โทรศัพท์ 1358
"รองอธิบดีดวงดาว" ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ 2 ครั้งที่ 1/68 ตามนโยบาย "ที่นี่มีแต่ให้" ของ "อธิบดีณัฏฐิญา"
กรุงเทพฯ 27 กุมภาพันธ์ 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ 2 ครั้งที่ 1/2568 พร้อมด้วย คณะอนุกรรมการฯ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม การประชุมดังกล่าว มีการพิจารณาเอกสารคำขอกู้เงินไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจการประดิษฐ์ของเล่นสำหรับการพัฒนาทักษะจากไม้ ซึ่งมีการจำหน่ายในรูปแบบขายส่งกว่าร้อยละ 90 ของรายได้ และวัตถุประสงค์ในการยื่นขอรับบริการเงินทุนหมุนเวียนฯ ในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ในการสั่งซื้อวัตถุดิบ ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องมีระยะเวลาของกระบวนการในการจัดเตรียมก่อนนำเข้ากระบวนการผลิต จึงมีความจำเป็นต้องสต็อคไว้ โดยคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นให้เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ดำเนินการขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไร โดยขอให้ผู้ยื่นกู้จัดเตรียมเอกสารคำสั่งซื้อของบริษัทคู่ค้าหลัก เพื่อให้เห็นถึงยอดคำสั่งซื้อย้อนหลังในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา และแนวโน้มของยอดขายที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถคำนวณวงเงินสำรองในการสั่งซื้อวัตถุดิบได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสอดรับตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ภายใต้กลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป ของดีพร้อม โดยการให้โอกาสผู้ประกอบการได้มีเงินทุนต่อยอดในการดำเนินธุรกิจต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการจะนำเอกสารดังกล่าวมาแสดงต่อคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณา ในประชุมครั้งถัดไป นอกจากนี้ ยังมีการรายงานผลการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ ประกอบไปด้วย 1) ผลการดำเนินงานในภาพรวมของเงินทุนหมุนเวียนฯ ศภ.1, ศภ.3, ศภ.4,ศภ.6 และ สล.กสอ. และ 2) ลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ครบระยะเวลาบังคับคดี 10 ปี อีกด้วย
04 มี.ค. 2025
"ดีพร้อม" ยกระดับศูนย์บริการ DIPROM BSC เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการทั้งออนไซต์ - ออนไลน์ เพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีเข้าสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 28 กุมภาพันธ์ 2568 – นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Navigate to Success by DIPROM BSC” บริการปรึกษาแนะนำเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ ร่วมด้วย นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจในการดำเนินธุรกิจ โดยมี นายวุฒิชัย ประชาพร ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ณ ห้องราชเทวี 1 โรงแรมเอเชีย ราชเทวี “Navigate to Success by DIPROM BSC” เป็นการให้บริการปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการ และผู้สนใจ เพื่อความสำเร็จของธุรกิจ และสร้างการรับรู้บริการต่าง ๆ ของดีพร้อม 1) ผ่านช่องทางออนไซต์ ณ “ศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม หรือ DIPROM BSC” ในกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค รวม 13 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็น Front Desk ที่มีการปรับปรุงการบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยกระดับการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ให้มีความง่าย สะดวก รวดเร็ว ตรงตามความต้องการของผู้รับบริการ รวมทั้ง 2) ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยระบบ DIPROM E-Service ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม และปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับสากล ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ภายใต้กลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป ของดีพร้อมและสอดรับกับนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ โดย รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ในหัวข้อ “Next Chapter ของเศรษฐกิจไทยปี 2568 : โอกาสและความท้าทายในโลกที่เปลี่ยนแปลง” การบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการตลาด ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านบัญชีและการเงิน ด้านการผลิต เป็นต้น และการประชาสัมพันธ์โครงการของหน่วยงานดีพร้อมในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ทั้งด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ สินเชื่อเพื่อการลงทุน การสร้างสุขภาวะในองค์กร และการบริการซอฟต์แวร์ เครื่องมือที่ช่วยประกอบธุรกิจในยุคดิจิทัลอีกด้วย
04 มี.ค. 2025
“ดีพร้อม” ร่วมโต๊ะอนุกรรมาธิการฯ เสนอแนวทางการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด ลดผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 26 กุมภาพันธ์ 2568 - นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษาแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมสีเขียว ในคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา “ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยในการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยมี นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะอนุกรรมาธิการ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 401 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา เขตดุสิต กรุงเทพฯ การประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมหารือและเสนอข้อคิดเห็นสำหรับเป็นข้อมูลในการพิจารณาศึกษาการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดและผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นเพื่อลดข้อกังวลในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ ทำให้มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาคอุตสาหกรรมที่สะอาดกว่าในด้านต่าง ๆ อาทิ กระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ “ดีพร้อม” ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการส่งเสริมการยกระดับธุรกิจ SME ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อให้สามารถปรับตัวให้ก้าวทันอุตสาหกรรมยุคใหม่ ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนการใช้พลังงาน ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สอดคล้องตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้ง ยังมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและแรงงาน ให้สามารถปฏิบัติงานร่วมกับหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัจฉริยะได้ สอดรับตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้" ปฏิรูปดีพร้อม โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาภาคอุตสาหกรรมให้พร้อมเข้าสู่ยุค 5.0 อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ติดตามความคืบหน้าผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ จากการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีคาร์บอน, Green Taxonomy, และผลกระทบจากมาตรการ Carbon Pricing เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป
04 มี.ค. 2025
รสอ.สุรพล ระดมทีมดีพร้อม ศึกษาแนวทางการให้บริการผู้ประกอบการ เตรียมปฏิรูปดีพร้อมสู่องค์กรทันสมัยสอดรับนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 26 กุมภาพันธ์ 2568 - นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการผู้รับบริการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ร่วมด้วย คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดีพร้อม ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถ.พระรามที่ 6 ราชเทวี การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการผู้รับบริการของดีพร้อมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1) การแบ่งพื้นที่การให้บริการงานส่งเสริมของดีพร้อม ว่าจะเป็นแบบ Project based หรือ Customer based ซึ่งต้องมีการปรับพื้นที่ความรับผิดชอบ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงการบริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น 2) การบริหารจัดการให้ผู้รับบริการมีความสะดวกมากขึ้น โดยบูณาการการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม (DIPROM BSC) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) เพื่อเป็น Front desk ในการให้บริการลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ และ 3) การส่งต่อผู้รับบริการของศูนย์ DIPROM BSC ผ่าน Front desk ซึ่งจะเป็นการดำเนินการโดย DIPROM BSC ทั้งจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) โดยจะมีการวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการด้วยเครื่องมือ DIPROM Business Check Up ผ่านระบบ E-service และบริหารจัดการข้อมูล โดยให้มีการศึกษาเพิ่มเติมร่วมกับศูนย์ฯ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอผู้บริหารพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ การประชุมหารือฯ ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกลไกการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ปฏิรูปดีพร้อม ตามนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้ (DIPROM Community)” ที่มุ่งปฏิรูปดีพร้อมให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย สามารถให้บริการวิสาหกิจไทยได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถรับมือกับบริบทและกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกผ่านการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ที่มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยทั่วทุกพื้นที่ของประเทศและพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการปรับตัวให้เข้ากับวิถีใหม่ของโลก สอดรับกับนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
28 ก.พ. 2025
ปลัดฯณัฐพล ดันสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก ชื่นชม บ.เทพไทย ต้นแบบพัฒนากิจการจากโอทอปสู่เอสเอ็มอี
จ.สงขลา - นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ และ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการในจังหวัดสงขลา ตามนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ ณ บริษัท เทพไทย โปรดัคท์ จำกัด จ.สงขลา ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า บริษัทฯ เทพไทย เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ภาคภูมิใจ เพราะเป็นผู้ประกอบการที่มีการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ โดยแรกเริ่มเป็นกิจการโอทอป ก่อนจะขยับขยาย เป็นกิจการเอสเอ็มอีที่เป็นที่รู้จัก โดยบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนผ่านกลไกเครื่องมือต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ “ดีพร้อม” อาทิ การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนฯ การพัฒนาและออกแบบสลากสินค้า/บรรจุภัณฑ์ การเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ (NEC) และธุรกิจใหม่ (NBC) การพัฒนาผู้ประกอบการ OTOP สู่ยุคดิจิทัล (Digital OTOP) การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมระบบอัจฉริยะ ปรับปรุงระบบบริหาร และทำให้บริษัทฯ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประเภทการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2566 ถือเป็นต้นแบบของผู้ประกอบการที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง "บริษัทเทพไทยฯ นับเป็นตัวอย่างที่ดีและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ในการพัฒนาธุรกิจ พัฒนาตนเอง อย่างมุ่งมั่นและต่อเนื่องจนประสบความสำเร็จ ซึ่ง อก. จะส่งเสริมสนับสนุนการชูอัตลักษณ์เรื่องการสมุนไพรเพื่อสร้างจุดแข็งที่สำคัญทางการตลาด ทำให้สินค้ามีความโดดเด่น น่าสนใจ และเป็นที่สนใจของตลาดต่างชาติ นับเป็น soft power ที่มีอัตลักษณ์อย่างหนึ่งที่สามารถส่งออกไปยังตลาดต่างชาติได้ และยังเป็นการสนับสนุนการซื้อและใช้วัตถุดิบสมุนไพรต่าง ๆ เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชุมชน และในระยะต่อไป อก. จะส่งเสริมในด้านต่างๆ อาทิ การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ การจับคู่ทางการค้า การให้ความรู้ด้านการตลาดและโฆษณา การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบในประเทศเพิ่มขึ้น การสนับสนุนเรื่องการวิจัยผลิตภัณฑ์ เป็นต้น และ อก. ยังมีโครงการและกิจกรรมอีกมากมายสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ อาทิ การอบรมให้ความรู้การจัดการการบริหารงานองค์กร การให้คำแนะนำออกแบบผลิตภัณฑ์ การสนับสนุนเงินทุนผ่านกองทุนต่าง ๆ เป็นต้น" ปลัดฯ ณัฐพลกล่าว บริษัท เทพไทย โปรดัคท์ จำกัด เป็นผู้ผลิตยาสีฟัน สบู่ และโลชั่นบำรุงผิวจากส่วนผสมสมุนไพร อาทิ การบูร พิมเสน เมนทอล ข่อย กานพลู ใบฝรั่ง อบเชย ชะเอม ที่มีการเริ่มต้นจากอุตสาหกรรมในครัวเรือน และได้พัฒนาต่อยอดขยายธุรกิจจนมีชื่อเสียงในประเทศ และมีกระบวนการผลิตที่มีการควบคุมคุณภาพ ผ่านการรับรองและการตรวจประเมินต่าง ๆ ซึ่งศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 (ศภ.11) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้มีส่วนในการพัฒนาช่องทางการตลาด ส่งเสริมการหารายได้และรูปแบบการบริหารจัดการตลาดออนไลน์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้น
26 ก.พ. 2025
“ดีพร้อม” รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานซอฟต์พาวเวอร์ เตรียมชง 4 โครงการอุตสาหกรรมอาหาร ปีงบประมาณ 68 ตามนโยบาย รมว.เอกนัฏ
กรุงเทพฯ 21 กุมภาพันธ์ 2568 – นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจาก นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 พร้อมด้วยคณะกรรมการจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ การประชุมในครั้งนี้ ได้มีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการภายใต้อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์เป้าหมายที่ได้รับจัดสรรงบกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) และคณะอนุกรรมการด้านอาหาร ได้รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อน "โครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย" ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการตามนโยบาย One Family One Soft Power : OFOS ที่มุ่งเน้นส่งเสริมและเพิ่มทักษะให้ผู้ที่สนใจสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้โดยปัจจุบ้นอยู่ระหว่างดำเนินงาน และ “โครงการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย” ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งผลจากการดำเนินงานส่งผลให้มีผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น จำนวน 42 ร้าน ผู้ประกอบการ จำนวน 163 คน และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการตามงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2568 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย โครงการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย โครงการยกระดับศูนย์นวัตกรรมอาหารชุมชน และโครงการส่งเสริมการใช้นวัตกรรมยกระดับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน มุ่งหวังเพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ให้ชุมชน และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่มุ่งเน้น “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ต่อมา “ดีพร้อม” และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ได้รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่น จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่น และโครงการการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นไทยสู่สากล ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ และเกิดผลสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยจากโครงการ ส่งผลให้บุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่นใน 4 สาขา ได้แก่ 1) เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย (Apparel) 2) อัญมณีและเครื่องประดับ (Jewelry) 3) หัตถอุตสาหกรรม (Craft) และ 4) ผลิตภัณฑ์ความงาม (Beauty)ได้รับการยกระดับองค์ความรู้ความสามารถ ทักษะ และเทคนิคในด้านต่าง ๆ จนสามารถนำไปต่อยอดประกอบอาชีพได้กว่า 2,037 คน ทั้งนี้ ได้มีการพัฒนาและจัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ (E-Learning) จำนวน 10 หลักสูตร เพื่อกระตุ้นให้เกิดบุคลากรในอุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้น ตลอดจนมีการส่งเสริมการนำอัตลักษณ์ที่เป็นทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์แฟชั่นให้มีมูลค่าเพิ่มเพื่อยกระดับสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากล รวมทั้งการขยายโอกาสทางการตลาดให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแฟชั่น ผ่านการฝึกอบรมด้านการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับสู่การเป็น Hero Brand ระดับสากล อีกกว่า 50 กิจการ ทั้งนี้ คณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณาในประเด็นสำคัญต่าง ๆ อาทิ การสนับสนุนการดำเนินโครงการตามนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล โดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อนำเสนอแก่ กสทช. ในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุน รวมถึงประเด็นแนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย บน THACCA Platform ทั้งเว็บไซต์ THACCA และระบบ OFOS Portal นอกจากนี้ คณะกรรมการได้มีการแต่งตั้งและเพิ่มบุคลากรในคณะอนุกรรมการ และคณะทำงานด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานในภาพรวมซอฟต์พาวเวอร์ และในแต่ละสาขาอุตสาหกรรมที่กำลังจะจัดขึ้นให้สามารถดำเนินไปได้อย่างเป็นรูปธรรม จนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และผลักดันเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
24 ก.พ. 2025
“อธิบดีณัฏฐิญา” ประชุมบอร์ดเงินทุนหมุนเวียนฯ “DIPROM PAY” เคาะแผนบริหารความเสี่ยงเงินทุนดีพร้อมเปย์ เตรียมติวเข้มหน่วยปฏิบัติทั่วทุกภูมิภาค
กรุงเทพฯ 19 กุมภาพันธ์ 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทย ครั้งที่ 1/2568 พร้อมด้วย นางดวงดาว ขาวเจริญ และ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ และเจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM Headquarter) และในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting การประชุมในครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาเรื่องสืบเนื่องเกี่ยวกับแนวทางการตรวจสอบติดตามการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนฯ ของ 12 หน่วยปฏิบัติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งกลุ่มตรวจสอบภายใน (ตสน.) มีการกำหนดรูปแบบการตรวจสอบออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การลงพื้นที่ตรวจสอบและการตรวจสอบผ่านเอกสาร โดยคำนึงถึงหลักการตรวจสอบที่ครบถ้วน ครอบคลุมตั้งแต่ด้านการเงิน การบัญชี การติดตามเร่งรัดหนี้สิน การให้บริการสินเชื่อ รวมถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบและแนวทางที่เกี่ยวข้อง โดยประธานคณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หารือศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศดีพร้อม เพื่อหาแนวทางการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของเงินทุนหมุนเวียนฯ กับงานตรวจสอบภายใน เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน ซึ่งจะทำให้สะดวกในการบริหารจัดการ รวมถึงง่ายต่อการกำกับติดตามการดำเนินงาน สอดรับตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริหารฯ ยังมีการพิจารณาประเด็นการทบทวนคู่มือและการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงของเงินทุนหมุนเวียนฯ ประจำปีบัญชี พ.ศ. 2568 โดยฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล และกำหนดกิจกรรมเพื่อควบคุมความเสี่ยงที่ทำให้ไม่สามารถบรรลุตัวชี้วัดที่กำหนดได้ในปีบัญชี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ได้แก่ การรับชำระคืนเงินต้น การลดหนี้ค้างชำระทั้งที่ไม่เกิน 1 ปี และการลดหนี้ค้างชำระที่เกิน 1 ปี ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ วิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะเป็นกลไกในการดึงดูดผู้ประกอบการที่มีศักยภาพมาเป็นลูกค้ารายใหม่ เพื่อช่วยสร้างสมดุลในการบริหารจัดการหนี้ รวมถึงดำเนินการศึกษาแนวทางการจัดทำมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง และลดโอกาสการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Loan: NPL) ของทุนหมุนเวียนอีกด้วย นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารฯ ยังมีการพิจารณากำหนดเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดการปฏิบัติงานของผู้บริหารทุน คือ เลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1 – 11 และผู้อำนวยการกลุ่มบริหารเงินทุน โดยฝ่ายเลขานุการฯ ได้นำเสนอกรอบตัวชี้วัดการปฏิบัติงานของผู้บริหารทุน ประจำปีบัญชี พ.ศ. 2568 โดยมุ่งเน้นในส่วนของเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานของผู้บริหารทุนจำนวน 4 ด้านประกอบด้วย ด้านการเงิน การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การปฎิบัติการ และการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล/กระทรวงการคลัง เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนฯ และเป็นแหล่งทุนในการสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดรับกับนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ที่มีกลไกการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป อีกด้วย
24 ก.พ. 2025
อธิบดีณัฏฐิญา นำทีมดีพร้อม ร่วมคณะ รมว.เอกนัฏ ล่องใต้ตรวจราชการ ลุยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เน้นตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ชุมชน หวังกระตุ้น GDP ระดับพื้นที่
จ.สุราษฎร์ธานี 17 กุมภาพันธ์ 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา) ในโอกาสการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เกียรตินำคณะฯ พร้อมด้วย ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ และ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมจากส่วนกลางและในพื้นที่ภาคใต้ ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมจักสานกระจูดบ้านห้วยลึก อ.พุนพิน โดยมี นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต้อนรับ และ นางพัชรี จิรดิลก ประธานกลุ่มฯ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งสรุปภาพรวมการดำเนินงานและนำเยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนดังกล่าว นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจราชการว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งมั่นที่จะ “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” และวางรากฐาน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในพื้นที่ ด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยการนำวัตถุดิบในท้องถิ่นมาแปรรูปในเชิงอุตสาหกรรม การผนวกนวัตกรรมเข้ากับวิถีชุมชน เพื่อก้าวไปสู่การเป็นเกษตรอุตสาหกรรม นำเอาภูมิปัญญามาต่อยอดผ่านการใช้ความคิดสร้างสรรค์จนทำให้เกิดเป็นธุรกิจ สร้างอาชีพและรายได้ให้ชุมชน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้สินค้าไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) นำไปสู่การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาดภายใต้แนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ซึ่งเป็นการกระจายความเจริญสู่ระดับพื้นที่ สร้างความสามารถในการเติบโตในตลาดโลก ตลอดจนสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจชุมชนไทยต่อไป สำหรับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM)ได้เข้าไปส่งเสริมและพัฒนากลุ่มวิสาหกิจฯ ในการให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยชีวภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีการปรับปรุงเส้นใยกระจูดที่สามารถป้องกันเชื้อรา การเพิ่มความทนทานให้เส้นใย และการใช้เทคโนโลยีการขึ้นรูปเส้นใยกระจูดเป็นแผ่นเคลือบ ซึ่งสามารถนำไปใช้แทนวัสดุประเภทหนังเทียม เพื่อทำของใช้และของตกแต่งได้ และเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่หลากหลาย ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่น้อยกว่าร้อยละ 15.90 ต่อปี นอกจากนี้ ยังให้บริการด้านเงินทุนหมุนเวียน ดีพร้อมเปย์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยชีวภาพ โดยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ด้วยการนำเส้นใยกระจูดที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตมาวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเหลือทิ้งให้สามารถกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ภายใต้นโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ผ่าน กลยุทธ์ 4 ให้ 1 ปฏิรูป ที่มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการและวิสาหกิจไทยเดินหน้าเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่และส่งเสริมให้อุตสาหกรรมดีอยู่คู่ชุมชน ทั้งนี้ กลุ่มวิสาหกิจดังกล่าว เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกระจูด อาทิ กระเป๋า ของใช้ของตกแต่ง โดยนำภูมิปัญญาผนวกกับพืชพื้นถิ่นที่มีอยู่เดิม นำมาต่อยอดและพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยและใช้งานได้หลากหลายตรงความต้องการของลูกค้า มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จนเป็นสินค้า OTOP ระดับประเทศ อีกทั้ง ยังมีการขยายตลาดเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนตลาดภายในประเทศร้อยละ 80 แบ่งเป็นค้าส่ง ร้อยละ 60 และค้าปลีก ร้อยละ 20 สำหรับตลาดต่างประเทศ มีสัดส่วนร้อยละ 20 โดยมีตลาดส่งออก อาทิ สวีเดน ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น ซึ่งตลาดข้างต้นถือว่าเป็นตลาดหลักที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
21 ก.พ. 2025
พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
15 กุมภาพันธ์ 2568 - นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร การนี้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ไทย และท่านจง ซิ่ง รองประธานพุทธสมาคมจีน เป็นประธานสงฆ์ฝ่ายจีน ในโอกาสนี้ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เข้าร่วมพิธีดังกล่าว โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลอากาศตรีสุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการ ผู้แทนส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมพิธีดังกล่าวด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมระยะเวลา 73 วัน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม ๒๕๖๗ และเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน โดยมีประชาชนทั่วประเทศเดินทางเข้าร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ตลอด 73 วัน จำนวนทั้งสิ้น 2,993,737 คน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำเร็จของพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) หลังจากประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในประเทศไทยครบ 73 วัน จนถึงการอัญเชิญกลับสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศที่ยาวนานกว่า 50 ปี โดยระบุว่า "ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสายใยแห่งศรัทธาและมิตรภาพของทั้งสองประเทศ" พร้อมเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและจีนจะยังคงเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) กลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยมีคณะสงฆ์จากไทยและจีน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมในพิธี ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ภายในพิธีมีการถวายพวงมาลัย การสวดเจริญพระพุทธมนต์ และประกอบพิธีส่งมอบพระบรมสารีริกธาตุอย่างสมเกียรติ การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงออกถึงความศรัทธาร่วมกันในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน และจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืนในอนาคต
21 ก.พ. 2025
“เอกนัฏ” ปาฐกถาพิเศษ FTI EXPO 2025 เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน
15 กุมภาพันธ์ 2568 - นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ แนวทางการปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต ในงาน FTI EXPO 2025 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “EMPOWERING THAI INDUSTRY, ELEVATING THAILAND’S FUTURE เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตไทยที่ยั่งยืน” โดยมี นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ ณ Hall 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย มีพื้นที่เศรษฐกิจ EEC พื้นที่การนิคมอุตสาหกรรมเป็นแรงผลักดันสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และที่สำคัญมีสภาอุตสาหกรรมที่ช่วยผลัดดันภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ทันสมัย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ปัญหาท้าทายภาคอุตสาหกรรมไทยในปัจจุบัน เช่น ปัญหาการเผาอ้อย จับสินค้าเถื่อนไม่ได้มาตราฐาน กระทรวงอุตสาหกรรมได้ใช้มาตราการอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหา แต่วันนี้ภารกิจที่กระทรวงอุตสาหกรรมเผชิญต้องได้ร่วมมือกับทางสภาอุตสาหกรรมในการปฏิรูปอุตสาหกรรม ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี Ai ปัญญาประดิษฐ์มาแก้ไขปัญหา และส่งเสริมสนับสนุนภาคเอกชนให้สามารถประกอบกิจการได้อย่างสะดวกและมีความรับผิดชอบ ในอนาคตกระทรวงอุตสาหกรรมจะนำเทคโนโลยี Ai ปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในกระบวนการออกใบอนุญาต ให้มีความโปร่งใส มีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ปลดล็อก“โซลาร์รูฟท็อป” โดยผู้ประกอบการหรือประชาชนไม่ต้องขอใบอนุญาต รง.4 เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในทุกภาคส่วน ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมผลักดัน พรบ.กากอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นกฎหมายสำคัญในการจัดการและแก้ไขปัญหากากอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน “กระทรวงอุตสาหกรรมและทุกภาคส่วนยินดีสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมที่จะปรับแก้ไขใช้เทคโนโลยีสร้างความสะดวกและโปร่งใส เตรียมความพร้อมให้ SME ไทยขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ปฎิรูปอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เข้มแข็งและยั่งยืน“ รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวปิดท้าย
21 ก.พ. 2025