โทรศัพท์ 1358

กสอ. โชว์ต้นแบบแตกกอจากผู้ประกอบการรางผ้าม่าน สู่สมาร์ทฟาร์ม นวัตกรรมเอาใจสายสุขภาพ
จ.เชียงใหม่ 13 พฤศจิกายน 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานประกอบการ บริษัท อี.พี. เดคคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา เลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กสอ. นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 (ศภ.1 กสอ.) และคณะผู้บริหาร กสอ. โดยมี นายสราวุฒิ สินสำเนา กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งสรุปภาพรวมการดำเนินงานและนำเยี่ยมชมสถานประกอบการ ณ อ.สันทราย บริษัทฯ ดังกล่าว ดำเนินกิจการผลิตและจัดจำหน่ายรางผ้าม่านมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2543 ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้มียอดขายลดลง จึงได้ปรับตัวหันมาจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และใช้กลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งในระยะเดียวกันนี้ บริษัทฯ ได้แบ่งเบาภาระค่าครองชีพของพนักงาน โดยจัดทำแปลงปลูกผัก ให้พนักงานเก็บเกี่ยวไปประกอบอาหาร และพัฒนาจากสวนผักทั่วไปสู่การนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลที่ได้รับคำแนะนำจากการเข้าโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาคอุตสาหกรรมสู่ผู้ประกอบการใหม่สู้วิกฤต COVID – 19 (แตกกอ) ของ กสอ. ที่เข้าไปช่วยพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ (LINE) เพื่อให้การเพาะปลูกเกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น และเริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ตลอดจนศักยภาพที่ได้รับการพัฒนาของพนักงาน จึงได้ต่อยอดเป็นระบบ "บ้านสวนสมาร์ทฟาร์ม" พร้อมการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบปลูกผักให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพในด้านต่าง ๆ เช่น การวัดระดับความชื้นของดิน การให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับการเติบโต และการจัดเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูลบิ๊กดาต้า ใช้สำหรับการวิเคราะห์รูปแบบการเพาะปลูก และพร้อมพัฒนาเข้าสู่กระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบการปลูกผักแต่ไม่มีเวลาดูแลรดน้ำได้นำไปใช้ สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ กสอ. ได้ดำเนินการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการทำธุรกิจให้สามารถแตกกอขยายสู่ธุรกิจใหม่ ผ่านการดำเนินงานของ ศภ. 1 จนสามารถแตกกอธุรกิจใหม่ได้ 12 กิจการ เกิดบุคลากรคุณภาพมาขับเคลื่อนการดำเนินงาน และมีความพร้อมที่จะต่อยอดไปสู่การประกอบธุรกิจใหม่ เป็นทางออกสำคัญที่ภาคอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวให้รองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนเพื่อประกอบกิจการใหม่ และยังช่วยให้เกิดการจ้างงานได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้พบปะเดินเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการแตกกออีกด้วย### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
16 พ.ย. 2020
กสอ.หนุนนโยบายรวมกลุ่มเอสเอ็มอีเชิงพื้นที่-กลุ่มธุรกิจ ทางออกวิกฤตเศรษฐกิจได้ผลจริง ตั้งเป้าปี 64 ปั้นคลัสเตอร์ 29 กลุ่มใหม่ หวังเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจโตกว่า 100 ล้านบาท
จ.เชียงใหม่ 13 พฤศจิกายน 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานประกอบการ บริษัท สุภาฟาร์มผึ้ง จำกัด ร่วมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา เลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กสอ. นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กสอ. และคณะผู้บริหารกสอ. โดยมี นางสาวสุวรัตนา ยาวิเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งสรุปภาพรวมการดำเนินงานและนำเยี่ยมชมสถานประกอบการ ณ อ.แม่ริม อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมฯ มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการผ่านการส่งเสริมทักษะการประกอบการในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการรวมกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน โดยใช้ 2 เครื่องมือสำคัญประกอบด้วย โครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือในระดับพื้นที่ในการรวมกลุ่มผู้ประกอบการทุกสาขาอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการส่งต่อข้อมูลการดำเนินธุรกิจและช่วยเหลือกันในระดับจังหวัดและภูมิภาค ทำให้เครือข่ายผู้ประกอบการมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้ว 367 รุ่น ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ และโครงการพัฒนาการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม หรือ คลัสเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือในระดับธุรกิจที่รวบรวมผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ก่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพภายในเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดย กสอ. ได้ขยายผลการขับเคลื่อนการผนึกกลุ่มผู้ประกอบการบนแนวคิด Cluster Hub คือ เชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเชิงพื้นที่กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานสนับสนุน เพื่อให้เกิดการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมา กสอ. สามารถพัฒนาคลัสเตอร์ จำนวน 103 กลุ่ม และตั้งเป้าในปี พ.ศ. 2564 พัฒนาคลัสเตอร์รวมอีก 29 กลุ่ม และคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท สำหรับ บริษัท สุภาฟาร์ผึ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผึ้งจากเดิมที่เคยเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม ต่อมาได้หันมาเลี้ยงอย่างจริงจัง เป็นอาชีพหลัก จนสามารถนำผลผลิตออกขายสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP/มาตรฐาน อย.จากคณะกรรมการอาหารและยา /มาตรฐาน GAP /HACCP /อาหารฮาลาล ซึ่งสินค้าทุกตัวต้องมีการตรวจสอบคุณภาพดีพร้อมก่อนส่งถึงมือลูกค้า นอกจากน้ำผึ้งธรรมชาติแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่แปรรูปจากผึ้งชนิดอื่น ๆ ก็ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 จ.เชียงใหม่ ผ่านกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการ คพอ. โครงการคลัสเตอร์ ซึ่งได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการต่อยอดทางธุรกิจจนประสบผลสำเร็จ โดยล่าสุดได้เข้าร่วมโครงการแตกกอธุรกิจผ่านการจัดทำโมเดลธุรกิจใหม่ ขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มผู้สูงอายุ มาสู่กลุ่มคนวัยทำงาน โดยให้ใช้แฟลตฟอร์มออนไลน์เป็นเครื่องมือในการขาย ทั้งการนำเสนอโปรโมชันผ่านระบบไลฟ์ และการนำเสนอคอนเทนต์ผ่าน Youtube ของสุภาฟาร์ม ### PR.DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
13 พ.ย. 2020
กสอ. ยิงจรวด 3 ขั้น นำดิจิทัลปั้นอุตสาหกรรมไทยให้แข็งแกร่ง
กรุงเทพฯ 13 พฤศจิกายน 2563 - นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมการส่งเสริม SMEs เข้าสู่ระบบการผลิตด้วยจรวดสามลูก ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพ SMEs ด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จ ร่วมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตลอดจนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม โดยมี นายวาที พีระวรานุพงศ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาดิจิทัลอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค ห้องแกรนด์บอลรูม กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้ยุทธศาสตร์ “Connected Industries” ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม โดยการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ให้เพิ่มศักยภาพและสร้างธุรกิจเพิ่มมูลค่าด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีผู้ประกอบการที่ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจนสามารถเป็นต้นแบบจำนวน 12 ราย ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผ่านกระบวนการลดของเสียในภาคการผลิต การลดต้นทุนด้านแรงงานและเครื่องจักร และการเพิ่มขึ้นของยอดขาย คิดเป็นจำนวนเงิน 373.7 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นผู้ประกอบการให้เห็นความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสร้างให้เกิดความมุ่งมั่นในการพัฒนาสถานประกอบการให้ประสบความสำเร็จ โดยในปี 2564 กสอ. ตั้งเป้าหมายในการผลักดันผู้ประกอบการด้วยแนวคิดจรวด 3 ลูกเพิ่มเติมอีก 60 กิจการทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าผู้ประกอบการแต่ละรายจะมีศักยภาพในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ### PR.DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
13 พ.ย. 2020
"อธิบดีณัฐพล" ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการด้านการแพทย์ถิ่นลำพูน
จ.ลำพูน 12 พฤศจิกายน 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (อสอ.) พร้อมด้วย นายภาสกร ชัยรัตน์ นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา เลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กสอ. นายวัชรุน จุ้ยจำลอง ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กสอ. นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กสอ. คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ กสอ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการที่เข้าร่วม กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และกิจกรรมยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการการผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ภายใต้ มาตรการฟื้นฟูอุตสาหกรรมไทยดีพร้อมทันที 90 วัน อสอ. และคณะฯ ได้เข้าเยี่ยมชม บจก. เอส.เจ. อีควิปเมนท์ แอนด์ แคร์ ซึ่งมี นายเสกสรร คชพรม เจ้าของกิจการ ให้การต้อนรับ โดย บริษัทฯ ดังกล่าว เป็นสถานประกอบการที่ผลิตเครื่องมือแพทย์ หน้ากากอนามัย โต๊ะวางเครื่องมือแพทย์ และ รถเข็นวีลแชร์ เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการกับ กสอ. ผ่านกิจกรรมยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ จนสามารถได้มาตรฐานโครงสร้างอาคาร การจัดวางเครื่องจักรให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ ตลอดจนการจัดทำมาตรฐานในการผลิตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในภายภาคหน้า และในเวลาต่อมาได้เข้าเยี่ยมชม หจก. ธวัชแมชชีนเทค โดยมี นายธวัช ธนันชัย เจ้าของกิจการ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งสรุปภาพรวมการดำเนินงานและนำเยี่ยมชมสถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องจักรกล ซึ่งต่อมาทางผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ปรับตัว ดำเนินการสร้างเครื่องจักรเพื่อผลิตหน้ากากอนามัย และพัฒนาจนปัจจุบันสามารถผลิตได้ 300,000 ชิ้นต่อวัน และเข้าร่วมโครงการฯ กับ กสอ. จนนำไปสู่การพัฒนาผลิตต้นแบบรถอีวี (รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า )สำหรับผู้พิการและต้นแบบเครื่องพยุงสำหรับฝึกเดิน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังได้มีความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือด้านเงินทุนหมุนเวียนกับ กสอ. เพื่อนำเงินทุนที่ได้มาใช้ในการประกอบธุรกิจต่อไป ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
13 พ.ย. 2020
“อธิบดีณัฐพล” บินตรงเมืองรถม้า ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่บุคลากร ศว.กสอ. พร้อมเน้นย้ำการปรับกระบวนการทำงานให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
จ.ลำปาง 12 พฤศจิกายน 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและมอบนโยบายการทำงานให้แก่ ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ของศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ศว.กสอ.) จ.ลำปาง ร่วมด้วย นายภาสกร ชัยรัตน์ นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา เลขานุการกรม กสอ. นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการกองพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม กสอ. นายวัชรุน จุ้ยจำลอง ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กสอ. นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 กสอ. คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ กสอ. โดยมี นายศิริเทพ พิริยอุตสาหกร ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ศว.กสอ. ให้การต้อนรับและสรุปภาพรวมการดำเนินงาน ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับฟังผลการดำเนินงานโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ และการให้บริการของ ศว.กสอ. ที่ผ่านมา รวมถึงแนวทางการดำเนินงานและการให้บริการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 นอกจากนี้ ท่านอธิบดีณัฐพลยังได้มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ศว.กสอ. โดยเน้นย้ำการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอย่างตรงจุด ตลอดจนมุ่งเน้นการดำเนินงานโครงการ/กิจกรรมตามความต้องการในเชิงพื้นที่มากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 หรือ ศูนย์ ITC 4.0 จ.ลำปาง ซึ่งเน้นการยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเซรามิกให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ### PR.DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
12 พ.ย. 2020
กสอ. โชว์ยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม พร้อมปั้นต้นแบบรุ่นแรกของไทย เสริมแกร่งสู่ตลาดระดับโลก
กรุงเทพฯ 10 พฤศจิกายน 2563 – นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดโครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมต้นแบบอัจฉริยะ และมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ประกอบการที่ผ่านหลักสูตร GA The Creation ร่วมด้วย นายใบน้อย สุวรรณชาตรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายโชค บูลกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย โดยมี นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวรายงาน ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 6 ตึก Pegasus ทรู ดิจิทัล พาร์ค โครงการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมต้นแบบอัจฉริยะ หรือ จีเนียส เดอะ ครีเอชั่น เป็น 1 ในหลักสูตรของ Genius Academy โดยเป็นหลักสูตรเฉพาะที่เน้นการพัฒนาผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรม โดยการยกระดับธุรกิจเกษตรวิถีใหม่และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่ SME เกษตรอุตสาหกรรมในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสามารถเป็นต้นแบบของ SME เกษตรอุตสาหกรรม ด้วยการเชื่อมโยงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยวและชุมชน ขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจผ่านการผสมผสานของพลังความคิดสร้างสรรค์และวิสัยทัศน์ด้านการออกแบบ และนำไปสู่การขยายผลทางธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในรูปแบบต่างๆ ตามศักยภาพ อัตลักษณ์ และคุณค่าของพื้นถิ่นนั้นๆ ตลอดจนสามารถสร้างโอกาสในการเติบโตสู่ตลาดการแข่งขันในระดับโลกได้ต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับเกษตรอุตสาหกรรมจากทั่วประเทศ เข้าร่วมกว่า 200 กิจการ ผ่านการคัดเลือกบ่มเพาะ วินิจฉัย และให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกและคัดเหลือเข้ารอบสุดท้าย 10 กิจการ ซึ่งได้รับการออกแบบบรรจุภัณฑ์และจัดทำสื่อสำหรับเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ให้เป็นที่รู้จักและขยายผลความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว และในโอกาสนี้ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังได้มอบเกียรติบัตรแก่ผู้ประกอบการที่ผ่านการเข้าอบรมหลักสูตรดังกล่าวอีกด้วย ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
11 พ.ย. 2020
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมคณะ “รมว.สุริยะ” ลงพื้นที่ตรวจราชการเขตประกอบการอุตสาหกรรมไทยอีสเทิร์น
จ.ชลบุรี 6 พฤศจิกายน 2563 - นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่ตรวจราชการเขตประกอบการอุตสาหกรรมไทยอีสเทิร์น ร่วมด้วย นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมี นายสมชาย โกกนุทาภรณ์ ประธานกลุ่มบริษัทไทยอีสเทิร์น และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ ณ เขตประกอบการอุตสาหกรรมไทยอีสเทิร์น อ.หนองใหญ่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมไทยอีสเทิร์น เป็น Bio-Circular Green Complex แห่งแรกของเอเชีย ภายในประกอบด้วยโรงงานเกษตรแปรรูป ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และพลังงานทดแทน พร้อมอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น โรงงานผลิตเยื่อกระดาษและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศตั้งให้เป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรมลำดับที่ 26 ของประเทศ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2563 ถือเป็นความสำเร็จที่ภาคเอกชนและภาครัฐร่วมกันผลักดันเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลหลายด้าน ที่เน้นแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชั้นนำแห่งเอเซีย Asia Leading Bio Circular Green Complex (BCG Complex) มุ่งสู่ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการที่เกื้อกูลกัน เสริมความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการให้สามารถประกอบกิจการร่วมกันได้ พัฒนาระบบการบริหารจัดการของเสีย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นระบบเป็นรูปธรรม (Transform Zero Wasted to Waste to Value) ด้วยระบบนิเวศน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน (Eco Industrial Estate & Network) และในโอกาสนี้ รมว.สุริยะ นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมด้วยคณะผู้บริหารไทยอีสเทิร์นร่วมปลูกไม้มงคลต้นกันเกราอีกด้วย ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
09 พ.ย. 2020
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมคณะ “รมว.สุริยะ” ประชุมใหญ่สามัญเพื่อเกษตรภาคตะวันออก พร้อมมอบเครื่องสางใบอ้อยให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย จ.ชลบุรี
จ.ชลบุรี 6 พฤศจิกายน 2563 - นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 สมาคม เพื่อเกษตรกรภาคตะวันออก พร้อมทั้งมอบหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยแก่สมาคมเพื่อเกษตรกรภาคตะวันออก และเครื่องสางใบอ้อยให้แก่เกษตรชาวไร่อ้อย จำนวน 2 เครื่อง ร่วมด้วย นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ณ หอประชุมใหญ่สมาคมเพื่อเกษตรกรภาคตะวันออก ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง การประชุมครั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ในฤดูการผลิต 2563/2564 ด้วย 3 มาตรการ คือ 1. ลดอ้อยไฟไหม้เหลือร้อยละ 20 ด้วยมาตรการส่งเสริมให้ราคาอ้อยสดสูงกว่าอ้อยไฟไหม้ 2. สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้จัดหาเครื่องสางใบอ้อย ให้กับชาวไร่อ้อยสมาชิกกลุ่มเรียนรู้พัฒนาด้านอ้อยยืม จำนวน 112 เครื่อง 3. คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายมีมติให้ความเห็นชอบหักเงินชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยไฟไหม้ในอัตราตันละ 30 บาท จ่ายคืนให้กับชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดีทุกรายเต็มจำนวนโดยคิดแยกเป็นรายโรง และมีนโยบายที่จะผลักดันโครงการเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM 2.5 เพื่อให้ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดมีรายได้รวมมากกว่าชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยไฟไหม้ เป็นการจูงใจให้ชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดก่อนส่งโรงงาน พร้อมทั้งยังเป็นการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 และในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและคณะฯ ได้มอบเครื่องสางใบอ้อยให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อจะช่วยให้คนงานตัดอ้อยสดได้รวดเร็วขึ้น โดยเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวไร่อ้อย ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยปลูกอ้อยต่อไป และเป็นการสนับสนุนและจูงใจให้ชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดส่งโรงงานได้มากขึ้น ตลอดจนสามารถลดพื้นที่การเผาอ้อยได้ 1.2 ล้านไร่ ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2562 - 2564 วงเงินปีละ 2,000 ล้าน บาท ระยะเวลา 3 ปี รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย จัดซื้อรถตัดอ้อย รถคีบอ้อย รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกอ้อย และเครื่องจักรกลการเกษตรอื่น ๆ อีกด้วย ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
09 พ.ย. 2020
“แม่ทัพ กสอ.” ตะลุยย่านชุมชนเมืองเก่าภูเก็ตต้นแบบ CIV พร้อมดัน 3 อ. ชูอัตลักษณ์พื้นถิ่นสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่
จ.ภูเก็ต 3 พฤศจิกายน 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) โดยมี นายสมยศ ปาทาน ผู้นำชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมวิถีชุมชนดังกล่าว ณ ถนนถลาง อ.เมือง ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์(หมู่บ้าน CIV) กับ กสอ. เพื่อชูอัตลักษณ์ท้องถิ่นร่วมกับเทคโนโลยีสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อกระจายรายได้ให้กับชุมชน ผ่านความโดดเด่นทางวัฒนธรรมอันเกิดจากการผสมผสานความแตกต่างทางชาติพันธุ์ของชาวพื้นเมืองจนเกิดเป็นอัตลักษณ์ของเมืองภูเก็ต ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านอาหาร จนได้รับการประกาศจาก “ยูเนสโก” ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร (City of Gastronomy) ด้านอาภรณ์ ที่พัฒนาผ้าพื้นถิ่น "บ่าบ๋า ย่าหยา" ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของประดับตกแต่งบ้านและของฝากที่ระลึกภายใต้แนวทางการพัฒนา "โลคอลสู่เลอค่า" และ ด้านอาคารซึ่งถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล์ชิโนโปรตุกีส โดยในครั้งนี้ผู้นำชุมชนได้พาเข้าชมสถานที่ในย่านดังกล่าว ได้แก่ บ้านขุนนิเทศจีนารักษ์ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นพร้อมเป็นร้านขายของฝากและขนมพื้นเมืองหลากหลายชนิด อาทิ เหนียวหีบ อังกู๊ หยกมณี หม่อเส้ง มิวเซียม หวู แกลเลอรี่ แอนด์ บูติกโฮเทล ที่เป็นทั้งโรงแรมและพิพิธภัณฑ์ ภายในอาคารที่ยาวกว่าร้อยเมตร และ บ้านเลขที่ 92 เปรียบเสมือนเป็นครัวชุมชนวิสหกิจชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า ที่มีสมาชิกชุมชนมาร่วมกันปรุงอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่ออย่าง ผัดหมี่ฮกเกี้ยนให้นักท่องเที่ยวได้ชิม ทั้งนี้ ผู้นำชุมชนมีความต้องการให้ทาง กสอ. ให้การส่งเสริมและพัฒนาอาหารพื้นเมืองอย่างมี”หมี่ฮกเกี้ยน” กลายเป็นของฝากประจำชุมชนที่นักท่องเที่ยวมาเยือนแล้วสามารถซื้อกลับไปฝากได้อีกด้วย และในโอกาสนี้อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมคณะฯ ยังได้พบปะและกล่าวทักทายผู้เข้ารับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ กิจกรรม ปั้นหมู่บ้าน CIV เพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Creative Industrial Village for heritage tourism) จัดโดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อประชาสัมพันธ์ต้นแบบหมู่บ้านอุตสาหกรมสร้างสรรค์ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงถ่ายทอดการสร้างอัตลักษณ์ของหมู่บ้านแก่วิสาหกิจชุมชนอื่นที่มีศักยภาพ และถ่ายทอดความรู้การสร้างเครือข่ายและการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างสมาชิกเพื่อการดำเนินกิจการการท่องเที่ยวชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้หารือกับผู้ประกอบการเครือข่าย คพอ.(โครงการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม) อีกด้วย ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
03 พ.ย. 2020
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมคณะ “รมว.สุริยะ” โชว์ผลสำเร็จฟาร์มเลี้ยงเป๋าฮื้อเชิงพาณิชย์เจ้าแรกในไทย
จ.ภูเก็ต 2 พฤศจิกายน 2563 - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายใบน้อย สุวรรณชาตรี นายเจตนิพิฐ รอดภัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ บริษัท ภูเก็ตเป๋าฮื้อฟาร์ม จำกัด ในโอกาสตรวจราชการและเตรียมความพร้อมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2563 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง และสตูล) โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะฯ พร้อมด้วย นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งมี นายสัตวแพทย์สิทธิศักดิ์ เหมืองสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งสรุปภาพรวมการดำเนินงานและนำเยี่ยมชมสถานประกอบการดังกล่าว บริษัท ภูเก็ตเป๋าฮื้อฟาร์ม จำกัด ผู้ผลิตวัตถุดิบจากหอยเป๋าฮื้อ โดยมีฟาร์มเพาะเลี้ยงเป๋าฮื้อเชิงพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย และสามารถเพาะเลี้ยงได้ถึง 6 ล้านตัวต่อปี ซึ่งในช่วงเริ่มต้นได้นําเข้าพันธุ์หอยเป๋าฮื้อจากเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น และพัฒนาสายพันธุ์เพาะเลี้ยงเองได้ในปัจจุบันและเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิตและจําหน่ายคอลลาเจนสกัดเย็นและเมือกหอย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์บํารุงผิว ซึ่งได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์: ISO 22000 ฮาลาล HACCP อย. GMP และGAP โดยผลิตภัณฑ์หลักจะเป็นเซรั่มบํารุงผิวหน้าด้วยสารสกัดจากเมือกหอยเป๋าฮื้อ และเครื่องดื่มคอลลาเจนแท้สกัดเย็นเป๋าฮื้อและเปปไทด์ในน้ําทับทิม ชื่อว่า “เอโอ วา”ในระยะแรกดําเนินธุรกิจโดยการรับจ้างผลิต (OEM) ในชื่อ “ชายา”(Chaya) เมื่อเริ่มผลิตในแบรนด์ของตนเองได้ใช้ช่องทางการขายแบบเครือข่ายขายตรงในชื่อ Orajis ซึ่งพบว่ามีค่าใช้จ่ายในการทําตลาดค่อนข้างสูง จึงเปลี่ยนเป็นการขายสินค้าไปยังผู้บริโภคทั่วโลกโดยตรง หรือ B2C ผ่านเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจและเข้าถึงผู้ใช้ได้โดยตรง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ และได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการต่อยอดทางธุรกิจจนประสบผลสำเร็จ รวมถึงสามารถเพิ่มมูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้น 10,000,000 บาท/ปี คิดเป็น 11.76 % และในปัจจุบันผู้ประกอบการยังขยายช่องทางการตลาดผ่านอาลีบาบา อย่างต่อเนื่อง ### PR.DIProm (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
03 พ.ย. 2020