางชีวภาพ และเพิ่มศักยภาพด้านการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรและการหมุนเวียนนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่หรือการใช้ประโยชน์จากของเสียด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล พร้อมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถสร้างโอกาสในการจำหน่ายสินค้ารักษ์โลกในงานต่าง ๆ 3) Aging society ด้วยการเชื่อมโยงกับโครงการต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการรับรองมาตรฐานฮาลาล การยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม และการพัฒนาอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ 4) Soft power เป็นกลไกการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในด้านอาหารและแฟชั่น ตามเทรนด์ และทิศทางของโลกผ่านการส่งเสริม พัฒนา และเชื่อมโยงด้วยโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ ของดีพร้อม 5) Defence Industry มีการกำหนดผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่มีศักยภาพเบื้องต้นนำร่อง 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ยานพาหนะรบ การต่อเรือ อากาศยานไร้คนขับ อาวุธและปืนสำหรับป้องกันประเทศ รวมถึงอุปกรณ์กีฬา 6) Economic Corridor เพื่อเป็นการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค สร้างงานยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน 7) การส่งเสริมศักยภาพชุมชน โดยการบูรณาการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนด้าน S-Curve เพื่อผลักดันให้ธุรกิจและชุมชนเติบโตไปด้วยกัน 8) การเข้าถึงแหล่งทุนด้วยการขยายความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงส่งเสริมผลักดันให้เอสเอ็มอีทำธุรกรรมการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเป็นการสร้างข้อมูลดิจิทัล นอกจากนี้ ได้มีการเสนอข้อคิดเห็นต่อแนวทางการดำเนินงาน อาทิ การคัดกรองและคัดเลือกกลุ่มผู้ประกอบการเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมโครงการ ให้เกิดการพัฒนาและต่อยอดได้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการ และป้องกันไม่ให้เกิดการพัฒนาทับซ้อน การนำอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานในโครงการ เช่น เกษตรอุตสาหกรรม เศรษฐกิจสูงวัย BCG Model การปรับตัวชี้วัดหลักให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรม การสนับสนุนการให้ผู้ประกอบการทำแผนธุรกิจ โดยการเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดบูรณาการข้อมูล รายละเอียดโครงการ/กิจกรรม และกระบวนการทำงานร่วมกัน อีกทั้ง ยังได้จัดทำคู่มือแนวทางการกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายการดำเนินงานกิจกรรม/โครงการของหน่วยงานสำหรับบุคลากรของดีพร้อมด้ว
28 พ.ย. 2024
“อธิบดีดีพร้อม” รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมร่วมประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2567 ชู DIPROM BCG นโยบายสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่้ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของ "รมต.เอกนัฏ"
“อธิบดีดีพร้อม” รับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมร่วมประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2567 ชู DIPROM BCG นโยบายสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่้ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของ "รมต.เอกนัฏ"
กรุงเทพฯ 19 พฤศจิกายน 2567 – นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายเอกภัทร วังสุวรรณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านสิ่งแวดล้อม The 4th International Conference on Environment, Livelihood, and Servicing ประจำปี 2567 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ทรงเปิดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทรงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “Sustainable Development through the Initiatives of the Chaipattana Foundation : Safeguarding Against Global Changes” ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้ขับเคลื่อนนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” โดยมอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ดำเนินการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชู DIPROM BCG เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ การประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านสิ่งแวดล้อม The 4th International Conference on Environment, Livelihood, and Servicing ประจำปี 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้การจัดการน้ำเสียด้วยวิธีทางธรรมชาติตามแนวพระราชดำริ การรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก และการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ซึ่งเปิดโอกาสให้แก่นักวิจัยและนักศึกษาได้แสดงผลงานวิจัย สร้างเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม โดยในการประชุมครั้งนี้ จะมีหัวข้อการประชุมใน 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการปรับตัวของทรัพยากรธรรมชาติ การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติและมลพิษทางธรรมชาติ มาตรการลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์และการปรับตัวตามสิ่งแวดล้อม การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องจากนานาประเทศ อาทิ จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน อเมริกา ออสเตรีย เครือรัฐออสเตรเลีย แคนนาดา อังกฤษ และฝรั่งเศส เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว
28 พ.ย. 2024
“ดีพร้อม” เปิดบ้านต้อนรับหน่วยงานพันธมิตร สานต่อการพัฒนาเครือข่ายการส่งเสริมผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่น ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยุคใหม่ ผลักดันเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นโตอย่างยั่งยืน
“ดีพร้อม” เปิดบ้านต้อนรับหน่วยงานพันธมิตร สานต่อการพัฒนาเครือข่ายการส่งเสริมผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่น ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยุคใหม่ ผลักดันเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นโตอย่างยั่งยืน
กรุงเทพฯ 19 พฤศจิกายน 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มอบหมายให้ นายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วมการประชุมหารือและให้การต้อนรับ นายโนริอาอากิ โอกาวะ (Mr. Noriaki Okawa) ในการเข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง เลขาธิการศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo SME Support Center Japan) ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) ศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo SME Support Center Japan) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) และได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ระหว่าง ดีพร้อม และศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง ดีพร้อมและศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผ่านกลไกการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของทั้งสองประเทศ เช่น การแลกเปลี่ยนบุคลากร การจัดสัมมนาเชิงวิชาการ งานนิทรรศการการค้าและการลงทุน กิจกรรมการนำเสนอและจับคู่เชิงธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมเป้าหมายต่าง ๆ ตลอดจนการประชุมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและประสานงานร่วมกันระหว่างสองประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยสรุปผลเกี่ยวกับการดำเนินงานร่วมกันของทั้งสองหน่วยงานภายใต้ความร่วมมือที่ผ่านมาและก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ในปีปัจจุบัน ตลอดจนหารือเกี่ยวกับแนวทางการวางแผนการทำงานของทั้งสองหน่วยงานประจำปีงบประมาณใหม่ของประเทศญี่ปุ่น และความเชื่อมโยงกับปีงบประมาณใหม่ของประเทศไทย เพื่อให้เกิดแนวทางการบูรณาการไปสู่ภารกิจส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของทั้งสองประเทศ โดยในช่วงท้าย นายโนริอาอากิ โอกาวะ (Mr. Noriaki Okawa) เลขาธิการศูนย์ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo SME Support Center Japan) ได้แสดงความขอบคุณในการเป็นพันธมิตรที่ดีตลอดมาของดีพร้อม และมีความยินดีที่จะร่วมมือและคอยสนับสนุนการดำเนินงานต่าง ๆ โดยหวังว่าจะเป็นการสานต่อภารกิจที่สำคัญในการดูแล ส่งเสริม พัฒนาผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ ตามที่ทั้งสองหน่วยงานมีความตั้งใจจะขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ และทำให้เศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นได้เติบโตควบคู่ไปด้วยกันได้อย่างสมดุล มั่นคง และยั่งยืนต่อไป
27 พ.ย. 2024
**แฟชั่นไทยปังไม่หยุด! “ดีพร้อม” จับมืออินฟลูเอนเซอร์ “ปลัดณัฐพล” ปลุกพลังทางอ้อม รับลูก “รมต.เอกนัฏ” เผยก้าวสำคัญ ดัน Nation Branding ขยายพลัง Soft Power ตอกย้ำศักยภาพสู่สากล
**แฟชั่นไทยปังไม่หยุด! “ดีพร้อม” จับมืออินฟลูเอนเซอร์ “ปลัดณัฐพล” ปลุกพลังทางอ้อม รับลูก “รมต.เอกนัฏ” เผยก้าวสำคัญ ดัน Nation Branding ขยายพลัง Soft Power ตอกย้ำศักยภาพสู่สากล
กรุงเทพฯ 18 พฤศจิกายน 2567 – นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมกิจกรรมแถลงข่าวและพิธีเปิดโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นไทยสู่สากล โดยมี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางอัจฉรา อัมพุช ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์สาขาแฟชั่น นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ นายวัชรุน จุ้ยจำลอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางสาวรานี อิฐรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ดร.จิราภรณ์ วิริยะพงษากุล ผู้แทนประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ห้อง Ballroom 1 ชั้น 6 โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถโน้มน้าวจูงใจให้ประเทศคู่ค้า ผู้สนใจลงทุน ผู้สนใจซื้อสินค้าและบริการ นักท่องเที่ยว หรือผู้หาที่จัดงาน MICE ตัดสินใจเลือกประเทศไทย หรือ สินค้าและบริการของไทยผ่านการส่งสารโดยอาศัย "พลังทางอ้อม" หรือ Soft Power ที่ไม่ใช่การพูดหรือโฆษณาโดยตรง แต่เป็นการสื่อสารว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน น่าใช้ชีวิต คนไทยเป็นคนน่ารัก มีศิลปะและวัฒนธรรม มีความละเอียดอ่อน มีความใส่ใจในสินค้าคุณภาพในทุก ๆ ช่องทางการสื่อสาร อย่างไรก็ดี นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ช่วงแรกจะเน้นการพัฒนาการสื่อสารพลังทางอ้อมนี้ ผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ ละครภาพยนตร์ แฟชั่น อาหาร งาน festival และกีฬามวยไทย ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีนโยบายในการ “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ผนวกกับนโยบายการเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือซอฟต์พาวเวอร์ จึงได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งด้านอุตสาหกรรมแฟชั่น และอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักสำคัญที่ส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ในด้านการสร้างรายได้และการจ้างงาน นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ได้เล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ตามแนวคิด “Fun & Freedom แฟชั่นไทย ใส่ยังไงก็สนุก” ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติพูดถึงประเทศไทย จึงได้มีแนวคิดในการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มบนฐานของทุนทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว รวมถึงเทคนิคและเครื่องมือการโน้มน้าวและสื่อสาร (Convince & Communication) สร้างกระแสให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักผ่านการสื่อสารพลังทางอ้อมของประเทศไทย อาทิ การสร้างคอนเทนต์ (Viral Content) การเล่าเรื่อง (Storytelling) การสร้างแบรนด์ (Branding) การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย (Social Media) การใช้บุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิด (Influencer) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงและบูรณาการ Soft Power ข้ามอุตสาหกรรม (Fashion Cross Industries Collaboration) ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างกระแส Soft Power ด้านแฟชั่น เช่น การ Collab กับละคร ซีรีส์ โดยพระเอก นางเอก แต่งกายด้วยชุดและเครื่องประดับแฟชั่นไทย ผ่าน "โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นไทยสู่สากล" โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการดำเนินกิจกรรม 1) การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้เข้าใจในโจทย์ของซอฟต์พาวเวอร์ที่ประเทศไทยต้องการสื่อสาร เช่น การมีความคิดความคิดริเริ่ม ความเป็นสากล ความทันสมัย ความมีวัฒนธรรม และความละเอียดอ่อน เป็นต้น 2) การส่งเสริมให้เกิดการจับมือด้านธุรกิจระหว่าง Influencer และการใช้ Social Media เพื่อวางระบบการสื่อสารทางอ้อม เร่งขยายการสื่อสารออกไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 3) การจัดงานแสดงศักยภาพและสื่อสารภาพลักษณ์ของการออกแบบและสินค้าแฟชั่นที่สะท้อนภาพลักษณ์ในการดำเนินการตามนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ภายในการจัดงานในวันนี้ มีกิจกรรมพิเศษมากมาย อาทิ 1) ปาฐกถา หัวข้อ “Soft Power กับการพัฒนาประเทศไทย” โดย นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ 2) เสวนาหัวข้อ “เปิดมุมมองวิสัยทัศน์ ด้านอุตสาหกรรมแฟชั่น” โดยนางอัจฉรา อัมพุช ประธาน อนุกรรมการฯ ด้านแฟชั่น 3) เสวนาหัวข้อ “แนวโน้มและทิศทาง Soft Power ในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย” โดย ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ นายสักกฉัฐ ศิวะบวร นักยุทธศาสตร์เชิงสร้างสรรค์ และตัวแทนผู้ประกอบการเจ้าของแบรนด์แฟชั่นอีก 2 ท่าน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ และเชื่อมโยงอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลกต่อไป นางสาวณัฏฐิญา กล่าวทิ้งท้าย
22 พ.ย. 2024
“ดีพร้อม” ชูกรณีศึกษา “ดิไอคอนกรุ๊ปฯ“ ร่วมบูรณาการคณะกรรมการขายตรงฯ ตามข้อสั่งการ “รมต. เอกนัฏ” สู้กับผู้กระทำผิด ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายและการจะให้ผลประโยชน์ตอบแทน เผยแนวทางกำกับ และตรวจสอบให้ทัน
“ดีพร้อม” ชูกรณีศึกษา “ดิไอคอนกรุ๊ปฯ“ ร่วมบูรณาการคณะกรรมการขายตรงฯ ตามข้อสั่งการ “รมต. เอกนัฏ” สู้กับผู้กระทำผิด ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายและการจะให้ผลประโยชน์ตอบแทน เผยแนวทางกำกับ และตรวจสอบให้ทัน
กรุงเทพฯ 15 พฤศจิกายน 2567 – นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง ครั้งที่ 2/2567 พร้อมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายสมชัย เอมบำรุง ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) โดยเป็นการประชุมในรูปแบบออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ Cisco Webex Meeting) การประชุมดังกล่าว เป็นการสรุปผลการดำเนินการของคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบขายตรง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2566 โดยได้สรุปข้อเท็จจริงและผลการดำเนินการกรณี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่าง ๆ ในช่วงวันที่ 9 ตุลาคม 2567 เป็นต้นมา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ทำการของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ตรวจดูเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ประกอบการพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จากกรณี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เป็นกรณีศึกษาที่สังคมให้ความสนใจ ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันหารือเกี่ยวกับแนวทางการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ทั้งนี้ ดีพร้อมในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาบทบาทหน้าที่โดยมุ่งเน้นปฏิบัติงานตามภารกิจของหน่วยงาน ซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเป็นหลัก ตามนโยบาย "ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส" ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และดีพร้อมให้การสนับสนุนหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันเสนอแนวทางในการกำกับดูแลกิจการต่าง ๆ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อเกิดการร้องเรียนจากประชาชน หากมีเพียงการเจรจา ไกล่เกลี่ย ในอนาคตอาจเกิดปัญหาอย่างเช่นกรณี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ปฯ จึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์สังคมยุคปัจจุบัน พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการกระทำความผิด นอกจากนี้ ควรมีการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจขายตรงกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภค สร้างระบบการรับเรื่องร้องเรียนให้มีมาตรฐานเพื่อให้เห็นพฤติการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลของบริษัทต่าง ๆ พร้อมตรวจสอบ กำกับได้ทันท่วงที ก่อนจะเกิดความเสียหายในวงกว้าง
19 พ.ย. 2024
"อธิบดีดีพร้อม" นำทีมส่งมอบ "ถุง MIND ไม่ทิ้งกัน" ส่งต่อความห่วงใยของ “รมต.เอกนัฏ” นำอุตสาหกรรมรวมใจพร้อมให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงผลกระทบจากภัยพิบัติทั่วประเทศ
"อธิบดีดีพร้อม" นำทีมส่งมอบ "ถุง MIND ไม่ทิ้งกัน" ส่งต่อความห่วงใยของ “รมต.เอกนัฏ” นำอุตสาหกรรมรวมใจพร้อมให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงผลกระทบจากภัยพิบัติทั่วประเทศ
กรุงเทพฯ 15 พฤศจิกายน 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายวัชรุน จุ้ยจำลอง นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ร่วมขนย้าย "ถุงอุตสาหกรรมรวมใจ MIND ไม่ทิ้งกัน" ขึ้นรถบรรทุกเพื่อลำเลียงไปส่งมอบเป็นกำลังใจให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในพื้นที่จังหวัดชุมพร ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น 1 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) ซึ่งภายในถุงบรรจุสิ่งของอุปโภค บริโภค และของใช้ที่จำเป็น เป็นถุงยังชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศที่รวมใจส่งมอบรอยยิ้ม เป็นกำลังใจให้กับผู้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติในพื้นที่จังหวัดชุมพรในการก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ตามนโยบายของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการเตรียมมาตรการป้องกันให้พร้อมรับมือกับปัญหาภัยพิบัติอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชน
19 พ.ย. 2024
"ดีพร้อม" วิพากษ์ผลของคณะทำงานศึกษาปรับปรุงกฎหมายอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โชว์นโยบาย "รมต.เอกนัฏ" แนวทางการช่วยเหลือ Disrupted Industries อุตสาหกรรมที่หยุดชะงัก และการส่งเสริมเอสเอ็มอีเข้าสู่ยุค Digital Transformation
"ดีพร้อม" วิพากษ์ผลของคณะทำงานศึกษาปรับปรุงกฎหมายอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โชว์นโยบาย "รมต.เอกนัฏ" แนวทางการช่วยเหลือ Disrupted Industries อุตสาหกรรมที่หยุดชะงัก และการส่งเสริมเอสเอ็มอีเข้าสู่ยุค Digital Transformation
กรุงเทพฯ 14 พฤศจิกายน 2567 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมกับคณะทำงานศึกษาปรับปรุงกฎหมายเพื่อดูแลอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและไม่สามารถปรับตัวได้ทัน (Disrupted Industries) ภายใต้คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยมี ว่าที่ร้อยตรีไพศาล เอกคณิต เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ ในโอกาสขอเข้าพบ พร้อมหารือแนวทางการแก้ปัญหาในภาคอุตสาหกรรมหลักที่ได้รับผลกระทบ ร่วมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 2 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) การเข้าพบครั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้แจ้งวัตถุประสงค์ถึงการดูแลและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยศึกษาปัญหาของอุตสาหกรรมหลัก เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมทางการเกษตร ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและไม่สามารถปรับตัวได้ทัน รวมถึงพิจารณาศึกษากฎหมายที่กำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยรัฐที่ดูแลส่งเสริมการอุตสาหกรรม และเสนอแนะการปฏิรูปกฎหมายหรือการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่และบทบาทของดีพร้อม อีกทั้ง ได้เสนอผลการศึกษา และแนวทางการช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่หยุดชะงักด้วยการที่ดีพร้อมให้การช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่ถูก Disrupt ผ่านการส่งเสริมเอสเอ็มอีเข้าสู่ยุค Digital Transformation การต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม ด้วยการ Upskill/Reskill บุคลากรภาคอุตสาหกรรมให้สามารถยกระดับการประกอบการให้มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่เป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการไทยผ่านระบบนิเวศเศรษฐกิจโดยใช้ Digital Economy การจัดสรรเงินกองทุน การส่งเสริมการเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม และการผลักดัน Low Carbon Industry รวมถึงการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง อาทิ สศอ.ควรสร้าง Digital Economy เป็น Ecosystem Economy ถ่ายทอดผลงานวิจัยจาก สวทช. ไปสู่ ดีพร้อม เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ เร่งรัดให้เกิดการรายงานข้อมูลการปฏิบัติทั้งที่เป็น "กฏหมาย และไม่ใช่กฏหมาย" เข้าระบบและนำมาประมวลผลจัดระดับโรงงานชั้นดี และสิทธิประโยชน์ทางภาษีและด้านการเงิน รวมถึงการผลักดันการซื้อขาย Carbon Credit ระดับ T-Ver การสร้างกลไกการทำ Life Cycle Assessment : LCA และการกำกับติดตามปัญหา "นอมินี" นอกจากนี้ คณะทำงานฯ ได้เสนอให้ดีพร้อมส่งข้อมูลเรื่องการขอจัดตั้งกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม และศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มในรานงานการศึกษา ประกอบด้วย ภารกิจ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พร้อมตัวชี้วัดของทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาของคณะทำงานฯ ต่อไป ทั้งนี้ รปอ.รก.อสอ.ณัฏฐิญา ได้ชี้แจงว่า ตามบทบาท ภารกิจของดีพร้อมจะดูแลครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มอุตสาหกรรมรายใหญ่ กลุ่มอุตสาหกรรมหกรรมเป้าหมายในอนาคต หรือ S-Curve รวมถึงกลุ่มเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน แม้กระทั้งกลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งตอนนี้กำลังมุ่งเน้นภารกิจในการขับเคลื่อนภาคเกษตรอุตสาหกรรม โดยการนำศาสตร์ของอุตสาหกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้กับด้านเกษตร เพื่อพัฒนาต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ไปจนถึงการตลาด อีกทั้งดีพร้อมยังมีเซ็นเตอร์กระจายตัวทั่วทุกภูมิภาค และได้ถูกกำหนดเป็นศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม ซึ่งอุตสาหกรรมนำร่อง คือ เกษตรอุตสาหกรรม เพื่อรองรับในเรื่องผลผลิตที่ล้นตลาดนำมาแปรรูปทำให้เกษตรกร หรือวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่สามารถไปทดลองการผลิตและทำต้นแบบผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ตามนโยบาย "ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส" ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ดีพร้อม ยังวิเคราะห์ถึงแนวโน้มของตลาดยานยนต์จะไปในทิศทางของพลังงานสะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รัฐบาลไทยจึงมีมาตรการส่งเสริมการผลิตและการใช้รถ EV เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนรถยนต์ ICE และ HEV ที่มีคุณภาพมาตรฐานสูงขึ้น เพื่อรักษาการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของโลก พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กไทยให้เป็นอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อลดผลกระทบจากการกีดกันทางการค้าและเพิ่มความสามารถในการส่งออก
18 พ.ย. 2024
รมว.เอกนัฏ หารือ กมธ.พาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ร่วม”สู้ เซฟ สร้าง“ ก้าวผ่านความท้าทาย เซฟอุตสาหกรรมไทย
รมว.เอกนัฏ หารือ กมธ.พาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ร่วม”สู้ เซฟ สร้าง“ ก้าวผ่านความท้าทาย เซฟอุตสาหกรรมไทย
กรุงเทพฯ 14 พฤศจิกายน 2567 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หารือคณะกรรมาธิการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา นำโดยนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานคณะกรรมการ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน และรับทราบแนวทางการดำเนินนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะเป็นแนวร่วมในการผลักดันและขับเคลื่อนภารกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานที่ปรึกษาคณะทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ด้านยุทธศาสตร์ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกภัทร วังสุวรรณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และนายพิชิต มินทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้เข้าร่วมของคณะกรรมาธิการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ประกอบด้วย นายเอกชัย เรืองรัตน์ รองประธานคณะกรรมการคนที่หนึ่ง นางรจนา เพิ่มพูน รองประธานคณะกรรมการคนที่สาม นางสาวตวงคุณ ทรงธรรมวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการคนที่สี่ นายสหพันธ์ รุ่งโรจน์พณิชย์ รองประธานคณะกรรมการคนที่ห้า และคณะกรรมาธิการผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมหารือด้วย ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม หลังจากสถานการณ์โรคระบาด ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เกิดความเปลี่ยนแปลงของโลก และนับเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทย ที่ต้องรับมือความท้าทายใหม่ๆ ที่ภาคอุตสาหกรรมจะต้องปรับตัว พร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยไปสู่ตลาดโลก โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พบว่านักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งไทยมีความสมดุลทางด้านทรัพยากร และห่วงโซ่อุปทาน จึงมีความได้เปรียบในการเพิ่มขีดความสามารถด้านความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยผ่านการขับเคลื่อนด้วยนโยบาย “สู้ เซฟ สร้าง” ที่มุ่งหวังเติมเต็มห่วงโซ่อุปทาน เซฟธุรกิจไทย ต่อสู้เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เดินหน้าไปสู่ความยั่งยืน สร้างความเท่าเทียม สร้างรายได้ สร้างโอกาส ในการแข่งขันทางธุรกิจ และสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก โดยใช้ 3 ปฏิรูป 3 แนวทาง ได้แก่ ปฏิรูป 1 จัดการกากสารพิษที่ทำร้ายชีวิตประชาชน โดยการปรับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ การแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืน จัดตั้งกองทุนเพื่อการปฏิรูประบบอุตสาหกรรม สร้างความยั่งยืน และฟื้นฟู เยียวยาผลกระทบที่อาจเกิดจากการประกอบกิจการ จัดการกากอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ปฏิรูป 2 สร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันของ SME ไทย ปกป้องและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการไทย สร้างความเท่าเทียมด้านกฎระเบียบและภาษีระหว่างร้านค้าที่มีหน้าร้านในไทยผู้ประกอบการออนไลน์ที่อยู่ในไทยและผู้ประกอบการออนไลน์ต่างประเทศ การตรวจสอบมาตรฐานสินค้ากระบวนการผลิตสินค้า และวัตถุอันตราย และการนำเข้าที่ต้องควบคุมเป็นการทั่วไปและในเขต Free Zone การยกระดับขีดความสามารถให้แข่งขันได้ กลไกการส่งเสริมจากภาครัฐผ่าน DIPROM และสถาบันเครือข่าย ผลักดันมาตรการ “Made in Thailand" และปฏิรูป 3 สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และรองรับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ก้าวทันโลก เพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุนการผลิต ปรับการผลิตให้ยืดหยุ่นเพิ่มขีดความสามารถด้วยระบบอัตโนมัติ ดิจิทัล และAI พัฒนาศักยภาพบุคลากรให้ภาคอุตสาหกรรม และส่งเสริมการใช้พลังงานสีเขียวทางด้านคณะกรรมาธิการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา กล่าวว่า ภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ต้องส่งเสริมหรือพัฒนาอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี รวมถึงไมโครเอสเอ็มอี ที่มีความเปราะบางในการดำเนินกิจการ มีปัญหาต้องเร่งแก้ไข ซึ่งจากการรับฟังนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมในวันนี้ ถือว่าการดำเนินงานของกระทรวงอุตสาหกรรมตรงกับความต้องการคณะกรรมาธิการฯ คือการคำนึงถึงผู้ประกอบการรายเล็กๆ เป็นอันดับแรก แต่อยากเน้นย้ำให้ติดตามการส่งเสริม สนับสนุน ผู้ประกอบการรายใหญ่จนถึงไมโครเอสเอ็มอีในทุกมิติ เพื่อให้ทุกกิจการยังคงดำเนินไปได้ และนำพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตขึ้น ทั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และนายพิชิต มินทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้เข้าร่วมของคณะกรรมาธิการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ประกอบด้วย นายเอกชัย เรืองรัตน์ รองประธานคณะกรรมการคนที่หนึ่ง นางรจนา เพิ่มพูน รองประธานคณะกรรมการคนที่สาม นางสาวตวงคุณ ทรงธรรมวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการคนที่สี่ นายสหพันธ์ รุ่งโรจน์พณิชย์ รองประธานคณะกรรมการคนที่ห้า และคณะกรรมาธิการผู้ทรงคุณวุฒิ
18 พ.ย. 2024