โทรศัพท์ 1358
“ดีพร้อม” โชว์โมเดล L'ÉCOLE Asia Pacific โรงเรียนศิลปะเครื่องประดับชั้นนำ จุดประกายแรงบันดาลใจสู่วงการแฟชั่นและดีไซน์ไทย
“ดีพร้อม” โชว์โมเดล L'ÉCOLE Asia Pacific โรงเรียนศิลปะเครื่องประดับชั้นนำ จุดประกายแรงบันดาลใจสู่วงการแฟชั่นและดีไซน์ไทย
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 4 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าศึกษาดูงานและเยี่ยมชมสถาบันการเรียนรู้ด้านศิลปะเครื่องประดับร่วมสมัย L'ÉCOLE Asia Pacific ณ ถนนซาลิสเบอรี จิมซาจุ่ย เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน L'ÉCOLE Asia Pacific, School of Jewelry Arts สถาบันการเรียนรู้ด้านศิลปะเครื่องประดับร่วมสมัย ภายใต้การสนับสนุนของ Van Cleef & Arpels ได้ก้าวขึ้นมาเป็น ศูนย์กลางองค์ความรู้ระดับโลก ที่หลอมรวมศาสตร์ด้านการออกแบบเครื่องประดับ ประวัติศาสตร์ศิลป์ และเทคนิคการสร้างสรรค์ที่ประณีต โดยเปิดกว้างให้ทั้งนักออกแบบ ศิลปิน นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไปได้เข้าถึงองค์ความรู้ผ่านหลักสูตรเชิงลึก นิทรรศการ และเวิร์กช็อปเชิงปฏิบัติ จุดเด่นของ L'ÉCOLE Asia Pacific คือ มาตรฐานการออกแบบระดับสากล ถ่ายทอดโดยผู้เชี่ยวชาญและครูศิลป์จากยุโรปและเอเชีย การเรียนรู้เทคนิคชั้นสูง ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ วัสดุศาสตร์ ไปจนถึงการประดิษฐ์ชิ้นงานจริง รวมถึงการเชื่อมโยงศิลปะกับตลาด ด้วยแนวคิด Design-Driven Marketing ที่ช่วยให้งานศิลป์และเครื่องประดับสามารถสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ได้ พร้อมทั้งสามารถการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ เปิดโอกาสให้นักออกแบบและผู้ประกอบการได้พบปะ แลกเปลี่ยนกับนักวิชาการ ดีไซเนอร์ และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศ “รองอธิบดีดวงดาว” ให้แนวคิดจากการเยี่ยมชมและศึกษาดูงาน ว่าสามาาถนำไปต่อยอดให้ผู้ประกอบการและนักออกแบบไทย ในการประยุกต์องค์ความรู้และไอเดียไปใช้ในการยกระดับศักยภาพได้ในหลายมิติ ได้แก่ การพัฒนาเทคนิคงานประณีต (Craftsmanship) เพิ่มคุณภาพและมูลค่าของเครื่องประดับและแฟชั่นไทยให้แข่งขันได้ในระดับโลก การสร้างอัตลักษณ์ใหม่ (Identity Building) โดยสร้างความโดดเด่นเฉพาะตัวผสานทุนทางวัฒนธรรมไทยเข้ากับมาตรฐานสากล การตลาดเชิงดีไซน์ (Design Marketing) เพิ่มขีดความสามารถในการเจาะตลาดพรีเมียมและตลาดโลก ผ่านการเล่าเรื่องและการออกแบบที่ทรงพลัง รวมถึงการพัฒนาบุคลากรเชิงสร้างสรรค์ ช่วยให้นักออกแบบรุ่นใหม่และผู้ประกอบการ SMEs ไทยก้าวสู่เวทีแฟชั่นและศิลปะร่วมสมัยนานาชาติได้อย่างงดงาม ทั้งนี้ L'ÉCOLE Asia Pacific ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันการเรียนรู้ด้านเครื่องประดับ แต่เป็นแรงบันดาลใจ และต้นแบบการพัฒนาศักยภาพเชิงสร้างสรรค์ที่ผู้ประกอบการไทยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแฟชั่นและเครื่องประดับไทยในตลาดโลก นับเป็นก้าวสำคัญของการต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ไทยในระดับสากลอย่างยั่งยืนต่อไป
08 ก.ย. 2025
“ดีพร้อม” สร้างแรงบันดาลใจจากศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์ PMQ Hong Kong สู่การยกระดับอุตสาหกรรมออกแบบไทย
“ดีพร้อม” สร้างแรงบันดาลใจจากศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์ PMQ Hong Kong สู่การยกระดับอุตสาหกรรมออกแบบไทย
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 4 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าศึกษาดูงานและเยี่ยมชมศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง หรือ Police Married Quarters Hong Kong (PMQ Hong Kong) ณ ถนนอเบอร์ดีน เซ็นทรัล PMQ Hong Kong เป็นศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ใจกลางฮ่องกง เป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาใหม่จากอาคารประวัติศาสตร์ ให้กลายเป็น Creative Hub ที่รวบรวม นักออกแบบ ศิลปิน ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ และนักพัฒนาเทคโนโลยี เข้ามาสร้างสรรค์ผลงานและเชื่อมโยงธุรกิจ จุดเด่นของ PMQ Hong Kong คือ เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีสตูดิโอกว่า 100 สตูดิโอ สำหรับนักออกแบบและผู้ประกอบการด้านแฟชั่น งานหัตถกรรม เครื่องประดับ และเทคโนโลยีสร้างสรรค์ มาสร้างสรรค์ผลงาน อีกทั้งยังมีการจัดนิทรรศการนานาชาติและเทศกาลศิลปะที่เปิดพื้นที่ให้ผู้สร้างสรรค์ได้พบปะกับผู้ซื้อ นักลงทุน และนักวิจารณ์จากทั่วโลก รวมถึงการเวิร์กช็อปและกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ช่วยเสริมสร้างทักษะใหม่ ๆ ทั้งด้านการออกแบบ การพัฒนาธุรกิจ และการใช้เทคโนโลยี พร้อมระบบบริหารจัดการพื้นที่ที่ยั่งยืน สนับสนุนทั้งการเช่าในราคาที่เหมาะสม และการสร้างชุมชนของผู้ประกอบการสร้างสรรค์ให้เติบโตไปด้วยกัน ผู้ประกอบการและนักออกแบบไทยสามารถนำรูปแบบความสำเร็จของ PMQ Hong Kong เป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ในประเทศไทย ประกอบด้วย 1) พัฒนาศูนย์สร้างสรรค์ท้องถิ่น (Creative Hub) ในไทย เพื่อเป็นพื้นที่บ่มเพาะนักออกแบบรุ่นใหม่และผู้ประกอบการ SMEs ด้านแฟชั่น ศิลปะ และดิจิทัลคอนเทนต์ 2) สร้างระบบเครือข่าย (Creative Network) เชื่อมโยงนักออกแบบไทยกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสด้านการค้าและการลงทุน 3) จัดนิทรรศการและเวิร์กช็อประดับนานาชาติในไทย เพื่อต่อยอดศักยภาพ Soft Power และสร้างการรับรู้ต่อผลงานของนักออกแบบไทยในสายตาชาวโลก และ 4) ยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นและออกแบบไทย จากงานเชิงหัตถกรรมและท้องถิ่น สู่การออกแบบเชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ทั้งนี้ PMQ Hong Kong ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการออกแบบร่วมสมัย แต่ยังเป็นตัวอย่างของการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการจัดการพื้นที่เพื่อสร้างเศรษฐกิจใหม่ โดยการเรียนรู้จาก PMQ Hong Kong จะช่วยให้ผู้ประกอบการและนักออกแบบไทยสามารถต่อยอดแนวคิดไปพัฒนา Creative Hub ในประเทศไทย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยสู่เวทีนานาชาติ และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป
08 ก.ย. 2025
“ดีพร้อม” เปิดติว สูตรเด็ดเชฟอาหารไทยมืออาชีพ ผลักดันพลังซอฟต์พาวเวอร์อาหารรสชาติไทย โตไกลสู่ตลาดโลก ผ่านทูตวัฒนธรรม
“ดีพร้อม” เปิดติว สูตรเด็ดเชฟอาหารไทยมืออาชีพ ผลักดันพลังซอฟต์พาวเวอร์อาหารรสชาติไทย โตไกลสู่ตลาดโลก ผ่านทูตวัฒนธรรม
จ.ปทุมธานี 4 กันยายน 2568 - นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมฝึกอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ (Master Thai Chef Program) “หลักสูตรอาหารไทยต้นตำรับเพื่อการประกอบอาชีพ (Authentic Thai Cuisine)” ภายใต้โครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาอาหาร ประจำปีงบประมาณ 2568 พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.สุมนมาลย์ เนียมหลาง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี นายวิชิต เครือสุข รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ คณะผู้บริหารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนหน่วยงานพันธมิตร และสื่อมวลชน ณ ห้องนครรังสิต 1 โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต การฝึกอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ หรือ Master Thai Chef Program จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และยกระดับทักษะบุคลากรด้านอาหารไทย โดยบูรณาการความร่วมมือกับศูนย์สร้างสรรค์อุตสาหกรรมอาหารไทย (THACCA) และโครงการ One Family One Soft Power (OFOS) ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบ การปรุงอาหารไทยต้นตำรับ 50 เมนู เมนูอัตลักษณ์ท้องถิ่น 10 เมนู การจัดจานอาหาร เทคนิคบริหารจัดการครัว การควบคุมคุณภาพ ตลอดจนมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยอาหารตามหลักสากล โดยใช้ระยะเวลารวมกว่า 242 ชั่วโมง แบ่งเป็นการเรียนออนไลน์ผ่านระบบ OFOS และ DIPROM E-Learning จำนวน 92 ชั่วโมง และการฝึกอบรมภาคสนาม 150 ชั่วโมง ซึ่งผู้เข้าร่วมอบรมและผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานจะได้รับการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับ 4 จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งได้รับการส่งเสริมให้มีใบรับรองผู้สัมผัสอาหาร (Food Handler Standard) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและช่วยเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพทั้งในประเทศและต่างประเทศ สอดคล้องตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหาร เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง และต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ยกระดับแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากลและส่งเสริมให้ประชาชนทุกครัวเรือนเข้าถึงการพัฒนาทักษะอาชีพได้อย่างเท่าเทียม นำไปสู่การมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็น “ทูตวัฒนธรรม” ถ่ายทอดอัตลักษณ์อาหารไทยสู่เวทีโลกต่อไป
08 ก.ย. 2025
“ดีพร้อม” จุดประกาย เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยในงาน CENTRESTAGE 2025 บนเวทีแฟชั่นงานใหญ่ระดับเอเชีย
“ดีพร้อม” จุดประกาย เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยในงาน CENTRESTAGE 2025 บนเวทีแฟชั่นงานใหญ่ระดับเอเชีย
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 4 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะผู้บริหารดีพร้อม ร่วมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วมงานและชมการแสดงแฟชั่นโชว์แบรนด์สินค้าไทยภายในงาน CENTRESTAGE 2025 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน งาน CENTRESTAGE 2025 ซึ่งเป็นงานแฟชั่นแสดงสินค้าเชิงพาณิชย์ระดับภูมิภาค ที่มีการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 กันยายน 2568 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Centre (HKCEC) นับเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมตลาดแฟชั่นไทยกับตลาดภูมิภาคและตลาดโลก มีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 260 แบรนด์ จาก 24 ประเทศทั่วทุกภูมิภาค โดยมีจำนวนแบรนด์เข้าร่วมมากที่สุดนับตั้งแต่จัดงาน ภายในงานแบ่งออกเป็น 6 โซนหลัก (thematic zones) ได้แก่ Accessories, Athleisure, Craftsmanship, Contemporary, Urban และ Circular Fashion ซึ่งสะท้อนแนวโน้มแฟชั่นในโลกยุคใหม่ อาทิ ความยั่งยืนและนวัตกรรม อีกทั้งยังมีการจัดแฟชั่นโชว์กว่า 28 เวที ตลอดงาน รวมถึงการประกวด Young Fashion Designers’ Contest (YDC) ที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่แสดงผลงานและโชว์ศักยภาพ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของปีนี้คือ การนำผลงานแฟชั่นไทย ภายใต้แนวคิด “SHOWPOW Fashion Show by DIPROM” เข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์บนเวทีหลัก โดยมีนักออกแบบและผู้ประกอบการแฟชั่นไทยกว่า 4 แบรนด์ เข้าร่วม อาทิ FEEL YOUTH, TYCOON, AKALIKO COCOON และ KH EDITIONS ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นร่วมสมัย งานคราฟต์จากชุมชนท้องถิ่น และแฟชั่นรักษ์โลก (Sustainable Fashion) ซึ่งผลงานต่าง ๆ ได้ผสานอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย เช่น ลวดลายผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นถิ่น เข้ากับดีไซน์สมัยใหม่ จนได้รับความสนใจจากผู้ซื้อและสื่อมวลชนจากต่างประเทศอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถนำข้อคิดและแบบอย่างจากโชว์ต่าง ๆ ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่น การใช้แนวคิด Circular Fashion มาผลิตสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือผสมผสาน Craftsmanship กับ Contemporary Design เพื่อสร้างความโดดเด่นในตลาด อีกทั้งยังสามารถนำ Athleisure หรือ Urban ไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ตอบโจทย์ตลาดแฟชั่นระดับภูมิภาคและระดับโลกได้มากขึ้น
08 ก.ย. 2025
DIPROM X HKTDC จับมือหนุน SMEs ไทย ขยายตลาดแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารแปรรูป เสริมพลังซอฟต์พาวเวอร์ สร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
DIPROM X HKTDC จับมือหนุน SMEs ไทย ขยายตลาดแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารแปรรูป เสริมพลังซอฟต์พาวเวอร์ สร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าเยี่ยมคารวะ และประชุมหารือสร้างความร่วมมือกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ร่วมด้วย นายวิล ลี ผู้อำนวยการฝ่ายนิทรรศการและธุรกิจดิจิทัล นายเอ็ดดี ลี รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นางสาวเทนดี้ แลม หัวหน้าฝ่ายนิทรรศการและธุรกิจดิจิทัล และนายไดสึเกะ นาคาจิมะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ HKTDC พร้อมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้อง 3601 ชั้น 36 สำนักงาน HKTDC เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมดังกล่าว มีการหารือร่วมกันระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ในประเด็นแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทย รวมทั้งการพัฒนาโครงการร่วมกันในอนาคต อาทิ การประชาสัมพันธ์สินค้า การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการเปิดตลาดในต่างประเทศ ที่มุ่งผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา ดีพร้อม และ HKTDC มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันจำนวน 2 ฉบับ (ปี 2016 และ 2018) โดยมีวัตถุประสงค์ในการเชื่อมโยง SMEs ไทย–ฮ่องกง พร้อมทั้งส่งเสริมการค้าในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารแปรรูป โดยดีพร้อมได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน Hong Kong Fashion Week, CentreStage และ Hong Kong Food Expo สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 40 ล้านบาท ในช่วงระหว่างปี 2561–2562 ต่อมาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการปรับรูปแบบกิจกรรมเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าของผู้ประกอบการในรูปแบบออนไลน์บนเว็บไซต์ของ HKTDC และกิจกรรมดีพร้อมคอนเน็กส์ (DIPROM ConNEXT) เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านการค้าและเศรษฐกิจ การส่งเสริมการค้าร่วมกัน การจัดสัมมนาเพื่อพัฒนาความรู้ผู้ประกอบการ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของฮ่องกง ทั้งนี้ ดีพร้อม มุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน และดีพร้อมคอมมูนิตี้ (DIPROM Community) เพื่อส่งเสริม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน และ SMEs ไทย ผ่านการบูรณาการซอฟต์พาวเวอร์และทุนทางวัฒนธรรมเข้ากับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์
08 ก.ย. 2025
“ดีพร้อม” โชว์ความสำเร็จ 13 ต้นแบบ ขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs สู่คาร์บอนต่ำ ด้วย BCG Model รับมาตรฐานใหม่โลก พร้อมลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 120,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)
“ดีพร้อม” โชว์ความสำเร็จ 13 ต้นแบบ ขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs สู่คาร์บอนต่ำ ด้วย BCG Model รับมาตรฐานใหม่โลก พร้อมลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 120,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)
กรุงเทพฯ 2 กันยายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติกล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในงาน “SMEs BCG ดีพร้อม” ร่วมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ และ นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเจษฎา ถาวรศักดิ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม คุณจิทานันท์ สิทธิอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบ็กส์ แอนด์ โกล์ฟ จำกัด คุณเฉลิมพล อารีย์เกื้อตระกูล กรรมการ บริษัท อารีเฮิร์บ จำกัด คุณวีรวุฒิ มาลาบุปผา ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท แกรนตี้อินเตอร์เทรด จำกัด 3 ผู้ประกอบการต้นแบบความสำเร็จที่เข้าร่วมโครงการฯ นิสิต นักศึกษา และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี ปทุมวัน “อธิบดีณัฏฐิญา” เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายทรัมป์ 2.0 และสภาพภูมิอากาศภาวะโลกร้อน ทำให้มีกฎ กติกา และมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงประเทศไทยตั้งเป้าหมายจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายและโอกาสของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องมีการปรับตัวสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) มุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการในทุกมิติอย่างตรงจุด ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนีตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ผ่านกลยุทธ์ 4 ให้ ได้แก่ (1) ให้ทักษะใหม่ (2) ให้เครื่องมือทันสมัย (3) ให้โอกาสโตไกล และ (4) ให้ธุรกิจที่ดีคู่ชุมชน รวมถึงการดำเนินธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ผ่าน “โครงการยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG” ด้วยการส่งเสริม SMEs ให้ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ พร้อมยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นเศรษฐกิจสีเขียวตามแนวคิด BCG Economy อันจะทำให้ธุรกิจ สังคม และชุมชนรอบข้างสามารถอยู่ร่วมกันและเกิดความยั่งยืน ขณะเดียวกัน ดีพร้อมยังมีสินเชื่อธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม (DIPROM Pay for BCG) รวมถึงเชื่อมโยงไปยังสินเชื่อภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม เช่น กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อให้บริการผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ BCG และสินเชื่อของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) เป็นต้น สำหรับโครงการยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนให้ SMEs ดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านกลไกต่าง ๆ ได้แก่ (1) ถ่ายทอดองค์ความรู้การต่อยอดธุรกิจยุคใหม่สู่สังคมคาร์บอนต่ำ (2) พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (3) การยกระดับสินค้าและบริการสู่สากลด้วยฉลากสิ่งแวดล้อม (Eco-label) และ (4) การพัฒนาผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการให้คำปรึกษา SMEs ในการลดความสูญเสียจากการปรับปรุงกระบวนการผลิต การขนส่ง การใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ มีสถานประกอบการเข้าร่วมพัฒนาศักยภาพและยกระดับธุรกิจจนกลายเป็นต้นแบบความสำเร็จ จำนวน 13 กิจการ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงออกสู่ตลาด ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,385 ล้านบาท และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 120,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 12 ล้านต้นในพื้นที่ประมาณ 120,000 ไร่
05 ก.ย. 2025
“รองอธิบดีดวงดาว” ยกทัพแฟชั่นไทยโกอินเตอร์ บุก CENTRESTAGE 2025 ฮ่องกง ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย เจิดจรัสบนเวทีโลก ตามสั่ง "อธิบดีณัฏฐิญา"
“รองอธิบดีดวงดาว” ยกทัพแฟชั่นไทยโกอินเตอร์ บุก CENTRESTAGE 2025 ฮ่องกง ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย เจิดจรัสบนเวทีโลก ตามสั่ง "อธิบดีณัฏฐิญา"
เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 3 กันยายน 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นำคณะผู้ประกอบการไทยที่มีผลงานโดดเด่นและได้รับคัดเลือก จำนวน 20 ราย จากโครงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์สาขาแฟชั่น ได้แก่ โครงการพัฒนาและเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่น (Fashion Alliance) และโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity) เข้าร่วมงาน CENTRESTAGE 2025 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วย ดร.วรวิทย์ จิรัฐิติเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) งาน CENTRESTAGE 2025 ถือเป็นเวทีแสดงสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ระดับนานาชาติที่สำคัญในเอเชีย ซึ่งรวบรวมผู้ผลิต นักออกแบบ ผู้ค้า ผู้ซื้อ นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นจากทั่วโลกมาพบปะ นำเสนอผลงานคอลเลกชั่นใหม่ ๆ และเจรจาธุรกิจ จัดขึ้นโดย Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) โดยการเข้าร่วมงานของผู้ประกอบการไทยในปีนี้ไม่เพียงเป็นการโชว์ศักยภาพด้านแฟชั่นและการออกแบบเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาด ผ่านการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าแฟชั่นไทยเพื่อผลักดันเศรษฐกิจด้วย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินการตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยให้สามารถต่อยอดศักยภาพการผลิตและงานออกแบบไปสู่ตลาดสากล ซึ่งการเข้าร่วมงาน CENTRESTAGE 2025 ถือเป็นตัวอย่างและก้าวสำคัญของการนำแนวคิดนี้มาสู่การปฏิบัติจริง โดยให้โอกาสผู้ประกอบการไทย จำนวน 20 ราย ภายใต้กิจกรรมการเชื่อมโยงและสร้างโอกาสทางธุรกิจ กิจกรรมการพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand และกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่น ใน 2 สาขา ประกอบด้วย สาขาเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย และสาขาอัญมณีและเครื่องประดับได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ เพื่อนำเสนอสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ไทย ต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทย สร้างเอกลักษณ์และความแตกต่าง พร้อมทั้งเปิดโอกาสโตไกลในการขยายตลาดและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับสากล ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยได้เข้าร่วมจัดพื้นที่แสดงศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่นไทยในงาน CENTRESTAGE 2025 ระหว่างวันที่ 3 – 6 กันยายน 2568 ณ Hong Kong Convention and Exhibition Center ประเทศฮ่องกง ซึ่งการเข้าร่วมงานครั้งนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เชื่อมโยงเครือข่ายการค้ากับนักลงทุนและคู่ค้าต่างชาติ พร้อมทั้งผลักดันการสร้างมูลค่าการค้าและการส่งออกสินค้าแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลก โดยคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 20 ล้านบาท
05 ก.ย. 2025
”ปลัดณัฐพล“ ชม “ดีพร้อม” เล่นเป็นทีม สร้างวัฒนธรรมองค์กร “No Refuse! Just Produce” โชว์ผลสำเร็จสนองนโยบายกระทรวง ก้าวสู่ 69 กางแผนชัดเจนแล้วลุยต่อ “DIPROM MORE TOGETHER”
”ปลัดณัฐพล“ ชม “ดีพร้อม” เล่นเป็นทีม สร้างวัฒนธรรมองค์กร “No Refuse! Just Produce” โชว์ผลสำเร็จสนองนโยบายกระทรวง ก้าวสู่ 69 กางแผนชัดเจนแล้วลุยต่อ “DIPROM MORE TOGETHER”
จ. ชลบุรี 30 สิงหาคม 2568 - ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรติมอบนโยบายการดำเนินของกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมรับฟังแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ภายในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การเสริมสร้างสมรรถนะบุคลากร และแนวทางการขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติงาน DIPROM ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569” โดยมี นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางดวงดาวขาวเจริญ นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ห้องประชุมแสนสุข 3 - 4 โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ ในการสัมมนาครั้งนี้ ดีพร้อม โดย “อธิบดีณัฏฐิญา” ได้ขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนา และกำหนดแนวทางดำเนินงานของดีพร้อม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งมุ่งเน้นการต่อยอดจากผลความสำเร็จในการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ทั้งในส่วนของภารกิจหลัก และภารกิจที่ได้รับมอบตามนโยบาย อาทิ การผลักดันการดำเนินงานโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ทั้งในสาขาอาหารและแฟชั่น โดยมีการนำผลสำเร็จบางส่วนจากสาขาแฟชั่นสายมูมาร่วมแสดงภายในงานสัมมนาครั้งนี้ด้วย การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฮาลาลเข้าถึงสินเชื่อได้แล้วกว่า 1,200 ล้านบาท รวมทั้งรายงานผลสำเร็จการดำเนินงานดีพร้อมในระดับกระทรวง อาทิ การปลดล็อกการใช้แอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมสมุนไพร การเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงานมหกรรม FTI Expo ในมิติซอฟต์พาวเวอร์ การจัดการน้ำมันพืชใช้แล้วร่วมกับ บมจ.บางจาก ซึ่งเป็นภาคเอกชนรายใหญ่ในการขับเคลื่อนจนเกิดโรงงานผลิตแห่งใหม่ รวมถึงการใช้กลไกของการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในการเชื่อมโยงงานในระดับภูมิภาค ยกระดับโซ่อุปทานโดยใช้จุดแข็งด้านโลจิสติกส์ เชื่อมโยงการแปรรูปสินค้าเกษตร สร้าง “ห่วงโซ่คุณค่า/ห่วงโซ่อุปทาน” ผ่านการรวบรวมสมาคมอุตสาหกรรมกว่า 30 สมาคม ต่อยอดระบบรางผ่านบันทึกความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลความสำเร็จทั้งหมดนี้ เป็นการดำเนินการตามวิสัยทัศน์ “No Refuse Just Produce” ของอธิบดีณัฏฐิญา โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ดีพร้อม จะขับเคลื่อนการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวทาง “DIPROM MORE TOGETHER” ผ่านการ (1) สร้างสุขให้คนในองค์กร (2) สร้างคนให้มีทักษะและองค์ความรู้ที่เหมาะสม (3) สร้างบ้าน ซึ่งสื่อถึงอาคารสำนักงานของดีพร้อม ให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาระบบงาน (4) สร้างภาพผ่านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการรับรู้ของผู้ประกอบการ ถึงกิจกรรม/โครงการของดีพร้อม และสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง และ (5) สร้างงานที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาศักยภาพของ SME และภาคอุตสาหกรรมให้เติบโต ทั้งนี้ “ปลัดณัฐพล” ได้กล่าวชื่นชม “อธิบดีณัฏฐิญา” และขอบคุณทีมงานของดีพร้อม ในการร่วมกันปฏิบัติงานอย่างมุ่งมั่นตลอดปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พร้อมมอบนโยบายการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานที่มีผลลัพธ์เชิงประจักษ์ ควบคู่ไปกับความคล่องตัวในการรับมือสถานการณ์ที่ครอบคลุมทุกมิติ ประกอบด้วย (1) มิติด้านบุคลากร ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยน และหมุนเวียนบุคลากรข้ามหน่วยงานส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อเป็นการเพิ่มเติมทักษะในการปฏิบัติงาน (2) มิติด้านงบประมาณ จะมีการปรับปรุงกระบวนการจัดทำงบประมาณและข้อเสนอโครงการให้เป็นระบบ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพ (3) มิติด้านการส่งเสริมพัฒนา จะผลักดันการใช้นโยบาย Made in Thailand และ SME GP เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินงบประมาณในประเทศ รวมถึงการยกระดับเกษตรกรของไทยให้เป็น ”นักธุรกิจเกษตร“ (4) มิติด้านการกำกับ ดูแล โดยจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ เพื่อตรวจสอบและปราบปรามสินค้าด้อยคุณภาพและธุรกิจสีเทาที่กระทบความปลอดภัยของผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อตรวจสอบที่มาการผลิตเชิงลึก และใช้เป็นข้อมูลในการยืนยันว่าเป็นสินค้าที่ “ผลิตในไทยจริง” ท้ายสุด “ปลัดณัฐพล” ได้เน้นย้ำ ขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน ปฏิบัติราชการโดยการยึดประโยชน์สาธารณะ ใช้ความรู้ และคุณธรรมเป็นเข็มทิศ ตัดสินใจบนฐานข้อมูลและมาตรฐาน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมาย การส่งเสริม และการใช้งบประมาณ เกิดผลคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมต่อไป
04 ก.ย. 2025
“ดีพร้อม” เสริมศักยภาพผู้ ผปก. อาหารและเครื่องดื่ม ปลุกพลัง ขับเคลื่อน Soft Power ไทย ก้าวสู่ตลาดระดับนานาชาติ คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 270 ล้านบาท
“ดีพร้อม” เสริมศักยภาพผู้ ผปก. อาหารและเครื่องดื่ม ปลุกพลัง ขับเคลื่อน Soft Power ไทย ก้าวสู่ตลาดระดับนานาชาติ คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 270 ล้านบาท
กรุงเทพฯ 2 กันยายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้โครงการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) เข้าร่วม ณ ศูนย์การค้า Phenix ประตูน้ำ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสนับสนุนพลังสร้างสรรค์หรือ Soft Power เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านการพัฒนาความรู้ความสามารถของคนไทย ในการนำเอาศิลปะวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า พร้อมยกระดับพัฒนาคุณภาพให้เข้าสู่ตลาดสากล โดยขับเคลื่อนผ่านนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น กิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้โครงการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ได้ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ จำนวน 50 กิจการ มุ่งเน้นให้ความรู้ด้านวัตถุดิบท้องถิ่น การประยุกต์ใช้นวัตกรรม การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและความยั่งยืน การวางกลยุทธ์ธุรกิจ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ Soft Power ผ่านการเล่าเรื่อง (Story Telling) รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบบรรจุภัณฑ์ ภายใต้แนวทาง Soft Power DNA ซึ่งประกอบด้วย การสร้างสรรค์และต่อยอด การโน้มน้าว และการเผยแพร่ ตลอดจนการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดผ่านการสร้างเนื้อหา (Content Marketing) โดยการสร้างสรรค์ผ่านสื่อให้น่าสนใจ เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่สามารถจดจำได้ ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยภายในงาน มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ผ่านการพัฒนาจากโครงการ การสาธิตการทำอาหาร การรีวิวผลิตภัณฑ์โดย Influencer การเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ประกอบการกับผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการส่งออก เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและเผยแพร่ผลสำเร็จของโครงการ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้เติบโต สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของผู้ประกอบการไทยที่พร้อมปรับตัวและยกระดับผลิตภัณฑ์ของตนให้มีคุณภาพ มีอัตลักษณ์ สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ และสามารถก้าวไปสู่ตลาดอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับนานาชาติในฐานะ Soft Power ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจกว่า 270 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานได้ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การค้า Phenix ประตูน้ำ
04 ก.ย. 2025
ปลัดฯณัฐพล นำทีม ก.อุตฯ ถกจัดทำร่าง Flagship Project ปี 2570 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย
ปลัดฯณัฐพล นำทีม ก.อุตฯ ถกจัดทำร่าง Flagship Project ปี 2570 ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทย
กรุงเทพฯ 1 กันยายน 2568 - นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานประชุมแนวทางการจัดทำ (ร่าง) ข้อเสนอโครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ (Flagship Project) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 เพื่อชี้แจงแนวทางการจัดทำโครงการสำคัญของหน่วยงานในสังกัดให้เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ โดยมี นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ นายสุรพล ปลื้มใจ และนายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหาร อุตสาหกรรมจังหวัด 76 จังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting) ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการสำคัญตามกรอบแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่ การพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต การต่างประเทศ การเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์และดิจิทัล การส่งเสริมผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การยกระดับเศรษฐกิจฐานราก การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนการบริการประชาชนและการเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งร่างข้อเสนอโครงการ Flagship Project ปี 2570 รวมทั้งสิ้น 51 โครงการ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 9 โครงการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม จำนวน 6 โครงการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 11 โครงการ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 10 โครงการ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จำนวน 8 โครงการ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จำนวน 3 โครงการ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 4 โครงการ โดยทุกโครงการมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ และขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมไทยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีความเห็น ข้อเสนอแนะ ในการทบทวนโครงการสำคัญ ให้ครอบคลุมภารกิจของกระทรวง ตอบสนองปัญหาภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งบูรณาการรายละเอียด โครงการของหน่วยงานในภาพรวมของกระทรวง และขับเคลื่อนกลไกการปฏิรูประบบของหน่วยงาน เช่น การปรับกลไกระบบ มอก. การบูรณาการโครงการของ กรอ. กพร. และ สมอ. ในอุตสาหกรรมเหล็ก ยาง และแบตเตอรี่ เป็นต้น รวมถึงแหล่งที่มางบประมาณในการจัดทำโครงการสำคัญ โดยขอให้หน่วยงานปรับปรุง จัดทำ และนำส่งโครงการสำคัญในระบบ eMENSCR ตามขั้นตอนภายในระยะเวลาที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดต่อไป
03 ก.ย. 2025